#วันจันทร์สีชมพู 9
“เขาบอกหรือเปล่าคะว่ามาทำไม?” คุณหมอคลินิกข้าง ๆ นี่ก็แปลก ๆ นะ เริ่มเข้าหาบ่อยขึ้น บางทีก็ไม่เข้าใจว่าเขาเข้าหาเพราะอะไรกันแน่ บางทีมันก็เหมือนชัดเจน แต่มองดี ๆ ก็ไม่ใช่ ความรู้สึกมันบอกไม่ใช่ เพื่อที่ฉันจะไม่ต้องคิดเข้าข้างตัวเอง
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“ค่ะ งั้นคงไม่มีอะไร เดี๋ยวฝากดูซีกับซีนด้วยนะคะ”
“ซีดูน้องด้วยนะลูก อาจะเข้าไปทำขนม”
“ได้ครับ!”
หลานรับปาก ฉันจึงขยับเดินเข้าไปด้านหลังของร้านที่ถูกทำขึ้นเป็นห้องทำขนม เมื่อดึงสติตัวเองกลับมาฉันจึงได้เริ่มทำขนมตามออเดอร์จากพี่จ๋า
เกือบสองชั่วโมงครึ่งฉันที่ขลุกอยู่ในห้องทำขนม กระทั่งทำเสร็จถึงได้เดินออกมาส่องดูหลานทั้งสองว่าเป็นยังไงเล่นซนกันหรือเปล่า พอเห็นว่านั่งเล่นของเล่นที่หลังเคาน์เตอร์ฉันก็สบายใจกลัวจะซนแล้ววุ่นวาย เกรงใจแขกที่มาร้าน
“อามันเดย์” ซีเงยหน้ามองเห็นฉันที่ยืนมองตัวเองอยู่พอดี จึงรีบเอ่ยเรียกพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
“ครับ ทำอะไรกันอยู่”
“เล่นเกมหุ่นยนต์ ซีนเองก็เล่น” ซีรีบรายงานทันที
“ไปเล่นซนกันมาไหมครับเนี่ยอาไม่อยู่”
“ไม่ซนครับ เราเป็นเด็กดี”
“เก่งมากครับ” ฉันเดินเข้าไปนั่งกับหลานที่พื้นหลังเคาน์เตอร์ ตอนนี้ลูกค้าเริ่มบางตาลงมากแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่นั่งที่เก้าอี้ ขนมฉันอบเสร็จเรียบร้อยสำหรับพรุ่งนี้รวมถึงพรุ่งนี้คนที่ทำหน้าที่ทำขนมจะกลับมาทำงานแล้วล่ะหลังจากที่ลาไปคลอดไปเมื่อสามเดือนก่อน
ตอนนี้ฉันให้น้องจัดขนมใส่ถาดเพื่อนำมาวางที่ตู้ด้านหน้าแล้ว ซียื่นขนมมาป้อนหนึ่งชิ้น ฉันอ้าปากรับแล้วนั่งดูหลานเล่นกันอย่างสนุก แต่ไม่ได้เสียงดังจนรบกวนลูกค้าคนอื่น
“ซี ซีน หิวหรือยังครับ”
“ยังครับ”
“วันนี้นอนกับอานะครับ”
“นอนครับ แต่คิดถึงแม่กับพ่อด้วย”
“เดี๋ยวก่อนนอนอาให้โทรหาพ่อดีไหม”
“ดีครับ”
“เดี๋ยวเราชวนอาเธิร์สมาด้วยดีไหม”
“ดี ๆ ” พอได้ยินว่าอาเธิร์สสองแสบก็ยิ้มกว้างตื่นเต้น เพราะเวลาที่เธิร์สเดย์มาหามักจะมีของเล่นติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ สองแสบเลยชอบ ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดโทรหาเธิร์ส รอสายสักพักใหญ่ปลายสายก็ไม่ได้รับ ฉันเลยกดวางและส่งข้อความบอกว่าให้โทรกลับ
“อาเธิร์สไม่รับสายเลยลูก งั้นเดี๋ยวเราค่อยโทรใหม่เนอะ”
“ครับ” หนึ่งทุ่มครึ่งเราสามคนอาหลานเก็บของเตรียมกลับบ้าน ช่วงที่กำลังจัดขนมใส่กล่องอยู่นั้นคุณหมอคลินิกข้าง ๆ ก็เดินเข้ามาในร้าน ท่าทางอิดโรยของเขาทำให้เดาได้ว่าวันนี้คนไข้ของเขาคงจะเยอะจนไม่มีเวลาพัก
“กลับบ้านกันครับ” คุณหมอเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับย่อตัวอุ้มซีนไว้
“พี่จ๋า หนูพาหลานกลับก่อนนะคะ”
“ค่ะคุณจันทร์”
“ลาพี่ ๆ ก่อนเร็ว อาจะพากลับแล้ว” ฉันบอกหลาน ซีและซีนยกมือไหว้ลาพนักงานในร้านอย่างน่ารัก ฉันจับมือซีเดินออกจากร้าน โดยที่มืออีกข้างถือกระเป๋าสะพายของทั้งสองคนไว้ เด็กทั้งสองนั่งบนเบาะด้านหลังโดยมีฉันนั่งคั่นกลางไว้ เมื่อนั่งเรียบร้อยฉันก็รัดเข็มขัดนิรภัยให้หลาน ส่วนตัวเองก็คอยมองหลานอยู่บ่อย ๆ โดยมีคุณหมอทำหน้าที่สารถีให้เราอีกครั้ง ฉันรู้สึกเกรงใจเขาอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาขับรถให้แบบนี้
“แวะกินข้าวก่อนไหมครับ เด็ก ๆ หิวหรือยัง”
“หิวแล้วครับ!”
“หิว หิว” สองพี่น้องขานรับโดยที่ไม่ต้องรอให้ถามซ้ำ ฉันหลุดขำเมื่อเห็นซีนลูบท้องตัวเองไปมาเพื่อยืนยันว่าหิวจริง
“มันเดย์หิวไหมครับ”
“นิดหน่อยค่ะ” ฉันตอบคนที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“งั้นแวะกินข้าวก่อนนะครับ”
“ได้ค่ะ โอ๊ะ โทรมาแล้ว” ฉันเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเจอสายเรียกเข้าจากเธิร์สเดย์
“ไปไหนมา ทำไมโทรหาแล้วไม่รับ” ฉันรีบถามคนที่โทรมาเสียงเข้ม
(ซ้อมอยู่เหอะ มีแข่งเนี่ย) เสียงโวยวายดังจากปลายสาย แต่ก็ไม่ได้เสียงดังมากนัก
“รู้หรอกน่า หลานมานอนด้วยนะวันนี้ จะมาไหม” ฉันถามกลับ มือเล็ก ๆ ของซีและซีนจับที่ต้นแขนเขย่าไม่หยุด คงอยากคุยกับอาเธิร์สของพวกเขาล่ะนะ
(เฮียบอกอยู่ แต่เหนื่อยอ่ะ)
“งั้นก็ไม่เป็นไร แต่ว่าหลานอยากคุยด้วยถ้าถึงร้านอาหารจะโทรหาอีกรอบนะ”
(ขับรถอยู่เหรอ? ทำไมรับโทรศัพท์ได้ มันอันตรายนะ!!)
“มีคนขับให้เถอะ อย่ามาเวอร์” ฉันยิ้มให้กับความห่วงใยจากเธิร์ส ขี้ห่วงจริง ๆ
(ใคร? นี่มีคนมาจีบใช่ไหม! บอกร้านมาเลยนะ จะตามไปบอกมาเลย)
“อันนี้เวอร์เกินไปแล้วเธิร์ส”
(ไม่รู้แหละ ส่งโลเคชันมาด้วย จะตามไป ไม่พักมันแล้ว จะไปดูหน้าใครมันมาจีบพี่สาว)