ในขณะที่ทางด้านฝ่ายเจ้าบ่าวกำลังดื่มสุรามงคลยัง โถงกลางของจวนรองของสกุลหวงยามนี้เป็นเจ้าสาวเช่นเซียวหมิงเยว่นางยังคงนั่งนิ่งสงบอยู่บนเตียงที่มีสาวใช้นางหนึ่งเป็นผู้จับจูงนางมาส่งเมื่อราวสองชั่วยามก่อน ฤทธิ์ยาที่ฮูหยินและนายท่านของตระกูลหลิ่วและเจ้าคุณชายสกุลหลานร่วมมือกันจับกรอกให้นางบัดนี้ยังคงอยู่ นางจึงมิอาจหลบหนีไปอย่างที่ใจคิดวางแผนมาตลอด
ถึงกายนางจะมิอาจขยับได้หากแต่ภายในใจของเจ้าสาวนั้นหาได้สงบนิ่งเหมือนกับท่าทางภายนอกเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจนางนั้นกำลังตื่นกลัวที่สุดในชีวิตที่สองนี่เลยก็ว่าได้ นับจากครั้งที่ตกตึกจนตาย ในยามนั้นนางมิทันได้ตั้งตัว ก็ตายเสียแล้ว ทว่าตอนนี้และที่ห้องหอนี่นางต้องอยู่เผชิญหน้ากับบุรุษแปลกหน้าแต่เพียงผู้เดียว ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้
คำกล่าวว่าคืนเข้าหอมีค่ากว่าทองคำพันชั่งนางล้วนเคยได้ยิน และย่อมรู้แจ้งว่าค่ำคืนของนางและท่านรองแม่ทัพผู้นั้นย่อมมิปล่อยนางไปเป็นแน่ เพราะนี่มันคือชีวิตจริงหาใช่ละครหลังข่าวดังเช่นภพชาติเก่าของนางที่จะมีพระเอกผู้ใจดีมิคิดแตะต้องเจ้าสาว
...แอ๊ด...
เสียงบานประตูถูกผลักเข้ามาก่อนที่เสียงฝีเท้ามั่นคงจะดังตามมา แต่ละก้าวช่างกดดันต่อสาวน้อยบนเตียงเป็นที่สุด หยาดเหงื่อผุดขึ้นมาทั้งที่อากาศยามดึกนั้นแสนจะหนาวเหน็บ
จ้าวไห่เฉิงนั้นจับทุกกิริยาของผู้เป็นเจ้าสาวก็รับรู้ได้ถึงความนิ่งสนิทเกินไปทั้งที่เท้าแกร่งก็ก้าวสม่ำเสมอเนิบช้าใกล้เตียงกว้างเข้าไปทุกที...และทุกที สายตาคมกล้าจับสังเกตที่มือเล็กซึ่งยามนี้กลับวางนิ่ง กายเล็กนั้นสั่นสะท้านทว่าน่าแปลกที่มือเล็กทั้งสองข้างยังวางเฉยอยู่ได้
มือแกร่งเอื้อมไปหยิบเอาคันชั่ง* (มีความหมายว่าสมปรารถนา) แล้วเปิดผ้าคลุมผ้าสีแดงสดออกอย่างใจเย็น เพราะมิได้รู้สึกตื่นเต้นอันใดทั้งสิ้นด้วยคาดว่าหลิ่วหลินอีนั้นก็เพียงเด็กสาววัยสิบแปดหนาวที่มีใบหน้าซีดเซียวเขาพบเห็นมาจนเบื่อแล้วนั่นเอง
ทว่ายามที่ผ้านั้นพ้นไปจากใบหน้า ท่านรองแม่ทัพจ้าว กลับนิ่งค้างไปทันทีต่อให้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเจ้าสาวอาจไม่ใช่คนที่เขาต้องการจับนางมาทรมานก็ด้วย
ด้วยใบหน้าของนางนั้นเล็กเพียงเท่าฝ่ามือยามเขากางออกสุดแล้วคิดทดลองทาบลงไปวัดดู ผิวนั้นขาวเนียนไร้รอยใดให้สะดุดตารำคาญใจ คิ้วใบหลิวนั้นช่างเข้มคม ทว่าก็ช่างรับกันดียิ่งกับทั้งจมูกเรียวเล็กหากแต่เชิดโด่งสวยดวงตาคู่นั้นก็กลมโตแตกต่างจากสตรีชาวเป่ยเหลียงทั่วไปยิ่งนัก
...มิใช่หลิ่วหลินอีนั้นเป็นจริงเสียด้วย...
ท่านรองแม่ทัพวัยยี่สิบห้าหนาวกำลังจะก้าวเข้าสู่ยี่สิบหกหนาวเผลอมองต่ำลงมาจนถึงริมฝีปากเล็กทว่ากลับอิ่มเต็มสีสดดังผลอิงเถา เขาถึงกลับเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยมิทันระวังกาย เหตุใดเจ้าสาวที่เขาระแวงอยู่แล้วว่าจะไม่ใช่หลิ่วหลินอี นางจึงงดงามยิ่งกว่าเหล่าสตรีชั้นสูงยังวังหลวงเช่นนี้เล่า? ชายหนุ่มขยับเข้าไปทรุดกายลงนั่งข้างเจ้าสาวที่ตัวเล็กเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเขาที่กำยำล่ำสัน
"เจ้ากลัวข้าหรือ...อ้ายเหริน"
ดวงตาของนางมองตอบเขามาว่านางในยามนี้ตื่นกลัวอย่างที่สุดทว่าที่เขาสะดุดใจก็คือนางนั้นนั่งนิ่งเกินไป และคนที่ผ่านสนามรบมาตั้งแต่วัยเพียงสิบสี่หนาวก็ให้ฉุกใจคิด
ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกตลบคืนกลับไปเช่นเมื่อครู่ก่อนที่จ้าวไห่เฉิงนั้นจะทดลองวิชาแพทย์เบื้องต้นของต้นเองตรวจดูชีพจรของเจ้าสาวตัวน้อยก่อนที่ผ่านไปครู่หนึ่งคำตอบก็พลันกระจ่าง ที่แท้นางก็ถูกคนแซ่หลิ่วจับกรอกยาสลายกระดูกมาตั้งแต่แรกนั่นเองหึ...
ถึงว่านะสิตลอดทั้งวันไยนางจึงยินยอมเข้าร่วมพิธีการด้วยดีไร้ขัดขืนเช่นนี้ว่าแต่ เจ้าพวกคนแซ่หลิ่วกรอกยาสลายกระดูกนั้นให้แก่นางมากมายเท่าใดกันแน่เล่า? เจ้าสาวคนงามของเขานางจึงบื้อใบ้มาหลายชั่วยามเช่นนี้
ยิ่งเห็นกิริยาของนางนั้นมิได้ขยับเลยชัดเจนแล้วว่านางยังไร้กิริยาโต้ตอบทั้งสิ้น เขาจึงคาดว่าพิษสลายกระดูกคงให้นางมากเกินขนาดเสียแล้วเป็นแน่หาไม่เวลาผ่านไปนานเช่นนี้ไยนางจึงยังมิคล้ายอาการสิ้นแรงดังคนไร้กระดูกไม่คลายฤทธิ์ลงเลย
จ้าวไห่เฉิงเขามิกล่าวอันใดทั้งสิ้นทำเพียงเร่งขยับกายลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตรงไปที่ประตู ทางด้านสาวใช้ผู้มีดวงชะตาสามีหล่นทับศีรษะนางก็คิดไปว่าเขาคงทิ้งนางไปแล้วเป็นแน่เมื่อเห็นความจริงว่าเจ้าสาวหาใช่หนึ่งในบุตรีของคนแซ่หลิ่วเช่นที่ตั้งใจแต่แรก สาวน้อยถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาคล้ายโล่งหัวใจทว่านางยังดีใจมิทันสุดก็พลันได้ยินเสียงดุเข้มเรียกหาพ่อบ้าน
"พ่อบ้านอู๋ท่านอยู่แถวนี้หรือไม่"
คงมิได้คิดจะจับนางโยนออกไปนอกจวนหรอกกระมัง เซียวหมิงเยว่นางนั้นปกติล้วนเป็นผู้มีจินตนาการล้ำเลิศในยามนี้ต้องนั่งนิ่งมิอาจขยับได้เลยเริ่มวาดภาพในหัวไปด้วยความหวาดกลัวเหลือแสน
"ขอรับท่านรองแม่ทัพ"
เสียงบุรุษที่ไปรับตัวนางมาจากตระกูลหลิ่วดังขึ้นในอีกครู่ถัดมา
...อย่าจับข้าโยนออกไปทั้งอย่างนี้เลยนะ... เซียวหมิงเยว่นางทำได้เพียงท่องบ่นในใจเท่านั้นมิอาจเอ่ยร้องขอความเมตตาใดออกไปได้
"ข้าสงสัยว่าฮูหยินของข้านางจะถูกวางยาพิษสลายกระดูกมากไปท่านจงเร่งเคี่ยวสมุนไพรถอนพิษมาให้ฮูหยินจ้าวของข้าสักแปดถ้วย"
ท่านรองแม่ทัพจ้าวกล่าวมิอ้อมค้อม ส่วนเจ้าสาวบนเตียงยามนี้หัวใจพลิกตลบไปมาจนแทบจะเสียสติอยู่แล้ว’ อันใดคือฮูหยินจ้าวของข้า’ กันเล่ารู้ว่าผิดตัวก็อย่ามาลงแค้นกับนางเลย
"ได้ขอรับ...เชิญท่านรองทัพกับฮูหยินรอสักหนึ่งชั่วยามยาจะพร้อมมาส่ง"
พ่อบ้านอู๋ในวัยต้นสามสิบหนาวผู้นี้นั้นเขาเองก็พอมีวิชาแพทย์อยู่บ้างจากการที่ต้องช่วยอดีตนายท่านสกุลจ้าวทำงานมาเป็นสิบหนาวกว่าจะถูกส่งต่อให้มาดูแลคุณชายจ้าวเมื่อหลายหนาวก่อน
เช่นนี้จ้าวไห่เฉิงผู้อยู่ติดที่ชายแดนมานานมากกว่าเมืองหลวงเขาจึงกล้าคิดไหว้วานพ่อบ้านของตนเองแทนที่จะออกไปจัดการลงมือหาสมุนไพรมาด้วยตนเองในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
เพราะวันนี้เขาถูกส่งสุรามงคลให้ดื่มมากไปหน่อยซึ่งปกติแล้วท่านรองแม่ทัพจ้าวแต่ไหนแต่ใดมาเขาก็ไม่ใคร่จะชอบดื่มสุราเช่นเหล่าท่านแม่ทัพและสหายร่วมรบทั้งหลายอยู่แล้ว พอราตรีนี้คล้ายถูกมอมสุราเขาจึงมึนศีรษะไม่น้อยนั่นเอง
ซึ่งออกจะผิดไปจากทหารทั่วไปสักหน่อยหากแต่จ้าวไห่เฉิงเขามีความหวังฝังใจเกี่ยวกับสุราอยู่แล้วจึงมิคิดแตะต้องมันบ่อยนักทว่าวันนี้เขาหลีกหนีไม่ได้เพราะเป็นเจ้าบ่าวจึงจำใจต้องฝืนดื่มเข้าไปไม่น้อยจึงคิดว่าระหว่างรอยาแก้พิษจากพ่ออู๋คนสนิทอยากจะนอนพักสักครู่มากกว่าจะออกไปจากห้องหอในยามดึกเช่นนี้และที่สำคัญเขายังมิอยากเปิดเผยเรื่องราวที่เจ้าสาวของตนเองหาใช่บุตรีคนใดคนหนึ่งของตระกูลหลิ่วเช่นที่บิดาเขามุ่งหมายมาเนิ่นนานในอดีต
แต่ในเมื่อสวรรค์อาจจงใจโยน'ฮูหยินจ้าว'ที่ชาติกำเนิดคาดเดาไม่ยากเย็นเท่าใดว่านางอาจจะเป็นสาวใช้หรืออาจถึงขึ้นเลวร้ายเป็นเพียงนางทาสที่คนสกุลหลิ่วเล่นกลจับมาเป็นเจ้าสาวที่แสนจะต่ำต้อยมาให้เขาทั้งที หากมิคิดจะนำมาใช้ประโยชน์จากนางเลยสวรรค์จะน้อยใจและเสียหน้าเอาได้เท่านั้น
…หึ! ...
ในเมื่อฮูหยินหวงจงใจขัดขวางเขามิหยุดกับการเกี่ยวดองตกแต่งเอาสตรีตระกูลสูงส่งทัดเทียมกันมาช่วยเชิดหน้าชูตาสำหรับคุณชายรองแซ่หวงที่แม้แต่จะเป็นที่กำเนิดจากภรรยาที่เป็นอนุภรรยานางหนึ่งของท่านใต้เท้าหวงยังมิได้เช่นเขาเพราะเกรงว่าสุดท้ายคนเช่นเขาอาจจะได้ดีทัดเทียมคุณชายใหญ่บุตรชายของตัวนาง
ถึงขนาดบีบให้สกุลหลิ่วนั้นส่งสตรีนางนี้ที่เขาคุ้นหน้าว่านางคือสาวใช้มาเป็นเจ้าสาวให้เขาทดแทนคุณหนูสกุลใหญ่มันก็ย้ำชัดเจนให้เขาได้รู้แจ้งอยู่แล้วว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นผู้ใดอยู่เบื้องหลังทั้งหมดทั้งสิ้น
...ก็ต่อให้เขามองตรงมาจากซั่วโจวก็ยังกระจ่างเช่นนี้…ได้! ...
อยากเล่นงานเขาให้กระอักออกมาเป็นเลือดเช่นนั้นจ้าวไห่เฉิงผู้ต้อยต่ำผู้นี้ก็คงต้องรับเอาไว้มิให้ต้าฮูหยินหวงนางได้เสียกำลังแรงใจลำบาก'เอ็นดู’ บุตรเลี้ยงเช่นเขาจนแทบวางแผนสังหารให้ตายลงได้เสียน้ำใจและเสียกำลังทรัพย์ไปแต่เปล่าดาย ซ้อนกลมาเขาก็จะย้อนกลกลับไม่มีโกง!
"จงเยี่ย"
เมื่อนึกบางสิ่งได้เขาจึงเรียกหาคนสนิทกึ่งสหายแต่วัยเยาว์ เพียงครู่กายสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเงียบงันไร้เสียงรอรับคำสั่งอย่างบ่าวผู้ซื่อสัตย์ด้วยสำหรับจางจงเยี่ย ท่านรองแม่ทัพจ้าวและนายหญิงจ้าวนั้นต่างล้วนคือผู้มีบุญคุณเท่าท้องนภา
"จงเยี่ยเจ้าเร่งส่งไปสืบมาว่า'ฮูหยินจ้าว'ผู้นี้นางเป็นผู้ใดและมีฐานะเช่นไรยังตระกูลหลิ่วกันแน่นอกจากเป็นวาวใช้ของคุณหนูสามแล้วก็ยกเลิกกำลังคนที่ติดตามทางฝ่ายของคุณชายใหญ่หวงกับคุณหนูใหญ่หลิ่วกลับมาให้หมดไม่ต้องตามพวกไร้ค่าเหล่านั้นอีกต่อไป"
เพราะสืบความไปก็เท่านั้นติดตามได้เขาก็ย่อมไม่คิดรับสตรีซึ่งหอบผ้าหนีตามพี่ชายตนเองมาเป็นของมือสองอีกเป็นแน่ที่สำคัญ...เขามีของดีมือหนึ่งงดงามรอให้'แกะ'ออกชื่นชมอยู่แล้วจะไปแย่งชิงสตรีที่เป็นบุรุษอื่นไปไย
...ในเมื่อสตรีในดวงใจถูกสวรรค์จับยัดมาส่งอ้อมแขนเขาเช่นนี้แล้ว...
"อ้อ...เจ้าส่งคนของเราล่วงหน้าไปแจ้งแก่ท่านแม่เล็กที่ซั่วโจวว่ากลับไปคราวนี้ข้านั้นจะเร่งพา ศรีสะใภ้กลับไปฝากนางด้วยให้ท่านแม่เล็กจัดของรับขวัญทั้งสะใภ้และหลานในครรภ์นางที่ข้าจะนำไปฝากได้"
เมื่อคิดบางสิ่งจนได้ความกระจ่างจึงสั่งการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตคู่หลังจากตกแต่งฮูหยินแล้วหึ...บิดาของเขาหวาดเกรงที่สุดก็คือเขาจะดำเนินรอยตามเขาในสมัยวัยหนุ่มที่ไปคว้าเอาท่านหญิงบ้านป่าเป็นท่านหญิงชาวนาชาวไร่
ไม่ชอบอยู่ติดจวนจวินกั๋วกงแต่เลือกจะไปอยู่ชิดติดเสียที่ชายแดนมาเป็นมารดาของบุตร จนมิอาจส่งเสริมสามีเช่นบิดาของเขาได้ทั้งที่เป็นถึงท่านหญิงใหญ่โดยแท้เช่นนั้นบุตรกตัญญูเช่นเขาก็จะมิทำให้บิดาช้ำใจจนตายเพราะฮูหยินจ้าว ของท่านรองแม่ทัพจ้าวนั้นนางจะเป็นเพียงสาวใช้ที่ย่ำแย่เสียกว่าท่านหญิงนอกคอกเช่นมารดาของทั้งสองนางของเขานั่นเลยทีเดียว!
...หึ...
สาแก่ใจเช่นนี้นับว่าคุ้มค่าที่เขาถูกขโมยเจ้าสาวถึงสองนางแล้วซึ่งคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันเช่นจงเยี่ยวัยยี่สิบหกหนาวเองก็ดูจะเข้าใจดีว่านายของตนเอง
นั้นเขากำลังมีความรู้สึกเช่นไรที่วันนี้ตนเองถูกฝ่ายฮูหยินใหญ่ล้อเล่นเห็นเป็นสนุกกับการที่นายของเขาต้องตกแต่งกับสตรีที่เป็นเพียงสตรีไร้ที่มาที่ไปล้วนไม่แจ้งชัดทว่าหากเขาที่คาดเดาไม่ผิดไปไกลคนที่ยังนั่งสงบนิ่งดังศิลาสลักยังกลางเตียงคงจะเป็นสาวใช้ไร้เสียงเกินแปดส่วนไปแล้ว...
...นับว่าสตรีเฒ่าช่างโหดเหี้ยมต่อท่านรองแม่ทัพของเขาอย่างยิ่ง...
"ขอรับท่านรองแม่ทัพจ้าว"
รับคำเสร็จสิ้นเขาก็โค้งกายจากไปด้วยก็เป็นบุรุษด้วยกันย่อมรู้คืนเข้าหอล้วนมีค่ามากกว่าทองคำพันชั่งจางจงเยี่ยจึงมิรั้งอยู่ต่อเร่งก้มศีรษะลาจากห้องหอไปทันที ต่อให้รู้แจ้งเจ้าสาวหาใช่ตัวจริง
ทว่าในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล่าวสั่งการชัดเจนไปแล้วว่ากลับชายแดนครั้งนี้จะมีฮูหยินจ้าวติดตามไปด้วยก็คงหมายความว่าผู้เป็นนายมิได้รังเกียจเจ้าสาวผิดตัวนางนี้อย่างแน่นอน
เมื่อคนของตนเองไปไกลแล้วจ้าวไห่เฉิงเขาจึงก้าวเดินตามไปปิดประตูลั่นดานเป็นสัญญาณว่าต่อจากนี้อย่าได้มีใครมารบกวนอีก เขาเดินย้อนกลับมาแล้วเปิดผ้าคลุมหน้านั้นด้วยมือมิได้ใช้คันชั่งเช่นครั้งแรก
"มาเถิด...เรามาดื่มสุรามงคลด้วยกันเหล่าโผ"
"!!"
เขาเพียงกล่าวให้เจ้าสาวตัวน้อยรับรู้หาใช่บอกเล่าขออนุญาตแต่อย่างใดเพราะเขาเอ่ยจบก็เข้าโอบประคองกายของเซียวหมิงเยว่ ให้ลุกขึ้นแล้วบังคับให้เท้าเล็กก้าวไปพร้อมกันเช่นเมื่อคราวที่ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินยังโถงกลางจวนรองแห่งนี้
ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมาทว่าเซียวหมิงเยว่นางก็มิอาจขัดขืนอันใดได้ สุรามงคลถูกนำมาจ่อยังริมฝีปากเล็ก ทว่านางมิอาจขยับเปิดปากออกรับเอาสุรานั้นกลืนลงคอไปได้ ซึ่งคล้ายจ้าวไห่เฉิงเองจะเพิ่งนึกได้ว่ายามนี้เจ้าสาวตัวน้อยนางมิอาจขยับริมฝีปากคลี่ออกมาได้
เขามิได้คิดมาก ในเมื่อนางดื่มเองมิได้สามีที่ดีย่อมต้องดูแลภรรยา ท่านรองแม่ทัพจ้าวยกน้ำเต้าซึ่งบรรจุสุรามงคลเอาไว้แล้วอมมันไว้ในปากตนเอง จากนั้นจึงได้ กดแนบริมฝีปากตนเองลงไปยังริมฝีปากสีสดของเจ้าสาวด้วยกิริยามั่นคงสงบนิ่ง
ดวงตากลมโตคู่นั้นของนางกลับยิ่งเบิกโตขยายกว้างมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว
...จุมพิตมันเป็นเช่นนี้หรอกหรือ...