มู่หยวนที่ใจคอไม่ดี จะเลิกถอนหญ้าในรั้วก็ไม่กล้า หากพี่สาวกลับมาไม่เห็นนางทำงานอยู่นางอาจจะโดนพี่สาวตีเอาอีก จึงได้แต่วิ่งไปวิ่งมา คอยชะเง้อมองตามทางที่พี่สาวและพี่ชายหายเข้าไปในป่า สลับกับวิ่งมาถอนหญ้า น้ำตาก็ไหลพรากไปอย่างกังวลใจ พอได้ยินเสียงหัวเราะของมู่หรงฉี เด็กหญิงถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นทันที หัวใจที่แขวนเอาไว้สูงของนางค่อยๆ ลดลงมาอย่างโล่งอก นางกลัวแทบตายว่าจะไม่มีใครกลับมาหานางอีก
“หยวนเอ๋อร์ มาดูนี่เร็วเข้า!!” มู่หรงฉีวิ่งกอดตะกร้าใบเล็กแน่น เกรงว่าจะไข่ในนั้นตกแตก เอามาอวดน้องสาว
“ไข่หรือเจ้าคะ? วันนี้พวกเราจะได้กินไข่หรือพี่สาม” เด็กหญิงปาดน้ำตาที่ก่อนหน้านี้ร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว แต่เวลานี้นางร้องไห้เพราะดีใจไปอีกรอบ
“ใช่แล้ว ข้าจะต้มให้เจ้ากินเอง พี่รองบอกแล้วว่าจะกินกี่ฟองก็ได้ ให้พวกเรากินได้เต็มที่เลย” มู่หรงฉีหันไปยิ้มให้พี่สาวอย่างเอาอกเอาใจ
มู่หรั่นชิวยืนมองดูน้องสองคนที่ร่าเริงแจ่มใสกันอย่างเห็นได้ชัดอย่างเอ็นดู ก่อนจะแสร้งส่งเสียงตำหนิเบาๆ ออกมา
“ไหนหญ้าที่ข้าสั่งให้ถอนออกให้หมดทำกันเสร็จแล้วหรือยัง”
มู่หรงฉีหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินพี่สาวถามถึงเรื่องงาน เขามัวแต่กระวนกระวายใจจนถอนหญ้าไปได้เล็กน้อยเพียงเท่านั้น
“หยวนเอ๋อร์เอาตะกร้าไปเก็บในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่สามจะไปทำงานต่อเอง เดินระวังนะ” เด็กชายรีบส่งตะกร้าให้น้องสาวคนเล็ก
“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ต้องทำต่อกันแล้ว ตามข้าเข้ามาทั้งสองคนนั่นล่ะ”
เด็กชายรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่มลงมาก็ไม่ปาน เมื่อครู่เพิ่งจะดีใจที่พี่สาวใจดีกับตนอยู่หยกๆ เจ็บใจนักที่เขาทำงานช้าพี่สาวคงจะเรียกตนเองและน้องสาวไปทำโทษเป็นแน่ ส่วนมู่หยวนไม่ได้รู้สึกอะไร ถูกพี่สาวตียามนี้นางดีใจกว่าถูกพี่สาวทิ้งไว้ให้อยู่ลำพังมากมายนัก จึงยินยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
“หรงฉีไปเอาหินบดยาของท่านแม่มา ส่วนหยวนเอ๋อร์ไปหยิบมีดกับเอาถ้วยและช้อนมาให้ข้า" เด็กสองคนรีบทำตามคำสั่งที่เพิ่งได้รับมาอย่างว่าง่าย
เมื่อได้อุปกรณ์มาครบ มู่หรั่นชิวก็ค่อยๆ ผ่าผลปาโต้วออกอย่างเบามือพร้อมกับอธิบายขั้นตอนให้เด็กทั้งสองฟัง
“ผลปาโต้ว จะใช้ได้เฉพาะเนื้อของมันเท่านั้น เมล็ดของมันมีพิษร้อนเวลาผ่าออกอย่าให้โดนเมล็ด จากนั้นก็ใช้ช้อนขูดเนื้อของมันออกเอาไปบดให้เป็นผงละเอียด” เด็กสาวทำตามขั้นตอนที่ตนเคยเรียนรู้มาจากชาติก่อน
แม้ว่าในชีวิตก่อนหน้านางจะไม่ได้เรียนแพทย์แผนจีน แต่ที่บ้านก็เปิดร้านขายสมุนไพรแห้งและสมุนไพรสดแบบโบราณ สินค้าหลายชนิดในร้านนางถูกบิดาพร่ำสอนให้เรียนรู้อยู่เป็นประจำ จนสามารถจดจำข้อมูลของสมุนไพรบางอย่างได้บ้าง
“พี่รองรู้จักวิธีทำของเหล่านี้ได้อย่างไรขอรับ” มู่หรงฉีตั้งใจฟังและดูสิ่งที่พี่สาวทำทุกขั้นตอน และนึกสงสัยว่าพี่สาวไม่ค่อยออกจากบ้านแล้วรู้จักต้นและผลของปาโต้วได้อย่างไร
“เจ้าไม่รู้จักสังเกตเองต่างหากเล่า ผลปาโต้วนี่ท่านแม่เก็บมาบดทำเป็นผงโรยบาดแผลให้พวกเราออกจะบ่อย ข้ายังรู้อีกหลายเรื่องจากท่านพ่อท่านแม่อีกด้วย เจ้าจดจำที่ข้าสอนเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน” มู่หรั่นชิวอยากสอนให้เด็กสองคนได้รู้จักใช้ชีวิตในป่านี้จริงๆ แม้ว่าตนเองอายุจริงก็แค่ 18 ปี แต่หากเทียบกับเด็ก 8 ปีอย่างน้องชายนางก็ยังถือว่านางมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า
จิตใจที่ห่อเหี่ยวไปเล็กน้อยของสองพี่น้องกลับถูกเติมเต็มขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหวานไพเราะของพี่สาว สั่งสอนพวกเขาอย่างเอาใจใส่ ไม่นานผลปาโต้วที่บดละเอียดแล้วก็ใช้งานได้
“ฉีเอ๋อร์ แกะผ้าพวกนั้นออก พี่จะใส่ยาให้”
มู่หรงฉีรู้แล้วว่าพี่สาวกำลังบดยาเพื่อมารักษาให้เขา รีบแกะผ้าที่พันมือเอาไว้อย่างลวกๆ ออก ผ้าที่ติดกับเลือดที่แห้งกรังทำให้เด็กชายเจ็บจนต้องสูดปาก แต่ก็อดทนไม่ร้องไห้ ปล่อยให้มู่หรั่นชิวใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบสกปรกรอบๆ ออกแล้วจึงใช้ช้อนตักยามาโรยใส่แผลให้เขา
มู่หรั่นชิวไม่ใช่ว่าจะมั่นใจ นางรู้สรรพคุณของปาโต้ว เคยเห็นมารดาบดยามาใส่แผลให้บิดาและพี่น้องก็บ่อย แต่ทำเองครั้งแรกก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่นางก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว แผลของนางและของมู่หรงฉีควรต้องมีอะไรมารักษาบ้างล่ะ ดีกว่าปล่อยเอาไว้โดยไม่ทำสิ่งใดเลย
จัดการพันผ้าผืนใหม่ให้น้องชายจนเสร็จ เด็กสาวก็นอนลงให้มู่หยวนใส่ยาลงบนแผลที่ศีรษะให้นางบ้าง ซึ่งเรื่องนี้นางรู้สึกชื่นชมน้องสาวตัวน้อย ที่นางทำได้ดีมือไม่สั่นและไม่มีอาการหวาดกลัวออกมาเลยสักนิด
“ฉีเอ๋อร์เพิ่งใส่ยาใหม่ลงไป เช่นนั้นวันนี้พวกเราก็หยุดถอนหญ้ากันก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะไปต้มไข่จะได้พกติดตัวไปกินระหว่างทาง วันนี้เราจะไปที่อารามดับทุกข์กัน”
“พี่รองท่านก่อไฟได้หรือ? ข้าทำเอง” มู่หรงฉีรีบขวางพี่สาวเอาไว้ เมื่อเห็นนางก้มหน้าหยิบฟืนเตรียมก่อไฟ
“ฉีเอ๋อร์ ถึงพี่รองจะไม่เคยทำแต่ก็เห็นมาตลอดแล้ว ข้าทำเป็นหรอกน่า เจ้าไปนั่งรอเฉยๆ” มู่หรั่นชิวเคยก่อไฟต้มสมุนไพรจีนอยู่บ่อยๆ เพียงแค่ว่าในสมัยใหม่นางใช้ไฟแช็ก แต่ในยุคนี้มีหินไฟ ที่ต้องเคาะให้ประกายไฟกระเด็นไปติดเชื้อไฟอย่างขุยไม้แห้ง วิธีการยุ่งยากกว่าแต่ก็ไม่ได้ลำบากเกินไปนัก
มู่หรงฉีและมู่หยวนนั่งมองดูพี่สาวจัดการก่อไฟต้มไข่ 6 ฟอง ด้วยสายตาชื่นชมเคลิบเคลิ้มราวกับพวกเขานั่งมองดูนางฟ้าตัวน้อยที่สูงกว่ามู่หรงฉีไม่มากนัก พี่สาวของพวกเขาฟื้นขึ้นมาครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกินจนพวกเขารับเอาความรักและเอาใจใส่เช่นนี้ไว้แทบไม่ทัน
พอต้มไข่เสร็จ เด็กสามคนก็ห่อไข่ต้มติดตัวไปคนละ 2 ฟอง พร้อมกับมู่หรั่นชิวก็ยกตะกร้าใส่เมล็ดพันธ์ผักหลายชนิดมุ่งหน้าไปทางภูเขา ทั้งสามหยุดพักเหนื่อยกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งหญ้าโล่งกว้างหนึ่งครั้ง แต่มู่หยวนไม่ยินยอมจะพักอยู่ที่นี่นาน เพราะนางเห็นหลุมที่ตนเองและพี่ชายขุดเอาไว้เมื่อวันก่อนแล้วรู้สึกขนลุกขนพองไปทั่วตัว เดือดร้อนถึงมู่หรงฉีที่ต้องเอาเท้าทั้งถีบทั้งดันกองดินที่อยู่เหนือหลุมไปกลบหลุมใหญ่นั้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้น้องสาวมองเห็นมันอีก
เมื่อมาถึงเชิงเขาหนานผู ซึ่งเป็นชื่อที่คนทั่วไปใช้เรียกวัดหนานผูไปด้วยเลย เพราะวัดแห่งนี้ไม่ได้ตั้งชื่อเอาไว้ ไม่มีป้ายหรือสัญลักษณ์ใดๆ แสดงชื่อ นอกจากอารามใหญ่สามหลังเท่านั้น
เด็กทั้งสามไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา แต่เดินอ้อมตามเส้นทางเล็กๆ ไปทางด้านหลังภูเขาเพื่อไปที่อารามดับทุกข์อันเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาเด็กกำพร้าที่นักบวชทั้งสามอารามด้านบนคอยช่วยเหลือเหลือแบ่งปันอาหารมาให้อยู่นั่นเอง
“มาอีกแล้วหรือหรงฉี หากครั้งนี้ไม่มีอะไรมาแลกข้าจะไม่ให้ของกินกับเจ้าแล้วนะ” เสี่ยวเหวินเด็กชายวัย 10 ปีที่โตที่สุดในบรรดาเด็กที่อาศัยอยู่ในอารามดับทุกข์เดินออกมาหาสามพี่น้องก่อน
มู่หรงฉีหน้าแดงไปเล็กน้อย หลายครั้งที่ผ่านมาเขามาขออาหารจากเสี่ยวเหวินไปจริงๆ โดยไม่มีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน เสี่ยวเหวินบ่นว่าเขาทุกครั้งแต่ก็เต็มใจส่งอาหารให้เขา จนเขาละอายเหลือเกินแล้ว
“มีสิเสี่ยวเหวิน พวกเราเอาเมล็ดพันธุ์ผักมาแลกน่ะ”
พอได้ยินว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ผัก 12 เสี่ยว ที่กลับมาพักเหนื่อยหลังจากที่ช่วยกันแบกน้ำจากลำธารมาเติมใส่โอ่งน้ำทุกโอ่งที่อารามดับทุกข์ก็วิ่งกรูกันเข้ามาล้อม 3 พี่น้องเอาไว้อย่างอยากรู้อยากเห็น
"พ..พ..พี่..สาว หรงฉีไม่ได้..ไม่..ได้ ก..ก..โกหกเรา .ใช่..ใช่ ม..ม..ไหม" เสี่ยวอ่าง เด็กชายที่พูดติดอ่าง วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังมู่หรั่นชิว เขาอยากจะเขย่าแขนพี่สาวเค้นถามแต่ไม่กล้าแตะตัวพี่สาวคนสวย
“ไม่ได้โกหก นี่อย่างไรเมล็ดพันธุ์ผัก” มู่หรั่นชิวเปิดผ้าคลุมด้านบนของตะกร้าออก มองเห็นเมล็ดพันธุ์ 5-6 ชนิด ที่มู่หรั่นชิวแบ่งออกมาจากส่วนของตน ห่อด้วยเศษผ้าให้เด็กๆ ดู