คืนที่หนึ่ง 18+

4292 Words
มินตรา หรือ มิ้นท์ ดาราสาวที่กำลังมาแรงที่สุดในยุคนี้ 'มิ้นท์ชอบคุณป้าค่ะ' สมร อดีตนางเอกละครหลังข่าว 'ฉันต้องทำทุกทาง เพื่อหวนกลับสู่วงการอีกครั้ง' ........ สมรลืมตาเบิกโพลงแทบจะทั้งคืน เธอไม่อาจข่มตาหลับได้ นั่นเพราะเรื่องบนเตียงที่เพิ่งจะสงบลง ซึ่งอันที่จริงมันจบไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่สำหรับคนจำแม่นอย่างสมร มันเหมือนเพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงนาที ท้องฟ้าด้านนอกกำลังส่องสว่าง สมรเริ่มขยับกายอย่างระวังที่สุด นั่นเพราะกลัวว่าคนด้านหลังจะรู้สึกตัวตื่น และอยากจะเริ่มกิจกรรมมันอีกครั้ง มือเหนียวเหมือนปลาหมึกของมินตราถูกยกออกจากกายสมรด้วยความเบามือ และเมื่อหันไปสำรวจทางด้านหลัง ก็พบว่าสาวสวยยังคงหลับตาพริ้ม หากเป็นเวลาปกติ สมรคงใช้นิ้วดีดหัวคิ้วหล่อนเพราะความหมั่นไส้ แต่ตอนนี้เธอต้องรีบออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะถ้ามินตราตื่นขึ้นมาเจอ ไม่รู้จะต้องเอ่ยทักทายอย่างไร เมื่อแน่ใจแล้วว่ามินตราจะไม่พรวดพราดลุกขึ้นมา สมรจึงต้องหนีบผ้าห่มผืนหนาเพื่อใช้พันกาย กระเสือกกระสนก้าวลงจากเตียง "ว้าย! " เธอร้องเสียงหลงแต่ก็ต้องรีบตะครุบปิดปากตัวเองกลัวมินตราจะได้ยิน เพราะความหนาและยาวของผ้าห่มทำให้สมรล้มลงไม่เป็นท่าที่พื้น แถมยังรู้สึกเหมือนถูกดึงผ้าออกจากตัว และมันก็ใช่ เพราะคนบนเตียงกำลังดึงผ้าผืนหน้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา คงเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ แถมเนื้อตัวก็เปลือยเปล่าอีก "เอาวะ ไม่อายมันละ" เธอบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเดินเปลือยไปทั่วห้อง หยิบเสื้อผ้าของตนเองสวมลงกายเปลือยเปล่าอย่างเร่งรีบและหวาดระแวง เกรงว่าคนบนเตียงจะรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา จนรู้สึกว่าเรียบร้อยดีจึงก้าวเดินออกจาห้องไป แต่สักพักประตูบานน้อยก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง "ฉันนี่บ้าจริงๆ " บ่นอุบพร้อมเดินตรงไปที่หัวเตียง และคว้ากระเป๋าสะพายราคาแพงของตัวเองมากอดไว้ ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องอีกครั้ง เพราะความป้ำเป๋อบวกกับความลนลานทำให้ลืมของๆ ตัวเองเสียอย่างงั้น รถคันงามถูกขับออกจากบ้านหลังน้อยของดาราสาวด้วยความเร็ว ราวกับหนีตาย แต่สักพักก็เริ่มชลอลงและเลี้ยวจอดข้างทาง นั่นเพราะคนขับไม่มีสมาธิมากพอ "ตาย ตาย ฉันจะบ้าตาย ฉันจะต้องตายแน่ๆ ฮือออ" ส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก่อนจะซบลงที่พวงมาลัยรถยนต์ มินตราอายุน้อยกว่าเธอเป็นรอบ แถมที่สำคัญยังเป็นผู้หญิงเหมือนกัน "ผิดผี ผิดผีชัดๆ " ปากร้องบอกแบบนั้น แต่มันดันสวนทางกับร่างกาย สมรเริ่มเงยหน้าขึ้นเพื่อตั้งสติ แต่มันก็ทำได้ยากเพราะในหัวสมองนั้นเอาแต่คิดเรื่องเมื่อคืน ทั้งยังยกมือขึ้นรูปคลำใบหน้าที่ตอนนี้กำลังแดงกร่ำ ก่อนจะชะเง้อดูสีหน้าตัวเองที่กระจกเพื่อความแน่ใจ "ไม่สิ ต้องไม่ใช่แบบนี้" ก็สีหน้าแบบนั้นที่เห็นผ่านกระจก มันช่างดูเต็มอกเต็มใจกับสิ่งที่มินตรามอบให้  และเรื่องเมื่อคืน ไม่อาจทำให้สมรลืมมันง่ายๆ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางใดก็เห็นแต่ภาพที่พวกเธอร่วมเตียงเดียวกัน "นะคะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว" น้ำเสียงอ้อนวอนของคนตรงหน้าเริ่มทำให้สมรต้องคิดหนักทั้งยังไขว้เขว "แค่คืนนี้ อยู่กับมิ้นท์จนถึงเช้า" ไม่พูดเปล่า มินตรายังขยับใบหน้าเข้าใกล้ จนลมหายใจเป่ารดที่ต้นคอ แค่นั้นก็ทำให้สมรใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าจะต้องผลักไส หรือบอกปฏิเสธอย่างไรเพื่อไม่ให้ผิดใจกับคนตรงหน้า แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของสมองยังคงสั่งการได้ดี สมรถอยห่างจากริมฝีปากดาราสาวอย่างเชื่องช้า ทั้งยังดันไหล่ทั้งสองข้างของมินตราให้ห่างจากตัว "ป้าว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ ดึกมากแล้วด้วย ป้าคงต้องกลับ" เธอกำลังหาข้ออ้างมาหว่านล้อมมินตรา เพื่อให้ล้มเลิกความตั้งใจ ในเวลานี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหนือการควบคุม จึงต้องหยุด "คุณป้าก็รังเกียจมิ้นท์เหมือนพี่ตรีใช่มั้ยคะ" "โธ่ หนูมิ้นท์อย่าคิดแบบนั้นสิ" เพราะน้ำเสียงตัดพ้อพร้อมหน้าเศร้าแบบนั้น ทำให้สมรละเลยไม่ได้ "ป้าไม่เคยรังเกียจหนูเลยนะ" "งั้นก็ยอมมิ้นท์สิคะ แค่ครั้งเดียว" สมรนิ่งใช้ความคิดด้วยความหนักใจ บทละครหรือบทหนังที่ต้องทำอารมณ์และต้องใช้การประมวลผลเพื่อทำความเข้าใจยังง่ายกว่านี้หลายร้อยเท่า ฟากมินตราเองก็ไม่รอให้สมรได้ตั้งสติ คว้ามือของคนตรงหน้าที่จงใจผลักไสให้ห่างจากตัวมาพรมจูบด้วยความแผ่วเบา "มิ้นท์ชอบคุณป้ามากนะคะ ให้มิ้นท์เถอะค่ะ" บอกแค่นั้นก็เริ่มขยับใบหน้าเข้าหาสมรอีกครั้ง จงใจให้ริมฝีปากห่างจากจุดเดียวกันไม่ถึงเซ็น ราวกับอยากจะทดสอบ ตอนนี้สมองของคนอายุมากกว่าขาวโพลน จากที่พยายามตั้งมั่นไม่โอนอ่อนให้มินตรา กลับต้องมาแพ้กับสายตาหวานฉ่ำของคนตรงหน้า  ริมฝีปากที่ตั้งใจเม้มสนิท เริ่มเผยอออกอย่างกับต้องมนต์ เปลือกตาปิดลงช้าๆ เพื่อรอรับสมัผัสที่นุ่มนวลจากมินตรา "อืมม" เสียงครางในลำคอยิ่งปลุกความต้องการของมินตรา ทั้งมือที่พยายามผลักไสในทีแรกกลับเริ่มบีบไหล่มินตราเพราะรสจูบที่มอบให้ช่างหอมหวานราวกับขนม แต่สักพักสมรก็รัวทุบไหล่มินตรา จนต้องยอมผละออกจากริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง มินตราคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจทั้งยังรู้สึกขัดใจ "มีอะไรคะ จะบอกให้มิ้นท์หยุดเหรอ" เธอถามออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม "เปล่า แค่ แค่ จะถามว่า เราต้องปิดไฟก่อนมั้ย" ถามกลับออกมาด้วยใบหน้าเหนียมอาย ก็ถ้าเริ่มจากจูบ และต่อด้วยอย่างอื่น คงยาก หากต้องลุกออกจากเตียงกลางครันเพื่อปิดไฟ เพราะนั่นคงจะเสียบรรยากาศแย่ "นี่คุณป้าคิดเรื่องนี้ ตอนที่เรากำลังจูบกันเหรอคะเนี่ย" "แล้วป้าต้องคิดเรื่องอะไรล่ะ" ถามออกมาหน้าตาเฉย ไม่มีท่าทีเหนียมอายต่างจากคำถามแรก "ไม่รู้ค่ะ แต่มิ้นท์จะไปปิดไฟ ตามที่คุณป้าต้องการ" เพราะอย่างน้อย สมรก็ไม่คิดจะผลักไสกัน ให้ทำอะไรก็ยินยอม สมรส่งยิ้มให้อย่างโล่งอก มองดูมินตราที่ลุกไปปิดไฟข้างประตู พลางขยับท่านั่งให้สบายด้วยการยกเท้าขึ้นพับเพียบบนเตียง มือข้างหนึ่งเท้าไปที่เบาะนุ่มๆ ส่วนอีกข้างก็ยกลูบคลำที่ลำคอระหงของตัวเองรู้สึกได้ถึงก้อนเหนียวๆ ก้อนใหญ่ ที่ไหลลงคออย่างยากลำบาก 'แป๊ะ' เสียงสวิซไฟถูกกดปิด ตามด้วยภายในห้องที่มืดสนิท "มิ้นท์กำลังถอดเสื้อผ้าตัวเองค่ะ" เสียงนี้ร้องบอกท่ามกลางความมืด "คุณป้าก็ถอดของตัวเองด้วยสิคะ" "จ้ะ" ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ก็ไม่ยอมทำตามที่มินตราบอก ทั้งยังพยายามสอดส่องสายตาไปทั่วเพื่อหวังจะให้มองเห็นร่างของดาราสาว ตอนนี้ เธอเริ่มจะปรับสายตาให้ชินกับความมืด แต่ก็โชคดี ที่แสงจากดวงไฟดวงเล็กนอกระเบียงยังสาดเข้ามาให้พอได้มองเห็นข้าวของในห้องได้ลางๆ "มิ้นท์เปลือยหมดแล้วนะคะ คุณป้าล่ะคะ" เสียงของมินตราครั้งนี้ทำให้สมรสะดุ้งโหยง ก่อนจะแอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ "เหมือนกันจ้ะ" เธอปฏิเสธคำโตเพราะมั่นใจว่ายังไงแล้วมินตราไม่มีทางรู้แน่นอน แต่ผิดคาด "ว้าย! " สมรร้องเสียงหลง เพราะอยู่ๆ ก็ถูกกอดรัดจากทางด้านหลัง "ขี้โกงนี่คะ" เสียงมินตราดังกระเส่าอยู่ข้างใบหู ทั้งคนแสนซนยังจงใจบดเบียดหน้าอกมาที่แผ่นหลัง "อย่าสิ" สมรเอ่ยปากห้ามเสียงสั่น ไม่รู้ว่าเพราะความหยุ่นนุ่มที่แผ่นหลังหรือการที่มินตรากำลังหยอกล้อจูบงับที่ใบหูของเธอ จนต้องเอียงหลบ "จะบอกให้หยุดตอนนี้ไม่ได้แล้วนะคะ" "ไม่ใช่แบบนั้น แต่ ป้าแค่ จั้กกะจี๋น่ะ" "งั้นมิ้นท์ไม่แกล้งแล้วก็ได้ค่ะ" บอกแค่นั้น ก็ดันร่างสมรให้นอนลงช้าๆ และไม่รีรอที่จะก้าวขึ้นคร่อม ถ้าในห้องยังคงมีไฟส่องสว่าง มินตราคงได้เห็นสีหน้าแดงแจ๋ของสมรเป็นแน่ รู้สึกขอบคุณมินตราที่เชื่อฟังเธอเรื่องสวิซไฟอย่างปฏิเสธไม่ได้ "อืม" เสียงครางหลุดจากปากคนใต้ร่างอย่างไม่ปิดบัง เพราะมินตรากำลังจู่โจมที่ลำคอระหง เธอถูกพรมจูบไปจนทั่ว ทั้งนุ่มนวลและหนักเบาจนปั่นป่วนทั้งท้องน้อย และไม่ทันได้ตั้งตัว เสื้อผ้าท่อนบนก็ถูกดึงออกจากร่างกายจนหมด "อือออ" สมรร้องดังกว่าเก่า ทั้งเสียงหายใจที่เหมือนจะขาดใจ มือมินตรากำลังบีบเคล้นที่หน้าอก กับริมฝีปากที่คลอเคลียไม่ห่างยอดปทุมถัน ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ไปทั้งร่างกาย สมรรู้สึกเหมือนถูกแยกร่าง เสียวกระสันไปทั้งตัวจนต้องยกมือขึ้นมาปัดป่ายกำเส้นผมของมินตรา "ป้า จะ ไม่ ไหว แล้ว" เสียงบอกพร้อมลมหายใจที่ดูหอบเหนื่อย เธอต้องบอกออกไป เพราะอยากให้มินตราช่วยหยุดความไหวหวามนี้สักพัก และมันก็ดูเหมือนจะได้ผล มินตรายอมละจากเต้าทั้งสอง "คุณป้าตัวหอมจังเลยค่ะ" แต่นั่นยิ่งทำให้หัวใจของสมรทำงานหนักกว่าเก่า "มิ้นท์ขอชิมข้างล่างบ้างนะคะ" บอกแค่นั้นโดยไม่รอให้คนใต้ร่างอนุญาต  กางเกงที่สวมใส่รวมถึงกางเกงชั้นในถูกเหวี่ยงหวือไปที่พื้นอย่างไม่ใยดี กำลังจะเริ่มสานต่อ แต่อยู่ๆ คนที่นอนอยู่ก็ผลุดลุกขึ้น ทั้งยังนั่งกอดเข่าแน่น "ด ดะ เดี๋ยว" "มีอะไรคะ มิ้นท์ทำอะไรให้คุณป้าไม่พอใจหรือเปล่า"  มินตราเองก็ตกใจ ขยับเข้าใกล้สมรที่ตัวสั่น "หนาวเหรอคะ"  "อื้ออ คนแก่ก็แบบนี้แหละ นิดๆ หน่อยๆ ก็หนาว" บอกออกไปเสียงอ่อน ทั้งยังกอดเข่าแน่นกว่าเก่า มินตราจึงยิ้มกว้างออกมา มือควานหาผ้าห่มผืนหน้ามาถือเอาไว้ "งั้นเรามาทำต่อในผ้าห่มนะคะ จะได้คลายหนาว"  ทั้งคู่เริ่มกิจกรรมบนเตียงต่อใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มินตราตั้งใจจัดหามาเพื่อเอาใจสมร  ครั้งแรก ครั้งเดียวของทั้งคู่ไม่ได้จบลงง่ายๆ เพราะมินตราจงใจตักตวงจากสมรต่อจนสมใจ ยิ่งสมรขยับกาย มินตราก็ยิ่งแนบชิดไม่ห่าง และก็ต้องตามใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะรู็สึกชอบกับสัมผัสที่นุ่มนวลและเร่าร้อนของคนอายุน้อยกว่า เธอไม่อาจปฏิเสธว่าเซ็กซ์นี้น่าจดจำและดีมากแค่ไหน "ฉันต้องแย่แน่ๆ ถ้าใครรู้เข้า" ตอนนี้สมรเริ่มรวน จงใจใช้ศีรษะโขกกับกระจกรถ แต่ก็แค่เบาๆ เพราะกลัวจะเสียโฉม และหยุดลงอย่างนึกขึ้นได้ "ไม่ได้ๆ เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ และจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก"  แต่จู่ๆ ก็โวยวาย ขึ้นมาอีก "โอ้ยย... จะบ้าตาย ไม่น่าเจอกันแต่แรกเลย"  ภายในสตูดิโอ ตึกที่ถ่ายทำรายการดังและละครหลายเรื่อง สมรเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะปวดเมื่อยไปทั้งตัว กำลังจะถึงรถ ก็ต้องหยุดนิ่ง "สมองฉันคงจะใกล้ตายไวๆ นี้เนี่ยแหละ" ทั้งยังบ่นกับตัวเอง นั่นเพราะดันหลงลืมกระเป๋าสะพายราคาแพงที่เพิ่งจะกัดฟันซื้อเมื่อเช้านี้  เพราะลูกสาวไม่เห็นด้วยกับการหวนคืนวงการ จึงถูกลดค่าใช้จ่ายแบบครึ่งต่อครึ่ง  สมรจำต้องเดินกลับเข้าไปในตึกอีกครั้ง แต่จู่ๆ ก็ถูกฝูงชนนักข่าว และแฟนคลับ หลายคน วิ่งชนโดยไม่สนใจเธอสักนิด เธอเองได้แต่บ่นไล่หลังกับความรีบร้อนนั้น และด้วยนิสัยสอดรู้ จึงต้องแอบตามไปชะเง้อชะแง้ดู จนพาตัวเองมายืนอยู่ท่ามกลางเหล่าแฟนคลับ ที่รู้และดูออกก็เพราะป้ายไฟและรูปโปสเตอร์ดาราขนาดใหญ่ของทุกคน "โธ่! เมื่อก่อนฉันดังกว่านี้อีก นั่นก็คงพวกโนเนม ใช้เต้าไต่" เธอกอดอกบ่นออกมาไม่ดังนัก ส่วนหนึ่งนั่นเพราะเหล่าแฟนคลับที่ยืนออกันหน้าตึก กลัวจะโดนลูกหลงหากเสียงดัง ดาราที่ถูกรุมล้อมคือ มินตรา หรือ มิ้นท์ นางเอกที่ทำเงินบนจอแก้วร้อยล้านภายในวันเดียว ถือว่าเป็นปรากฎการณ์สุดแสนฮือฮา ทั้งนิสัยยังเป็นคนน่ารัก ไม่ถือตัว ดังนั้น ไม่ว่ามินตราจะไปทางใด ก็มีแต่คนอ้าแขนรับ "ได้ข่าวว่าละครเรื่องใหม่ ทางผู้กำกับให้น้องมิ้นท์ร่วมคัดเลือกนักแสดงนำร่วมด้วยใช่มั้ยคะ" "ใช่ค่ะ พอดีว่าพี่ปั้นอยากให้มิ้นท์กับนักแสดงที่มารับบทนำคู่กันเข้ากันได้ดี เวลาเข้าฉากจะได้เข้าขายิ่งขึ้นค่ะ" "แล้วมีใครในใจหรือยังคะ พอจะบอกได้มั้ยเอ่ย"  "จริงๆ มิ้นท์เพิ่งจะย้ายมาไทยไม่ถึงปี ยังรู้จักใครไม่มาก คงต้องให้พี่ๆ ทีมงานช่วยอีกแรงค่ะ"  "แล้วพอจะบอกได้มั้ยคะ ว่าบทบาทที่ต้องการนั้นทำนองไหน" "เป็นผู้หญิงค่ะ"  ความคิดชั่วร้ายแล่นเข้าสู่สมองนักแสดงเจ้าบทบาทอย่างสมรทันที  หากได้ร่วมงานกับมินตรา เธออาจจะโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง หรือมีใครจดจำเธอได้บ้างในฐานะนักแสดงนำคู่กับดาราดังที่กำลังมาแรง ดังนั้น คงจะต้องเกาะติดและตามข่าวสารของมินตราให้มากขึ้น  สมรยืนยิ้มอย่างภูมิใจในความคิดของตัวเองไม่ห่างจากวงสัมภาษณ์ แต่อีกใจก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะใครๆ ก็ต่างมองเลยเธอไป ไม่มีใครจำเธอได้เลยในฐานะนักแสดง  ก็แน่ล่ะ เธอเคยดังในอดีต แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอดังไว และก็ดับไวเช่นกัน เพราะการวางตัว และนิสัยส่วนตัวที่ผ่านมา ทำให้มีข่าวฉาวมากกว่าเรื่องดีๆ ให้จดจำ  เรียกได้ว่า คนรักเป็นร้อย คนเกลียดเป็นล้าน และนี่ก็คือครั้งแรกที่ได้พบเจอกับมินตรา  ..... ต่อ ตอนที่สอง มินตราเดินเข้ากองถ่ายในฐานะนักแสดงรับเชิญ เพื่อเพิ่มเรตติ้งในช่วงกลางของละครที่ตอนนี้ผู้ชมต่างพากันเปลี่ยนช่องหนีเพราะนางเอกไม่ดังมากพอ ผู้จัดจึงเทียบเชิญมินตราให้ร่วมแจม เธอเพิ่งจะย้ายกลับมาประเทศบ้านเกิดเพียงไม่กี่เดือนเพราะรับงานพรีเซนเตอร์แบรนด์หนึ่งไว้ มินตราจึงถือโอกาสย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แบบถาวร เพราะมีเรื่องอื่นที่อยากจะทำ "เชิญทางนี้เลยค่ะน้องมิ้นท์" เพียงก้าวเท้าลงจากรถ ก็มีเหล่าทีมงานมาต้อนรับถึงที่ ทั้งยังเชิญเธอเข้าไปพักในห้องส่วนตัว มินตราเหลียวมองซ้ายขวาอย่างสำรวจ "ให้มิ้นท์พักในห้องนี้เลยเหรอคะ" จากการทำงานในวงการต่างประเทศ เธอไม่เคยมีห้องพักสำหรับนักแสดงใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นส่วนตัวอีก นั่นเพราะเธอไม่ได้โด่งดังมากนัก "ค่ะ เพราะคุณมิ้นท์เป็นดาราโกอินเตอร์นี่คะ" บอกแค่นั้นก็ดันร่างนักแสดงรับเชิญ ไปยังเบาะนุ่มๆ เพื่อให้ได้นั่งพัก มินตราเองก็ยอมตามง่ายๆ "อีกสักพัก ช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมจะเข้ามาจัดการแปลงโฉมน้องมิ้นท์นะคะ" มินตราพยักหน้าน้อยๆ ให้อย่างเข้าใจ เธอไม่อยากมีปัญหา หรือทำให้คนรอบข้างลำบากใจ วงการบันเทิงไทยยังใหม่สำหรับมินตรา ทุกคนที่นี่ดูรีบร้อนแบบลนลาน บางคนก็แสนจะทำตัวสบาย ไม่มีอะไรพอดีสักอย่าง แถมบางคนหรือแทบจะทุกคนมักจะนินทา รวมถึงสองคนที่อยู่ภายในห้องเดียวกับเธอด้วย ช่างแต่งหน้าและช่างทำผม ตั้งแต่ทั้งคู่เข้ามาก็พากันชวนมินตราคุยไม่หยุด และพอเธอเงียบ ทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันเอง และเรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องของคนอื่น "ยัยคุณสมร มาให้น้องหยาดชำระแค้นชัดๆ " ช่างผมจีบปากจีบคอทำทีเป็นกระซิบกระซาบกับเพื่อนช่างแต่งหน้า "วันนี้คงหน้าช้ำบวมฉึ่ง หมอไม่รับฉีดต่อแน่" "แต่นางก็ใจเด็ดนะ เมื่อยี่สิบปีก่อนเล่นเป็นนางร้ายตบน้องหยาดตอนยังเป็นวัยรุ่น แต่ตอนนี้กลายมาเป็นตัวประกอบให้น้องหยาดตบ" "แถมน้องหยาดยังเป็นนางเอกเหมือนเดิม ต่างกันก็ตรงที่ยัยคุณสมรตกกระป๋อง" "ยอมให้ตบจริง ตบคว่ำไปหลายต่อหลายรอบ แต่ก็ยังไม่ได้ใจผู้กำกับ" "เค้าถึงบอกไง แก้แค้นยี่สิบปียังไงก็ไม่สาย" "เค้าว่ากันว่าน้องหยาดเป็นกิ๊กกับผู้กำกับ งานนี้คงเละ" "ยี่สิบปีก่อนตาผู้กำกับก็เคยขายขนมจีบยัยคุณสมรนะ แต่นางไม่เล่นด้วย" "สงสัยทั้งคู่คงรุมแก้แค้นแหละ" ทั้งคู่มองตากันอย่างเลิ่กลั่ก นั่นก็เพราะได้ข่าวใหม่ไปเม้าต่อ เรื่องในอดีตที่อื้อฉาวของดาราชื่อสมรช่างเยอะแยะมากมายที่ออกจากปากเหล่าพนักงานทั้งคู่ จนคนนอกอย่างมินตราที่ต้องการจะพักสายตาต้องแอบเงี่ยหูฟังสิ่งที่ทั้งคู่แอบซุบซิบนินทา ไม่คิดว่าจะมีคนที่ร้ายกาจมากเท่าสิ่งที่ได้ยินคงเป็นเรื่องใหม่ แปลกใหม่สำหรับมินตรา ที่ทุกคนเอาแต่พูดถึงแต่เรื่องแย่ๆ ของคนอื่น มากกว่าเรื่องผลงาน มินตราเงยหน้ามองนาฬิกาบนฝาผนัง ล่วงเลยเวลาเข้าฉากมาเป็นชั่วโมง หลังจากแต่งหน้าทำผมเรียบร้อย เธอรักความตรงต่อเวลา การทำงานที่ต่างประเทศทำให้เธอเป็นคนแบบนี้ เธอนั่งไม่ติดจนต้องลุกขึ้นเดินเพื่อยืดเส้นยืดสาย 'ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตู ก่อนคนมาใหม่จะเปิดเข้ามา "ขอโทษด้วยนะคะน้องมิ้นท์ คงต้องพักกองสักสองชั่วโมง" บอกแค่นั้นก่อนจะลดเสียงต่ำทำท่ากระซิบกระซาบ "ตัวประกอบมีปัญหาน่ะ" มินตราทำได้เพียงยอมแบบไม่มีเงื่อนไข แม้จะไม่พอใจมากก็เถอะ "เดี๋ยวพี่ให้ทีมงานเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟนะคะ" หล่อนบอกแบบนั้นก่อนจะรีบร้อนปิดประตูลง เพราะเสียงอุปกรณ์สื่อสารดังเรียกตัว 'ออกไปข้างนอกเสียหน่อยคงดี' คิดกับตัวเองแบบนั้นหลังจากมื้ออาหารก็เปิดประตูออกจากห้องพักนักแสดงบ้าง การอยู่เฉยๆ นั่งๆ นอนๆ รอเข้าฉาก เป็นเวลาหลายชั่วโมงทำเอาเธอเบื่อ 'นะนะ ขอแม่อีกเรื่องเดียว จบเรื่องนี้ แม่จะอยู่เฉยๆ นั่งกินนอนกิน ให้ลูกเลี้ยงอย่างเดียว' เสียงนี้แว่วดังขึ้นมาระหว่างทางที่มินตรากำลังจะเดินผ่าน จนต้องหยุดเท้าและให้ความสนใจ 'แต่มีอีกเรื่องติดต่อเข้ามานะ แม่ก็ยังคิดๆ อยู่ อุ้ย! ' คนที่กำลังคุยโทรศัพท์สะดุ้งโหยง นั่นเพราะเผลอพูดความจริงออกมา ส่วนคนแอบฟังก็เผลอยิ้ม คำพูดของหล่อนช่างกลับกลอก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนรู้สึกสงสารปลายสาย 'ลูกก็รู้ว่าแม่รักอาชีพนักแสดง จะให้อยู่เฉยๆ แม่คงเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆ ' มินตราคิ้วขมวด ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน หล่อนช่างโอเวอร์เกินจริง 'อุ้ย! แค่นี้นะยัยตรี พอดีผู้กำกับเรียกแล้ว' คนที่ถือโทรศัพท์เอามันออกจากหู ทั้งยังตะโกนใส่อีก "ค่ะ ค่ะ กำลังไปค่ะ" "เก่งจัง" มินตราเปรยออกมาเสียงไม่ดังนัก ไม่ใช่เพราะการแสดง เพราะเธอมั่นใจว่าปลายสายคงไม่เชื่อกับมุกๆ เก่านี้ได้แน่นอน แต่ชมเพราะหล่อนยังกล้าที่จะใช้มันในแบบที่เป็นตุเป็นตะ มินตราชื่นชมในความกล้านี้ "สาธุ! ขอให้ดังเปรี้ยงสักเรื่องเถอะ ไม่งั้นลูกสาวฉันเอาตายแน่" มินตราได้ยินเสียงแว่วของคนที่เคยยืนหันหลังอยู่ข้างกำแพงอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน จนต้องหันไปสนใจ แต่ตอนนี้ไม่มีคนคนนั้นอยู่ที่เดิมแล้ว เพราะหล่อนดันลงไปนั่งยองๆ ที่พื้น มินตราเห็นควันลอยขโมงอยู่ตรงหน้าหล่อน และแน่ใจว่านั่นคือธูปกำใหญ่ ทั้งเสียงของหล่อนก็พึมพำราวกับกำลังท่องมนต์ สักพักก็ลุกขึ้นยืน จัดเพ้าผมทำเหมือนเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น "เมื่อกี้ทำอะไรเหรอคะ" "ว้าย! " สมรสะดุ้งโหยง กับคำทักทายของคนด้านหลัง จึงต้องหันไปสนใจ "ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าจะทำให้คุณตกใจ" มินตรารีบขอโทษขอโพย แต่จู่ๆ ใบหน้าเอาเรื่องของสมรก็เปลี่ยนไป "หนูคือ น้องมิ้นท์ใช่มั้ย! " เธอยิ้มกว้างแทบจะถึงใบหู ก็อยากจะเจอเพื่อตีสนิทอยู่แล้ว แต่สักพักก็ร้องโอ้ยและยกมือขึ้นมาลูบที่ริมฝีปาก วันนี้เธอถูกตบไปหลายยก การยิ้มเยอะทำให้สะเทือนถึงรอยแผลเล็กๆ "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" มินตราไม่สนใจกับคำถามของสมรเท่าไหร่ แต่เปลี่ยนเป็นเป็นห่วงหล่อนมากกว่าตามมารยาท "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก" สมรยังคงปฏิเสธเสียงใสเพราะไม่อยากจะโฟกัสตรงนั้น "แต่หน้าคุณ มีรอยแดงเต็มไปหมดเลยนะคะ ทายาแล้วหรือยัง" เพราะมั่นใจว่ารอยที่หน้านั้น ไม่ได้มาจากการแต่งหน้าแน่นอน "ไม่เป็นไรจริงๆ นี่ก็แค่ส่วนหนึ่งของการแสดงน่ะ พี่ทุ่มเทมาก ขนาดผู้กำกับอยากจะใช้มุมกล้อง พี่ยังบอกให้ตบจริง นี่ก็เอาซะหลายเทค จบซีนนี้คงออกจากบ้านไม่ได้หลายวัน ค่าจ้างก็ไม่รู้จะพอค่ายาหรือเปล่า" สมรแสร้งพูดจาติดตลก แต่อีกนัยหนึ่งก็เพื่อบอกให้คนตรงหน้ารู้ว่าเธอทุ่มเทกับงานมากเพียงใด "รักงานแสดงมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ" "พี่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้น่ะ" ได้ทีโอ้อวดอย่างภูมิใจ "คุณสมรคะ" ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดจากันต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา "ผู้กำกับให้มาตามค่ะ" แต่ไม่วายหันไปสนใจกับบางอย่างด้านหลังสมรและมินตรา "เอ๊ะ! นั่นใครมาจุดธูปแถวนี้เนี่ย" เสียงบ่นของทีมงานดังขึ้น ทั้งยังเดินไปตามควันธูปที่ลอยออกมา จนสมรต้องฉุดแขนหล่อนเอาไว้ "คงพวกเด็กมือบอนล่ะมั้ง อย่าไปสนใจเลย" มินตราแอบยิ้มกับคำของสมรที่ปฏิเสธแบบเข้าเนื้อตัวเอง "ต้องสนสิคะ" ไม่ว่าเปล่า ยังยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาวอถึงทีมงานคนอื่น "ให้ไอ้เปี้ยกมาเคลียร์สถานที่ข้างห้องคุณมินตราที ไม่รู้คนบ้าที่ไหนมาจุดธูปเล่น ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะซวยกันหมด" สมรกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก็ไอ้คนบ้ามือบอนที่ทีมงานเอ่ยถึงนั่นคือเธอนั่นแหละ "น้องปิ๊งจ้ะ พี่ว่ารีบไปกันเถอะ ให้ผู้กำกับรอนานจะไม่ดีนะ" ก็เพราะไม่อยากถูกด่าแบบลอยๆ จึงต้องแสร้งชวนเปลี่ยนเรื่อง "อ๋อค่ะ เชิญค่ะ" ไม่วายหันไปหามินตรา ทั้งทำท่าทางนอบน้อม "คุณมิ้นท์รอเดี๋ยวนะคะ ถ้าถ่ายซีนนี้เสร็จแล้ว ก็ถึงคิวคุณมิ้นท์แล้วล่ะค่ะ" คนฟังอย่างสมรถึงกับเบะปาก ก็ทีกลับเธอให้ตักอาหารทานเอง ทั้งยังไม่มีห้องส่วนตัวอีก ทั้งหมดนี้มาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อก่อนตอนสมัยดังๆ เธอก็เคยได้รับการปฏิบัติอย่างดี แต่ไม่วายหันไปหามินตรา "พี่ไปทำงานที่รักก่อนนะ ไว้สักวันเราคงได้ร่วมงานกัน" ก็อย่างน้อยก็ต้องเสนอหน้าเสียหน่อย เผื่อจะเป็นตัวเลือกให้มินตราในการคัดเลือกนักแสดงนำคู่ มินตราไม่ได้กลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองตามที่ทีมงานบอก เธอกลับเดินไปดูการถ่ายทำแทน เธอถูกเชิญให้นั่งข้างผู้กำกับ สมร คนที่ทุกคนเอาแต่นินทาว่าร้าย กำลังอยู่หน้ากล้อง พร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่ชื่อหยาดพิรุณนางเอกของละครเรื่องนี้ การปฏิบัติและคำพูดลับหลังของทุกคน ที่มีต่อดาราทั้งสองช่างแตกต่างกัน มีแต่คนพูดจาว่าร้ายสมรไม่หยุดปากราวกับโกรธเกลียดกันมา "คัท! " "คัท! " "คัท! " "คัท! "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD