"ดูเธอจะไม่มีอารมณ์ร่วมกับฉันเลยนะ" พอวิเวียร์พูดเรื่องที่ตัวเองได้ยินมาให้กับเพื่อนรับรู้ แต่เห็นว่าชมจันทร์ยังคงนั่งทำหน้าขรึมอยู่ "ตกลงมันมีอะไรกันแน่ บอกฉันได้หรือยัง" วิเวียร์หันไปถามอันนา เพราะถ้าถามชมจันทร์ก็คงจะยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี
"ก็เรื่องนั้นแหละ ชมมันคิดว่าหัวหน้าเอาผลงานมันไปเอาหน้า"
"ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แบบหัวหน้าเหรอจะคิดงานเองได้"
"เธออย่าพูดแบบนั้นสิ ถึงยังไงพี่เพ็ญก็เป็นหัวหน้า"
"จับฉลากมาได้หรือเปล่าไม่รู้"
"พวกเธอช่วยอะไรฉันหน่อยสิ" ชมจันทร์คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
"พวกเธอแกล้งเข้าไปในห้องหัวหน้า แล้วก็ดู Project ที่หัวหน้าเสนอไป ขอดูแค่หัวข้อก็พอแล้ว"
"เธอจะบ้าเหรอ"
"แบบนี้คอขาดกันยกทีมเลยนะ"
ชมจันทร์ไม่มีวันยอมแน่ ถ้าทำดีกับเธอสักนิดเธอคงพอหลับหูหลับตาปล่อยไปได้
"ถ้างั้นคืนนี้เรารอให้หัวหน้ากลับก่อน แล้วค่อยขึ้นมาแอบดูดีไหม"
"แล้วถ้าข้างล่างเขาล็อกเราจะออกยังไงล่ะ"
"เออใช่ เดี๋ยวก็หาว่าขโมยของบริษัท งานเข้าหนักกว่าเก่าอีก" ทั้งสามเป็นเพื่อนที่เพิ่งมารู้จักกันตอนทำงาน มีอะไรก็คอยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมาตลอด
จนถึงเย็นวันนั้น.. ในเมื่อเธอหาวิธีเข้าไปดูโปรเจคไม่ได้ เธอก็จะขอให้คนที่เข้าใกล้เพ็ญพักตร์ได้ดูให้
"จะกลับแล้วเหรอคะ"
ชาคริตที่เดินมาหันมองไปดูด้านหลังตัวเอง พอเห็นว่าไม่มีใครก็เลยหันกลับมามองคนที่ทัก
"คุณชมพูดกับผมเหรอครับ" ชมจันทร์ไม่เคยทักชาคริตก่อนเขาก็เลยแปลกใจ
"คุณคิดว่าชมพูดกับใครล่ะคะ"
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"เย็นนี้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ"
ปี๊ดดดด!
"ระวัง!"
"อึบ" ชมจันทร์ถูกชาคริตคว้าร่างให้หลบออกจากรถคันที่บีบแตรใส่
"คุณเป็นอะไรไหม"
"ขับรถยังไง ไม่เห็นคนยืนอยู่ตรงนี้เหรอ!" ชมจันทร์ตะโกนด่ารถคันนั้น ถ้าชาคริตดึงเธอไม่ทันมีหวังถูกรถชน แต่พอมองทะเบียนรถดีๆ เธอจำได้ในทันทีว่ามันคือรถของใคร
"คุณไม่เป็นอะไรนะครับ"
จะเล่นจนถึงตายเลยหรือไง "โอ๊ย" ชมจันทร์สังเกตดูคนที่ขับรถมองกระจกหลังอยู่ เธอก็เลยแกล้งเจ็บขาเพื่อให้ชาคริตรับร่างของเธอไว้
แต่สิ่งที่ชมจันทร์ทำ..เธอไม่รู้ว่ายังมีสายตาอีกคู่หนึ่งมองมาเช่นกัน
"ไหนผมดูหน่อยว่าขาคุณได้รับบาดเจ็บตรงไหน" ชาคริตนั่งยองๆ ลงเพื่อมองตรงที่เธอบอกว่าเจ็บเมื่อสักครู่
"ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ"
"คุณชวนผมไปทานข้าวด้วยจริงไหม"
"ค่ะ"
"ถ้างั้นเรานัดเจอกันตอนไหนดีครับ"
"ไปทานตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ นี่มันก็เย็นมากแล้ว" ที่ชมจันทร์คิดว่าชาคริตคงช่วยได้ เพราะเขาเป็นหัวหน้า วันนั้นเขาต้องเข้าประชุมด้วยแน่
ในเวลาต่อมาที่ร้านอาหาร..
"ทำไมคุณถึงบอกฉันไม่ได้"
"คุณคงเข้าใจว่าทำไมผมถึงบอกไม่ได้" เพราะถ้าผลงานชิ้นไหนที่ได้รับคัดเลือก นั่นหมายถึงผลงานชิ้นนั้นจะรั่วไหลออกไปไม่ได้เลย
ถ้าจำกันได้ สโนไวท์เป็นคนริเริ่มทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองออกมาวางขาย เธอเก่งมากก็จริงแต่จะทำงานคนเดียวไม่ได้ต้องมีทีมเวิร์ค และตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็จัดตั้งแต่ละแผนกให้คิดผลิตภัณฑ์ออกมา ถ้าแผนกไหนได้รับคัดเลือก ก็จะนำผลงานคนนั้นไปผลิตและวางจำหน่ายตามท้องตลาด
แน่นอนว่าผลงานใครที่ได้รับคัดเลือก ต้องมีเงินพิเศษให้อยู่แล้ว
"ชมอิ่มแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ" ชมจันทร์ทำให้ชาคริตเห็นว่าถ้าทำให้เธอไม่พอใจเธอก็จะไม่คุยด้วย
"เดี๋ยวก่อนสิครับคุณชม" ชาคริตกำลังจะรีบตามไป แต่ทางพนักงานของร้านอาหารเข้ามาขวางไว้ก่อน เขาก็เลยควักเงินออกมาจ่ายค่าอาหาร พอตามออกมาชมจันทร์ก็นั่งแท็กซี่ออกไปจากร้านแล้ว
แท็กซี่คันที่เธอนั่งได้มาจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล
พอจ่ายเงินค่าแท็กซี่เธอก็เดินเข้าไปในนั้น เหมือนว่ามาที่นี่อยู่บ่อยๆ
"ถ้าหนูเหนื่อยไม่ต้องมาเฝ้าแม่ก็ได้กลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ถ้าชมไม่มาแล้วใครจะดูแลแม่ล่ะ"
แม่เธอป่วยเป็นโรคไตมาหลายปีแล้ว ช่วงหลังอาการไม่ค่อยดี ชมจันทร์ก็เลยให้แม่อยู่ที่โรงพยาบาล เพราะเธอต้องทำงานไม่มีเวลาดูแลแม่ และนี่แหละเป็นเหตุผลที่เธอเรียนไม่จบ พอพ่อเสียอาการป่วยของแม่ก็รุนแรงขึ้น เธอก็เลยต้องเป็นเสาหลักของบ้าน
เช้าวันต่อมา.. ชมจันทร์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล แล้วก็เรียกแท็กซี่ออกมาที่บริษัทเลย
"ทำไมมาสายจัง"
"เมื่อคืนไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล"
"ลืมถามเลยตอนนี้แม่เป็นยังไงบ้าง"
"ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ"
"เธอสองคนคุยอะไรกัน รู้ไหมว่าฉันถ่ายภาพใครมาได้"
"ภาพใครเหรอ"
"ผิดจากที่ฉันพูดที่ไหน"
"ช่วยพูดให้เข้าใจหน่อยได้ไหม"
"ก็ผู้บริหารคนใหม่น่ะสิ หล่อโคตรๆ เลย" วิเวียร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็กดเข้าไปในรูปภาพที่เพิ่งจะถ่ายมา เพื่ออวดให้เพื่อนๆ เห็นความหล่อเหลานั้นด้วย..