ช้องม่วงก้าวเท้าลิ่วหล่อนต้องมาดักหน้าก่อนเปิดศึกประกาศศักดิ์ศรีกับพี่เขยชายคนนี้เขาเป็นพี่เขยชื่อนุดลหล่อนมาเรียกร้องให้เพียงดาหวันที่เป็นพี่สาวคนโต ในเรื่องที่ นุดลจะขอมีอนุ หรือภรรยาน้อย นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอ ตระกูล พิจารณ์โภคิน ไม่ยอมหล่อนต้องมารับรู้ ความสกปรกของผู้ชายมักง่ายคนนี้ มีพี่สาวของหล่อนเป็นเมียไม่เพียงพอ
เขาจะกำเริบเสิบสานหาบ้านเล็กบ้านน้อยเพียงดาหวันอ่อนแอเกินไป แต่หล่อนไม่ยอมอยากจะเห็นน้ำหน้าของผู้หญิงคนนั้นด้วยที่คิดจะแย่งสามีของชาวบ้านสิ้นคิด หรือสมองมีแต่ขี้เลื่อย ไม่ได้แต่งหน้ามาด้วยชุดทะมัดทะแมงหน้าตาที่ขาวแม้ไม่ได้แต่งหน้าแต่ก็ทำให้ดูดีไม่ได้มาอำพรางสายตาใครช้องม่วงกล้าบุก
ใครล่ะจะกล้าขวางหล่อนเพราะจะลุยช้องม่วงมาด้วยมาดร้ายเต็มคราบ หล่อนจะไม่สนอินทร์พรหมหน้าไหน ใครกันที่ทำร้ายพวกหล่อน ฮึ หล่อนไม่ได้แจ้งความจำนงบอกใครแต่หล่อนก็พรวดพราดมาทันที โดยที่ไม่รู้จักมาก่อน ไม่เคยมาที่นี่ด้วยซ้ำ
แต่หล่อนจะชี้แจงไปว่า
“ฉันนัดกับคุณนุดลไว้”
พนักงานสาวที่เป็นประชาสัมพันธ์เงยขึ้นมอง
“นัดกับผ.อ.ไว้หรือเปล่าคะ”
ช้องม่วงไม่ตอบคำถามนี้จนอีกฝ่ายถาม
“นัดไว้หรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ” ช้องม่วงตอบเหมือนเนียนที่สุด
“แค่คุณโทร.ไปบอกว่าช้องม่วงมาที่นี่จะรู้เองค่ะ”
และช้องม่วงก็ตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหล่อนมั่นใจอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านายนุดลต้องเชิญตัวหล่อนให้เขาไปหาเขาแน่ เพราะนุดลต้องรู้ว่าหล่อนต้องการอะไร
“ชื่อล่ะคะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันชื่อช้องม่วง”
หล่อนตอบอีกครั้งพนักงานสาวคงไม่สนใจคำหล่อน
“สักครู่ค่ะ”
ช้องม่วงยืนนิ่งด้วยใจชื้นหล่อนลำดับความและลำดับเรื่องในใจ ก่อนที่จะฉะใส่นายนุดล มงคลคัมภีร์ นายนุดลเป็นพี่เขยที่ช้องม่วงเป็นแม่สื่อให้เขาย่อมเกรงใจหล่อน อ้อ นั่นไง โผล่ตัวมาแล้ว เขาให้หล่อนไปรออีกห้อง เพราะในวันนี้ เขารู้ดี ไม่จำเป็น ที่ช้องม่วงจะไม่มา
แต่หล่อนมาแน่ เขาเคยได้ยินคำประกาศของหล่อน และรู้ด้วยเหตุผล นายนุดลก้มหน้าทั้งๆที่เขาเป็นคนพาหล่อนมาในห้อง เขาไม่ให้ลูกน้องเข้ามายุ่งด้วย เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องระหว่างเขากับช้องม่วงคนอื่นหรือลูกน้องมาเห็นมันอับอาย เพราะนี่ถือว่าเป็นความลับส่วนตัว
“ม่วงมาถึงที่นี่”
“จะต้องให้บอกด้วยหรือคะ นุดล ฉันจะมาจัดการกับคุณนี่ล่ะ จะเอายังไงกันดี”
ประตูห้องถูกปิดเสียงไม่มีลอดเร้นช้องม่วงยืนกอดอก หล่อนไม่ยอมนั่ง แม้เขาจะผายมือเชื้อเชิญ
“ฉันไม่อยากเสียเวลามาก แล้วก็ไม่นั่งหรอกค่ะ”
“ไม่เมื่อยนะ” เขาหันมาทางหล่อนยิ้ม
“ประเด็นสำคัญต่างหากที่ฉันอยากคุยกับคุณ คุณทำเพื่ออะไร อย่าลืมนะพี่เพียงดาหวันฉันเป็นคนแนะนำให้คุณ แต่คุณมาทำอย่างนี้ คุณทำลายเกียรติของผู้หญิง”
“คุณต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณทำลงไป”
หล่อนบอกเขา
“มีอะไรจะพูดให้ฉันชื่นใจไหมคะว่าคุณทำได้”
ช้องม่วงยิ้มให้เขาแต่เป็นการเชือดเฉือนและเม้มเรียวปากแน่น
“ผมรับผิดชอบ”
เขายืดอกเอ่ยขึ้น
“นี่เป็นคำพูดของลูกผู้ชายนะคะฉันจะลองเชื่อ”
จบคำนี้ช้องม่วงพร้อมที่จะลุกขึ้นเมื่อเขาให้คำสัญญาแล้ว หล่อนคงไม่อยู่เกะกะ
“ถือว่าคุณให้สัญญาและฉันก็รับฟังแค่นี้ล่ะค่ะ”
ร่างระหงของหล่อนก็หมุนตัวพร้อมจากไปที่บริเวณหน้าประตู และก็เกือบชนคนที่เดินเข้ามา และหล่อนไม่คิดจะขอโทษสักนิดแค่ชะงักเห็นว่าเขาจ้องมองหล่อนด้วยนุดลทรุดนั่งที่พนักตัวเดิมการครุ่นคิดของเขาเป็นไปด้วยความหนักหน่วงชนิดที่เรียกว่าคิ้วผูกโบคนที่ก้าวเข้ามาถามเขา
“ใครล่ะอา”ศิลารัณย์ก้าวเข้ามาเขาเพิ่งมาช่วยงานอาหนุ่มน้องชายของคุณสิวดลบิดาเขา
“ท่าทางเครียดหล่อนมาทำไมครับ ท่าทางสวย มาดมั่นแต่เดินซุ่มซ่าม”
คำพูดบ่นเหมือนตำหนิด้วย
“มีอะไรหรือ” อาชายของเขาละทิ้งเรื่องตัวเอง
“ก็ประตูที่เปิดออกมาเกือบกระแทกใส่หน้าผมนะสิครับ ถึงได้คิดว่า ผู้หญิงคนนี้ไปกินรังแตน มาจากที่ไหนกัน”
“เธอชื่อ ช้องม่วง เป็นเพื่อนอา”
“หรือครับ” ผู้เป็นหลานชายเพิ่งรับรู้
“ธุระอะไรครับ ท่าทางไม่ดีแน่นอน”
“เขาเป็นน้องสาวของคุณเพียง”
สิ่งที่อาชายบอก เขารับฟัง และรู้ เพียงดาหวันคือภรรยาของ อาเขา
“เหมือนตั้งหน้าตั้งตาจะเล่นงานอา เอ หรือว่า อาคงไปทำเรื่องที่ผิดมาล่ะครับ”
ศิลารัณย์พยายามเดา
“ทำไมล่ะศิลาสนใจเรื่องนี้หรือไง”เงยหน้าถามหลานชายคุณนุดลเห็นสายตาของเขาที่ดูจริงจังและแกมล้อเล่น
“แต่ไม่ต้องสนใจมากกว่านี้นะเขามีแฟนแล้ว”
เพียงแค่รับรู้คำตอบจากอา
“สูงเพรียวระหงแบบนี้ อาชีพของเขาเป็นนางแบบ”
ก็รับรู้จากอาอีกครั้งยอมรับว่าเขาไม่ใคร่สนใจใครรู้ เรื่องราวของคนในครอบครัวอาชายมากสักเท่าใดที่รู้จักคืออาสะใภ้เพราะแต่งงานผ่านไปแล้ว เขาไปร่วมงานด้วย แต่เขาไม่เคยรู้ว่า อาสะใภ้มีน้องสาวด้วย วัยของหล่อนมากกว่าเขาโข ถ้าหากเป็นรุ่นน้องอานุดล สามปี เขาต้องห่างจากหล่อนถึงเจ็ดปี
“ นี่ อารีบบอกผมเลยนะ” เขาดักคออาชาย
“อ้าวก็อากลัวหญ้าอ่อนอย่างแกอดไม่ไหวนะสิ
เพราะอยากเอาตัวเองไปยั่วโคสาวแก่”
อาเขาก็เปรียบอย่างนั้น
“คบกับอามากี่ปีแล้วครับ” ถามต่อ
“ไม่ใช่อย่างนั้นเข้าถึงตัวคุณช้องม่วงนะยากรู้จักกันเพราะเพื่อนของเพื่อน ถ้าจะบอกนะ ประมาณห้าปี”
“ก็ไม่น้อยครับ”
“อาคิดจะจีบเธอหรือเปล่า”
นุดลส่ายหน้า
“คงไม่หรอก ไม่ได้ง่าย” นุดลรีบตอบ
“สนใจพี่สาวของเธอจะดีกว่าจนอาได้แต่งกับอาสะใภ้ของแกเพราะคุณช้องม่วง”
“อ๋อ ใช้วิธีนี้หรือครับ แม่สื่อแม่ชัก”
“ก็งั้นล่ะตอนนั้นอามันโสดแต่ไม่สดนี่ เลยอยากจะมีที่ยึดหาห่วงผูกคอ มีโซ่ทะเบียนตีตราเอาไว้ ว่ามีเมียแล้ว”
“งั้นหรือครับ”
“แต่ใช่ว่าอาจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนเดียว”
หลานชายพอจะรู้วิถีชีวิตผู้เป็นอา
“ผู้ชายเรานะ”
และเขาไม่ชอบคำนี้เท่าไหร่ มันเป็นข้ออ้างมากกว่า
“ผมมีความรู้สึกว่าเธอมาก้าวก่ายชีวิตของคุณอากับครอบครัวมากเกินไป” ที่พูดนี้เขาเดาออกพร้อมครุ่นคิด
“ก็เธอไม่ได้แต่งงานกับคุณอาสักหน่อยพี่สาวเธอต่างหาก”
“คงห่วงกระมัง กลัวว่าอาจะทิ้งขว้างพี่สาวเขา”
“แต่อาก็ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้ดีนี่ ผมว่าเธอระแวงแล้ว”
พูดแล้ว ศิลารัณย์พาดพิงไปถึงผู้หญิงคนนั้น และเขาคิดในทำนองนี้ว่า ผู้หญิงที่ชื่อช้องม่วง ชอบสอดหรือเสือกไปยุ่งเข้าไปในครอบครัวของคนอื่น
“เธอยังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือครับ”
“คงยังนะ มีแต่แฟน แว่วเหมือนกันว่า ใกล้จะแต่ง”
ศิลารัณย์ถามอาหนุ่มอีกครั้ง
“งั้นคงหมั้นเอาไว้ ละ แต่คงอีกนาน ที่จะแต่ง”
“แล้วไอ้แฟนของเธอที่ว่า มันจะทนเธอได้สักกี่น้ำ”
เพราะเขาคิดเรื่อยเปื่อยนี่เท่ากับว่าเข้าไปยุ่งกับชีวิตของหล่อน หญิงสาวที่ชื่อ ช้องม่วง
“มันก็น่าคิดนะ”คำถามนี้เขาไม่ได้ตอบผู้เป็นอาชายหรอก เพราะแค่เพียงนั้นเขาก็กำลังเตรียมเนื้อเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก
เมื่อศิลารัณย์ลงมาอีกครั้งและได้ขับรถออกไป เหตุการณ์ที่เขาไม่คาดคิดเลย แต่เป็นความจริง นั่นเอง ตรงหน้า คนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ อยู่ตรงหน้า หญิงสาวก้มๆเงยๆอยู่ที่ฝากระโปรงรถคันหรูของหล่อนกลางถนนด้วยการเปิดไฟกระพริบแดงวาบสิ้นท่าเสียแล้วรถของหล่อนเกิดรวนเอาดื้อๆ
ช้องม่วงแสนเซ็งหล่อนต้องไปงานต่อ นางแบบสาวเหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใครผ่านมาสักคนและรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาเขาหยุด หล่อนดีใจ
“รถฉันเสียค่ะฉันซ่อมไม่เป็น ถ้าจะให้เรียกช่างคงนาน ฉันมีงานด่วน”