บทที่2
เพื่อนสนิท
กลับจากมหาวิทยาลัยฉันก็เดินคอตกเข้าบ้านวันนี้งานเยอะมากโชคดีที่ไอ้แฝดเพื่อนรักจะมาช่วยทำงานที่บ้านฉัน ฉันบอกตรงๆ ไม่อยากไปบ้านมันเลยเหมือนตัวเองอยู่ในวัง เดินก็ต้องระวังเสียงดังก็ไม่ได้ จะตดก็ต้องอั้นไว้ ตาย!!
“พี่สากลับบ้านแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ วันนี้คุณๆ เค้าฝากบอกน้องดอกอ้อว่าจะไปดูคาเฟ่ที่เชียงใหม่3วัน อย่าห่วงเที่ยวจนเสียการเรียนนะคะ”
“ค่ะ” เหอะ ฉันเดินหนีขึ้นห้องเพื่อรอฟังเสียงต้นหนาวกับไอ้เหนือ เมื่อพวกมันมาฉันก็รีบหอบงานลงมาทำด้วยกัน เวลาเรียนฉันก็จริงจังนะ ผ่านไปชั่วโมงกว่ายังตีป้อมกับไอ้เหนือไม่หยุดเลย งานบนโต๊ะต้นหนาวรับจบเหมือนทุกครั้ง
“ดอกถามอะไรหน่อยสิ” ต้นเหนือเอ่ยถามแต่คนข้างๆ กับหยุดงานในมือเพื่อฟังเหมือนกัน
“ว่า”
“เปล่าไม่มีอะไรและ หิววะไปต้มมาม่าให้หน่อยดิ”
“เลวมาก!”
“ไปเลยเร็วๆ เอารถต้มยำกุ้งนะ”
“เออ หนาวเอาไหม”
“เอา!”
“อ๋อ อืมๆ รอแป๊บนะ” ต้นหนาวก็เอาด้วยเหรอ ปกติไม่กินมาม่านี่น่า งั้นเอาเป็นขนมจีบก็แล้วกัน
ฉันรีบจัดการทุกอย่างต้มมาม่าอุ่นขนมจีบกุ้งจัดใส่จานเพื่อยกมาเสิร์ฟให้สองหนุ่ม พวกเราทั้งสามหยุดพักงานและเกมออนไลน์เพื่อมานั่งทานของว่างด้วยกันต่อด้วยดูหนังเพื่อนสนิทด้วยกันบนโซฟาปรับนอนได้โดยมีฉันนอนอยู่ตรงกลาง
“มึงว่ามันจะได้กันไหมเหนือ”
“เสมอได้”
“ฉันว่าไม่ได้”
ทั้งสองเถียงกันไม่หยุด เถียงกันจนคนข้างๆ ถอนหายใจความรำคาญทำให้เขาหลับตาลงแต่คนตรงกลางยุกยิกดุ๊กดิ๊กจนน่าหมั่นไส้อยากจับตีให้ก้นลาย
“เออดอกอ้อเมื่อวันที่ไปงานเลี้ยงฉลองไอ้ป้องเธอคุยอะไรกับไอ้เต”
เตคือหนุ่มหล่อร้ายไม่น่าคบ เขาคือคู่อริกับต้นเหนือมาตั้งแต่เด็กเพราะเหนือเป็นคนหัวร้อนง่ายผิดกับต้นหนาวที่นิ่งจนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย
“แค่มาถามเรื่องงานอะ เราบอกไปว่าต้องคุยกับต้นหนาวเลย”
“นึกว่ามันจีบเธอเห็นพวกเพื่อนๆ มันนั่งลุ้นกันอยู่”
“บ้าน่า ไม่มีอะไรหรอก”
ต้นหนาวลืมตามองคนตรงหน้าแค่นี้เขาก็รู้ว่าเธอโกหก คืนนั้นเขามองเธออยู่ตลอดแถมยังพยายามอ่านปากของทั้งสองคนจนเขาจับใจความได้คร่าวๆ ว่าเตตะวันถามเธอถึงสถานะซึ่งเธอบอกไปว่าโสด
ที่เขาหงุดหงิดไม่หายก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ ถึงแม้ว่าเขากับดอกอ้อจะเป็นแค่เพื่อนแต่เขาก็เฝ้ารอวันที่เธอจะหันมามองเขาบ้าง
ด้านต้นเหนือเขาก็พอรู้ว่าเตตะวันคู่อริของเขากำลังขายขนมจีบดอกอ้ออยู่เขาไม่ได้อยากอยู่เฉยๆ แต่เขารอวันเวลาจัดการมันต่างหาก
กลางดึกคืนนั้น
รถหรูของบ้านพงศ์ภูริโสภณขับเข้ามาจอดที่ร้านนั่งชิวใกล้ๆ มหาวิทยาลัยชายหนุ่มรูปงามจึงเดินเข้ามานั่งอยู่ในร้านเขากวาดสายตาหาคู่อริจนเห็นพวกนั้นเล่นสนุ๊กอยู่ด้านใน
เขาจัดการส่งซองสีขาวให้เด็กเสิร์ฟที่เดินเข้ามาอย่างรู้กัน ไม่นานอาหารเครื่องดื่มจากทางร้านก็ถูกนำเข้าไปส่งในห้องVIP ของสมนาคุณมากมายขนาดนี้มีหรือพวกเตตะวันจะไม่รับเมื่อเห็นเหยื่อทานอาหารไปแล้วเขาก็ลุกเดินออกมาโดยไม่มีใครสงสัยเลย
วันต่อมา
ดอกอ้อได้ยินข่าวเกี่ยวกับเพื่อนร่วมคลาสเรียนป่วยด้วยอาการท้องเสียเฉียบพลันส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มของเตตะวันเธอจึงเดินไปถามไถ่เพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ
“พริกแกงกูว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ ว่ะ”
“แปลกยังไงคนขี้แตกก็ปกตินะ กูยังเคยเลย”
“อิพริกอิสมองน้อย มึงจำตอนปีหนึ่งได้ไหมที่พี่รหัสมอมเหล้ากูอะ”
“เออจำได้ทำไมเหรอ”
“ก็วันต่อมาพี่รหัสถูกมอมยาโดจับแก้ผ้านอนอยู่หน้าตึกคณะจนต้องมาลาออกเพราะทนความอับอายไม่ได้ไง”
“เออแล้วยังไงต่อ”
ดอกอ้อหมดอารมณ์ที่จะพูดเธอจึงเดินไปนั่งกับสองแฝดที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นจามจุลีขนาดใหญ่ สายตาก็จ้องมองทั้งสองคนสลับกันไปมา
“ทำอะไรกันสองต้น” พริกแก่งเอ่ยถามแต่สองหนุ่มไม่พูดอะไร พวกเขาก้มหน้าอ่านหนังสือต่อจนดอกอ้อเป็นฝ่ายถามพวกเขาเอง
“พวกนายเป็นคนทำเตตะวันใช่ไหม”
สองหนุ่มมองหน้ากันจากนั้นก็ก้มอ่านหนังสือต่อ ถึงไม่สารภาพอาการของทั้งสองหนุ่มมันก็ฟ้องว่าพวกเขามีพิรุธ
“ฉันถาม!”
“แล้วเธอจะสนใจทำไมเป็นห่วงมันหรือไง” ต้นหนาวเงยหน้าขึ้นถามตามด้วยต้นเหนือที่เงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชาย
“ก็ต้องเป็นห่วงสิตามประสาเพื่อนในคลาสเดียวกัน”
“แค่นั้นไม่ถึงกับตาย เอาเวลาที่มานั่งจับผิดไปอ่านหนังสือเถอะพรุ่งนี้สอบไม่ใช่หรือไง”
เป็นครั้งแรกที่ต้นหนาวออกคำสั่งเล่นเอาคนฟังขนลุกซู่สรุปแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของใครกันต้นหนาวหรือต้นเหนือเพราะทั้งสองคนนิ่งมากไม่ยอมเงยหน้าจากหนังสือเลย
--------------------------------
ใครเป็นคนทำหนาวหรือเหนือไม่ใครก็ใครนี่แหละ สองหนุ่มหึงแรงมากหื่นด้วยยย