Gypsophila 2

1125 Words
Gypsophila 2 นอกจากภายในร้านที่มีดอกไม้หลายชนิดแล้วที่สนามหญ้าระหว่างหลังร้านไปที่หน้าบ้านฉันก็จัดสวน เป็นสวนดอกไม้และมีต้นไม้รวมถึงมุมนั่งเล่นด้วยนะ เวลาเหนื่อย ๆ จากการทำงานก็นับว่าเป็นจุดที่ทำให้ฉันได้ผ่อนคลายที่สุดเลยก็ว่าได้ “มาแล้วค่ะ” เกือบเที่ยงตรงของวัน เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นที่ประตูด้านหลังร้าน เป็นน้องสาวของฉันอย่างพิมพ์ขวัญที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชุดที่เตรียมออกไปส่งของ ที่จริงน้องแค่มาช่วยงานที่ร้านตอนที่ว่างนะไม่ได้อยู่ประจำเพราะน้องก็มีงานส่วนตัวของตัวแล้วเหมือนกัน แต่งานนั้นน้องชอบที่จะทำตอนกลางคืน ในช่วงเวลากลางวันเลยมาเล่นมาทำงานช่วยที่ร้านแบบนี้นี่แหละ “พี่กำลังจะไปดู” ฉันบอกน้องสาว พิมพ์ขวัญแวะทักทายน้องเหมยเหมยเล็กน้อยจากนั้นก็เดินทักทายทุกคนก่อนจะมาหยุดที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามโต๊ะตัวที่ฉันยืนจัดดอกไม้อยู่ ตอนนี้เริ่มจัดพวงหรีดที่ถูกสั่งเข้ามาแล้วล่ะ หากทำเสร็จเร็วเดี๋ยวจะได้เอาเข้าไปแช่ที่ตู้ไว้รอเวลาลูกค้ามารับของ “หนูตื่นสักพักแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ออกมา” “อื้อ หิวไหม มายด์เพิ่งสั่งข้าวกับเครื่องดื่มไปอีกหน่อยคงเอามาส่งแล้ว” ฉันบอกน้องสาวที่มานั่งทำหน้าอ้อนอยู่ฝั่งตรงข้าม “ทำหน้าอ้อนจัง” เมื่อเห็นว่าน้องกำลังมองอย่างออดอ้อนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวกลับไป ทั้งยังหลุดยิ้มอย่างขบขันเมื่อพิมพ์ขวัญยิ้มจนตาหยีเมื่อถูกจับได้ว่ามีเรื่องจะอ้อนอย่างที่คิด “ผมสีนี้ซีดแล้วนะคะ” จู่ ๆ น้องก็จับผมตัวเองที่เป็นสีแดงสดขึ้นมาให้ดูเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าตื่นเต้นมองฉันอีกครั้ง “เราเพิ่งไปทำมาเองนะ” คุยกับพิมพ์ขวัญมือก็หยิบดอกไม้มาปักใส่โอเอซีสแช่น้ำก้อนสีเขียวที่ถูกจัดแล้ววางขึ้นโครงแบบพวงหรีด “แต่อยากทำใหม่แล้วนี่คะ ของพี่ก็ซีดแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่ตอบตกลงหรืออนุญาตน้องสาวก็เริ่มทักท้วงสีผมของฉันที่ตอนนี้ก็เริ่มสีซีดอย่างที่น้องบอกแล้วนั่นแหละ “พักทำสีผมก่อน เดี๋ยวผมเสีย” ครั้งล่าสุดที่ทำฉันทำสีเขียวมาน่ะสิ ส่วนน้องสาวทำสีแดง หลังจากที่ทำสีเขียวฉันเองก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะพักเส้นผมก่อนแล้วค่อยไปทำใหม่ “ก็ได้ แต่รอบหน้าหนูทำด้วย” พิมพ์ขวัญยอมในที่สุด “ได้ พักทำสีผมสามเดือนตกลงไหม?” ครั้งนี้ฉันเงยหน้ามองน้องสาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เราสองพี่น้องชอบแต่งตัวชอบทำสีผมมากเลยนะ เหมือนเป็นความสุขอีกอย่างนอกจากมีดอกไม้รอบตัวเลยก็ว่าได้ “ตกลงค่ะ” พิมพ์ขวัญขานรับพร้อมกับยิ้มกว้าง “พี่มายด์ วันนี้ออเดอร์ส่งที่ไหนบ้างคะ” เมื่อคุยกันเข้าใจน้องก็หมุนเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ไปยังจุดที่มายด์นั่งอยู่รวมถึง มาลี ที่กำลังช่วยกันจัดช่อดอกไม้ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา “มีแถวสตูดิโอซอยสิบเจ็ด แล้วก็ร้านอาหารอะไรสักอย่างเดี๋ยวพี่บอกอีกที” ฉันปล่อยให้น้องและทุกคนคุยเล่นด้วยกัน ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่ต่ออย่างมีความสุข เมื่อถึงเวลาเที่ยงฉันก็ให้พนักงานไปพักกินข้าวที่ห้องพักหลังร้านที่ถูกต่อเติมออกไปทำเป็นห้องพักเบรก ห้องกินข้าว ส่วนตัวเองจะอยู่หน้าร้านก่อน “ขวัญไปกินข้าวสิ จะได้ไปส่งดอกไม้นะ” แต่คนเป็นน้องสาวฉันกลับไม่ยอมออกไปกินข้าวเที่ยงและเลือกที่จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม กินกาแฟที่ถูกสั่งมาอย่างมีความสุข เราสองพี่น้องเรียกได้ว่าเสพติดน้ำหวานไปแล้วก็ว่าได้ ต้องกินทุกวัน จะไม่กินเฉพาะวันที่หยุดเท่านั้น “ยังไม่หิวเลยค่ะ พี่พิมพ์” คนตรงหน้าเรียกเสียงแผ่วในท้ายประโยค ทั้งยังมองอย่างลังเลใจ เป็นฉันที่วางมือแล้วเงยหน้ามองน้องสาวด้วยความสนใจ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยฉันจะไม่ยอมปล่อยให้น้องรู้สึกกังวลหรือโดดเดี่ยวคนเดียวเด็ดขาด “ว่าไง มีอะไรคุยกับพี่ได้ทุกเรื่องนะรู้ใช่ไหม” “หนูรู้ค่ะ” พิมพ์ขวัญพยักหน้าเข้าใจ “แล้วกังวลอะไรบอกพี่ได้ไหม?” “พ่อกับแม่โทรมาบอกให้เราไปกินข้าวด้วย แต่หนูไม่อยากไปเลย” จู่ ๆ สิ่งที่น้องกังวลก็ถูกเอ่ยขึ้นมา ฉันพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่น้องบอก เพราะฉันเองก็ไม่อยากไปเจอพวกเขาเหมือนกัน “ถ้าไม่อยากไปก็บอกปฏิเสธ เขามาบังคับเราไม่ได้ เรารู้ใช่ไหม?” “หนูรู้ค่ะ แต่บางทีก็ไม่สบายใจที่พวกเขาทั้งโทรทั้งส่งข้อความมา” พิมพ์ขวัญเล่าด้วยสีหน้าและท่าทางไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด “พวกเขาก็ชวนพี่ ทั้งโทรแล้วก็ส่งข้อความมานั่นแหละ เดี๋ยวพี่จะปฏิเสธให้เอง ไม่ต้องกังวลนะ” “เข้าใจแล้วค่ะ” พิมพ์ขวัญพยักหน้าทั้งยังส่งยิ้มให้ฉันอย่างน่าเอ็นดู เด็กน้อยของฉันเหมาะกับรอยยิ้มนะ ไม่เหมาะกับเรื่องเครียด ๆ เลยสักนิด “เข้าใจแล้วก็ไปกินข้าว มีส่งดอกไม้ยาวเลยนะ” “รับทราบค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้หนูแวะซื้อของมาทำชาบูกินด้วย” “ได้เลย เดี๋ยวปิดร้านแล้วจะทำน้ำจิ้มให้นะ” “เย้ ขอบคุณค่ะ หนูไปกินข้าวแล้วนะ” “จ้า ไปกินข้าวเถอะ” มองน้องสาวที่ถือแก้วกาแฟเดินไปยังโซนหลังร้านเพื่อไปกินข้าวกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่จริง เหตุผลที่เราสองพี่น้องออกมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ต้องบอกว่าเกิดจากความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่มันไม่ได้อบอุ่นหรือน่าประทับใจ เพราะพ่อและแม่โดนผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกัน แม้จะมีฉันและน้องสาวเป็นลูกแต่พวกเขาก็ยังคงไม่เคยรักกันเลยสักนิด พอโตขึ้นก็เห็นข่าวที่ทั้งพ่อและแม่ต่างมีคนอื่นเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์ นั่นจึงทำให้ทั้งฉันและน้องตั้งแต่เกิดและจำความได้ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อหรือแม่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD