EP 10

1192 Words
“ไม่ทนแล้วเราจะไปอยู่ไหนล่ะเดียร์ เงินเก็บไม่มี การมีที่อยู่ดีที่กินดีแต่ลำบากใจ ก็ดีกว่าสบายใจแล้วลำบากกายและต้องไปร่อนเร่เป็นไหนๆ นะ เดียร์ไม่รู้หรอกว่า ชีวิตแบบนั้นมันเป็นยังไง ทนได้ก็ต้องทน เพื่ออนาคตของเดียร์เอง ไว้เรียนจบ มีงานทำ มีเงินเก็บแล้วค่อยว่ากันอีกที” เป็นคำตอบจากแม่ ในทุกๆ ครั้งที่ปริยกรทนไม่ได้ต้องถามออกไป มันเป็นความจริงเสียยิ่งกว่าจริง เลยจำต้องทนอยู่เพื่อให้เรียนจบ จะได้มีงานดีๆ ทำ มีเงิน แล้วจะพาแม่ไปอยู่ที่อื่นให้รู้แล้วรู้รอดไป อยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีความสุขใจมากกว่าขุมนรกนี้ “ไม่ใช่ป้าอ้วนหรอก ป้ามีต่างหากมาเล่าให้แม่ฟัง” คนที่ปรียาพูดถึงนั้น ก็คือเมียของลุงลี ผู้เป็นคนสวนและทำหน้าที่อื่นๆ สารพัดแล้วแต่จะถูกใช้นั่นเอง “ป้ามีมาบอกแม่ตอนไหนจ๊ะ” มือที่ถือช้อนค้างไว้เมื่อครู่ ถูกส่งข้าวต้มเข้าปากด้วยความหิวต่อ เพราะวันนี้กินขนมปังสังขยาถุงละสิบสองบาทกับน้ำแก้วเดียวเท่านั้น “ตอนบ่ายๆ น่ะ แกเอาข้าวเที่ยงแบ่งมาให้แม่” ปริยกรนึกขอบคุณป้ามีไม่น้อย ที่ยังมีน้ำใจแอบมาดูแลแม่ยามเจ็บป่วยในตอนที่ลูกคนนี้ไปเรียนบ่อยครั้ง โดยเฉพาะตอนที่โรคร้ายแรงรุมเร้า จนแม่ลุกมาทำอะไรกินไม่ไหว แต่ถึงไหวก็คงทำอะไรได้ไม่มาก นอกจากต้มมาม่า หรือไข่ดาวโปะข้าวสวย ในเมื่อเงินที่จะมาซื้อหาอาหารมีน้อยนิดเต็มที และต้องได้จากพ่อส่งผ่านมาทางคุณนายใหญ่เท่านั้น “ป้ามีบอกว่าคุณผู้หญิงไม่ยอมให้เงินเดียร์เหรอ” ปรียาละคำด่าแบบสาดเสียเทเสียของคนบ้านใหญ่ที่ได้ยินจากมีเอาไว้ เพราะไม่อยากใส่เชื้อไฟเพิ่มให้ลูกอีก “จ้ะ” ไม่รู้ว่าป้ามีเล่าอะไรบ้าง ตัวเองก็ไม่อยากเล่าด้วย รังแต่จะทำให้จิตใจแม่ย่ำแย่มากกว่าเดิมอีก โรคนี้กับความเครียดไม่ค่อยจะถูกกัน ดังนั้น! เรื่องไหนไม่ดี ก็ไม่อยากให้แม่รู้ถ้าไม่จำเป็น “แล้วเดียร์จะทำยังไงต่อล่ะ” “เดียร์คิดว่าจะยืมเงินรุ่นพี่มาจ่ายก่อน แล้วทำงานหาใช้เทอมหน้าจ้ะแม่จ๋า” หญิงสาวเก็บงำเรื่องที่คิดจะทำเอาไว้ เพราะแม่เฝ้าย้ำหนักย้ำหนา ว่าเกิดเป็นลูกผู้หญิง สิ่งภูมิใจเดียวที่มีก็คือการรักษาความสาวไว้ให้ชายที่ตัวเองจะแต่งงานด้วย จะได้มีค่าในสายตาชายคนนั้น จะได้ไม่ถูกตีค่าว่าเป็นของเหลือเดน เป็นของไม่มีราคา และจะส่งผลดีกับชีวิตในวันข้างหน้า จะได้มีคนคอยเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี “เหมือนที่คุณพ่อเลี้ยงแม่อยู่ตอนนี้เหรอจ๊ะ” เมื่อก่อนปริยกรเคยแย้งแม่ออกมาตรงๆ เพราะทนกับการเลี้ยงดูแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ของพ่อไม่ได้ บวกกับความที่ยังเด็ก ยังไม่เห็นอะไรมากเท่าตอนนี้ ‘เดียร์! อย่าว่าคุณพ่อแบบนั้นสิ เดียร์ลองคิดดีๆ นะ ว่าถ้าแม่ไม่ได้มอบความสาวให้คุณพ่อ และเป็นเมียที่ดีของคุณพ่อมาโดยตลอด ป่านนี้คุณพ่อก็คงจะไล่เราสองคนไปอยู่ที่อื่นแล้วล่ะ ไม่เลี้ยงไว้ใกล้ตัวแบบนี้หรอก เดียร์ไม่เห็นเหรอ ว่าลูกเมียน้อยคนอื่นๆ คุณพ่อให้มาใกล้ที่ไหน ยังไงๆ พ่อก็มีบุญคุณล้นหัวเดียร์นะ อย่าพูดแบบนี้ให้แม่ได้ยินอีก ถ้าไม่อยากให้แม่เสียใจมากไปกว่านี้’ ตั้งแต่นั้นมา ปริยกรเลยแย้งคำแม่อยู่ในใจ ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมาอีก ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับคำแม่ แต่เป็นเพราะไม่อยากให้แม่เสียใจอีกต่างหาก ในเมื่อแม่ต้องเสียใจเพราะความหมางเมิน ความห่างเหินจากพ่อแล้ว และไหนจะเสียใจจากความร้ายกาจของคุณนายบ้านใหญ่อีก “แล้วเดียร์ได้งานหรือยัง ที่บอกแม่เมื่อคืนว่าจะไปสมัครน่ะ” “เอ่อ! ได้แล้วจ้ะ เป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารที่เพื่อนทำอยู่ก่อนแล้วจ้ะแม่จ๋า” ปริยกรไม่รู้ว่าตัวเองคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยังไง อาจจะเป็นเพราะความที่ไม่อยากให้แม่ต้องเสียใจ กับการกระทำอันไม่มีทางเลือกของลูกที่จะนำพาให้แม่เสียใจจนชีวิตอาจจะหาไม่ก็เป็นได้   สองวันหลังจากนั้น ปริยกรก็รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว ว่าจะต้องทำในสิ่งที่กลัวมาตลอด แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกและไม่อาจจะเลี่ยงอะไรได้ ก็จำต้องฝืนใจ แทนการบอกแม่ตั้งแต่ออกบ้านในตอนเช้าที่ไปเรียน กลับใช้วิธีโทรบอกในตอนเย็น หลังจากเอาเงินที่แจ้สออกให้ก่อน ไปจ่ายค่าเทอมเรียบร้อยแล้ว “แม่จ๋า! เดียร์จะไปทำงานร้านอาหารนะจ๊ะ เลิกเที่ยงคืน คงกลับบ้านไม่ได้ เดียร์จะไปนอนบ้านเพื่อนจ้ะ ตอนสายๆ จะกลับนะจ๊ะ” เหตุที่ต้องค้างคืน มาจากชายผู้ประสงค์จะซื้อพรหมจรรย์ไป อยากให้เป็นแบบนั้น และเสนอเงินจำนวนแสนห้าหมื่นบาทให้ พี่โมแจ้สตัดส่วนแบ่งไปห้าหมื่น แล้วบอกว่าจะต้องตัดให้จี๊ดกับพิมลแขคนละห้าพัน เป็นสินน้ำใจค่านำพามา ‘ถ้าเขาให้จริงๆ เราจะคืนให้เดียร์นะ เราไม่เอาหรอก เดียร์จำเป็นต้องใช้เงิน’ จำได้ว่าเพื่อนบอกมาแบบนี้ แต่ก็ยังพูดอะไรไม่ออก ด้วยกำลังจิตนาการว่าจะต้องไปพลีกายให้อาเสี่ยพุงพุ้ย ที่ตัวเองไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในชีวิตจะมีสภาพยังไง แล้วน้ำตาก็พาลไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ เมื่อสิ่งหวงแหนนั้น ไม่ได้เก็บไว้มอบให้ชายที่ตัวเองเผลอใจรักมานานปี แม้จะรู้ดีว่าเส้นทางของตัวเองกับเขานั้นเสมือนขนานกัน ไม่มีวันจะมาบรรจบพบเจอกันได้ แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังดีที่ได้แอบรักแอบมองเขา และยังหลงเหลือความภาคภูมิใจในชีวิตสาวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เพียงแค่คิด ว่าต้องสูญเสียไปให้ชายหน้าไหนไม่รู้ น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา ‘อย่าคิดมากเลยนะเดียร์ คิดซะว่า ทำเพื่อแม่ จะได้ไม่ถูกกดขี่ข่มเหงจากบ้านใหญ่อีก และเพื่ออนาคตของเรา’ คำเตือนของเพื่อนก่อนจะแยกไปทำงาน ยังคงก้องอยู่ในหูของสาวผู้กำลังจะเดินไปให้ชายผู้ไม่รู้จักหน้าคร่าตา แต่จะได้มาทำลายทั้งกาย ใจ และศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้านี้ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD