หลังจากไปเช็กความเรียบร้อยที่ห้องน้ำโดยที่ไม่ได้มีธุระอะไร ย่าหยาเติมแก้มให้มันดูแดงๆคล้ายคนเมาเหล้า ก่อนจะจงใจเดินผ่านวงของคีตะวัน เขาหันมาและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร คนเดินผ่านก็หันไปยิ้มตอบอย่างหวานฉ่ำจนเพื่อนๆ ในวงต่างมองตามจนเหลียวหลัง
“ใครวะไอ้คิล ....อย่างแจ่ม” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทะลึ่งตึงตังตามประสาเด็กหนุ่ม
“พี่ที่บริษัท...” เขาตอบเสียงเรียบ เพื่อนๆ ต่างพากันสนใจด้วยความสวยของย่าหยาที่ชายใดมองเห็นก็ต้องอยากครอบครอง ผิดกับคนที่เป็นเป้าสายตาที่เลือกเหยื่อเท่านั้น
“เชี้ยยย นางแบบเหรอวะ อยากเห็นพี่เขาใส่ชุดของบริษัทจังเลยว่ะ” ตามประสาผู้ชายวัยนี้ปากหมา สายตาแอบมองคนสวยที่นั่งเด่นอยู่ที่โต๊ะห่างออกไปเพียงไม่เท่าไหร่
“ประธานบริษัท...” สิ้นคำตอบจากคีตะวันทุกคนต่างพากันหันกลับไปมองที่ย่าหยาอีกครั้ง
‘แค่นี้ทำตกใจ ถ้ามึงรู้ว่าเขาแต่งตัวแบบไหนไปทำงานไม่ช็อคตายเหรอ’ คีตะวันสบถในใจ เขาไม่ได้ดูถูกหรือรังเกียจรสนิยมการแต่งตัวของประธานคนสวยหรอก เพียงแค่แปลกใจ....ปกติคนระดับนี้ไม่ได้จะแต่งตัววาบหวิวไม่สนโลกขนาดนั้น
“อื้อหือ แม่เจ้าโว้ยยย ถ้ากูรู้ก่อนนะ กูจะยื่นฝึกที่เดียวกับไอ้คิลแม่ง” ทุกคนพากันฮือฮาเรื่องประธานคนสวยกันอยู่พักใหญ่เมื่อเหล้าเข้าไปผสมกับเลือดในร่างกาย สร้างความมึนเมาจนได้ที่
เมื่อเวลาผ่านไปต่างคนก็ต่างแยกย้าย พรานสาวสวยจัดการส่งเพื่อนให้เอารถตัวเองกลับไปเรียบร้อยแล้ว ตาคมดุจดวงตาพญาเหยี่ยวจ้องเล็งเป้าหมายที่กำลังเดินมาก่อนจะทำทีเดินโซซัดโซเซไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ใกล้ๆ กลุ่มชายที่อยู่ใกล้กับรถมอเตอร์ไซค์ของคีตะวัน
“เฮ้ยมึงๆ” เสียงกระซิบกระซาบของกลุ่มชายฉกรรจ์ดังขึ้น เมื่อหนึ่งในนั้นหันมาเจอร่างระหงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเข้ารูปโชว์สัดส่วน เธอเดินเซมาคล้ายคนเมาไม่ได้สติเข้ามาใกล้
“กลับยังไงคะคนสวย” ชายรูปร่างสูงโปร่งผิวคล้ำหนวดเครารุงรังมองดูน่ากลัวเดินเข้ามาทัก สายตาจ้องมองด้วยความต้องการในร่างกายหญิงสาวอย่างชัดเจน
“อื้อ...เดินนน” ย่าหยาตอบไปเพื่อถ่วงเวลา ในใจก็พลางคิดว่าคีตะวันเดินชักช้า ไม่เข้ามาช่วยเสียที คนแกล้งเมาเริ่มหงุดหงิดเป็นนิสัย
ผู้หญิงตัวคนเดียวกับกลุ่มชายแปลกหน้าก็กรูกันเข้ามาจับดึง แต่พอย่าหยาเห็นว่าคีตะวันใกล้เข้ามาระยะหนึ่งแล้วเธอจึงตัดสินใจโวยวาย เพียงเรียกร้องความสนใจให้เป้าหมายเธอมองเห็น
“ปล่อยยย!!! อย่ามาจับฉัน!! ปล่อยฉันนะ....” เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงเอะอะตะโกน แถมยังเห็นกลุ่มผู้ชายรุมดึงทึ้ง คีตะวันกับเพื่อนจึงพากันเดินเข้าไปดู
“พี่ประธานคนสวยนี่” เพื่อนของเขาหันไปบอก
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ความเป็นชายที่ไม่ชอบการเอาเปรียบผู้หญิงจึงทำให้คีตะวันถามออกไป พร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่ดูจะมีจำนวนมากกว่าเข้าไปหา
“คิล....” ย่าหยารีบเซถลาเข้าไปซบที่เป้าหมาย เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกยืนแทบไม่ไหว เขาจับประคองไว้ตามองเห็นหน้าที่แดงก่ำบวกกับกลิ่นยาดองก็พอจะเดาเอาได้ว่าเมาแน่ๆ
“รู้จักกันเหรอ เห็นเมาเดินเซซ้ายเซขวาก็เลยจะช่วย ไป ไปดีกว่าพวกเรา” กลุ่มเด็กหนุ่มไม่ทันได้พูดอะไรชายแปลกหน้าก็พากันหนีไปเสียก่อน
แต่คนที่แกล้งเมาและซบกับแผงอกแกร่งยังคงไม่ไปไหน ทุกคนต่างมองมายังประธานสาวสวยที่พวกเขาเรียก จะทำยังไงเมื่อเธอเมาไม่ได้สติแบบนี้
“เอาไงไอ้คิล ให้กูไปส่งไหม”
“ไม่ต้องเลย จะส่งถึงไหม อย่ามาคิดอกุศลกับพี่เขานะมึง”
“แล้วมึงจะเอาไง นั่งมอไซค์ไม่ไหวหรอกแบบนี้ ยืนยังไม่ได้เลย” เพื่อนคนหนึ่งเสนอความคิดขึ้น
‘ไอ้เด็กบ้า ไอ้ขัดลาภ!!!’ คนแกล้งเมาคิดในใจ
“พี่ย่า ไหวไหมพี่” คนเสแสร้งอาศัยจังหวะนี้แกล้งได้สติยืนโอนเอนแต่พอทรงตัวได้ “บ้านพี่อยู่ไหน นั่งมอไซค์ไหวหรือเปล่า”
คนถูกถามอยากจะยิ้มให้ปากฉีก แต่ต้องทำอึนๆ งงๆ พยักหน้ารับ ก่อนจะก้มควานหานามบัตรที่แสดงชื่อคอนโดฯให้กับคีตะวัน ร่างกายก็สาระวนเบียดเสียดเข้าหาคนตัวโตด้วยความชอบใจ
ความทุลักทุเลกว่าจะพาตัวย่าหยาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์และขับออกไปได้ เขาต้องใช้เสื้อแขนยาวที่สวมมัดรอบตัวเธอกับเขา จับสองมือมากอดเอวก่อนจะขี่รถออกไป
คนแกล้งเมาบดเบียดอกอวบเข้าหาเด็กหนุ่มทำทีไม่ได้สติ มือของเธอก็ซุกซนไม่เป็นที่จนคีตะวันจับไม่ไหว บางจังหวะก็ลากมือช้าๆไปตามหน้าท้อง และหน้าขาจนเจียนจะถึงความใหญ่โตที่เธออยากสัมผัส
“พี่....ยะ...อย่า” คนขับพยายามปล่อยมือข้างหนึ่งมาจับเอามือน้อยๆ ที่กำลังซุกซน เขารีบเร่งเครื่องเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว ก่อนอะไรๆ มันจะดุเดือดไปมากกว่านี้ แม้ยามเมาเขาก็ยังรู้สึกว่าประธานคนนี้ดูเร่าร้อนเสมอ
“คีย์การ์ดอยู่ไหนพี่” เขาหันไปถามเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว
“ในกระเป๋า....”
“โอ๊ยๆๆ พี่ใจเย็นค่อยๆ ยืนเดี๋ยวๆ” ทุกอย่างเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะย่าหยาเล่นใหญ่เล่นโตทิ้งตัวไม่ยอมยืน คีตะวันตัดสินใจยกร่างบางขึ้นมาอุ้มแล้วเดินเข้าไปในคอนโดฯ ดีที่พวงกุญแจเป็นเบอร์ห้องทำให้ไม่ต้องเซ้าซี้ถามให้มากความ กลางคืนไม่มีคนเลยทำให้เข้ามาได้อย่างง่ายๆ ไม่ต้องหลบสายตาใคร
“ถึงแล้วพี่ กัดฟันเดินเข้าห้องไปนิดนึงนะ” เมื่อเปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว
เขาส่งกระเป๋าและทุกอย่างคืนให้เจ้าของแล้วทำท่าจะชิ่งหนี เพราะคิดได้ว่าหากตามเข้าไป ...อะไรๆ มันจะเกิดแน่ ตอนนี้เขาเองก็ลุกซู่ตั้งแต่โดนล้วงโดนควักเมื่อตอนขับรถแล้ว
“อื้อ....”
“เฮ้ย!!!”
แค่คีตะวันปล่อยมือ ย่าหยาก็หกล้มคลุกคลานต่อไปบนพื้น เธอเล่นใหญ่เพื่อให้เหยื่อของเธอเข้าไปส่งในห้อง ฝั่งชายหนุ่มเห็นสภาพแล้วปล่อยให้เดินต่อไปเองคงนอนพื้นแน่ๆ ก่อนตัดสินใจตรงเข้าไปอุ้มพยุงร่างบางขึ้นมาแล้วเดินตรงเข้าไปที่เตียง เขาค่อยๆ หย่อนร่างบางในอ้อมแขนลงอย่างเบามือ แต่แขนเรียวที่คล้องเกี่ยวอยู่ที่คอของคีตะวันนั้นเกี่ยวแน่นอย่างไม่มีทีท่าจะปล่อย ทันทีที่เขาวางเธอลงเตียงจนเรียบร้อยคนเจ้าเล่ห์ก็ออกแรงกระตุกเด็กหนุ่มให้โค่นลงมาทับร่างของตัวเองอย่างเต็มที่
สองสายตาต้องประสานกันด้วยใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ มันใกล้ชิดจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดใบหน้า และกลิ่นยาดองที่ต่างคนต่างซดมาจนเต็มที่ มือเรียวเลื่อนขึ้นมาจับประคองที่ศีรษะของคนที่คร่อมอยู่
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้สติก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น คีตะวันดีดตัวออกจากร่างสาวใหญ่ถอยออกไปจากเตียงสองถึงสามก้าว ย่าหยาพอรู้ว่ามันเกิดขึ้นไม่ได้แน่จึงแกล้งหลับตาลงทำทีเป็นหมดสติ คีตะวันถอนหายใจเฮือกใหญ่
'เกือบไปแล้วไอ้คิล ลูกผู้ชายต้องไม่ได้หญิงตอนเมาสิวะ’ เขาพูดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ภาพในตาแสนเย้ายวนยังตามกวนใจแม้ตลอดทางจนกลับถึงห้องก็ยังไม่จางหายไป
แม้เวลาล่วงเลยจนเช้ากับภาพที่หวนเข้ามาในความคิดก็ทำให้เนื้อตัวของคีตะวันยังร้อนรุ่มไม่หาย ภาพที่เขาล้มตัวลงไปทับย่าหยากับแรงสัมผัสแนบชิดของเนื้อผิวยังติดตาตรึงใจ นึกขึ้นมาทีไรก็ร้อนไปหมดทั้งตัว หรือเพราะช่วงนี้ของขาดพอดี...เลยทำให้ความรู้สึกมันสะสมและก่อตัวขึ้นง่ายๆ เขาพยายามขจัดภาพที่พาลจะทำให้เขานึกถึงผิวขาวเนียน หรือหุ่นอรชรน่ากอดของประธานคนสวย แต่ยิ่งพยายาม เหมือนมันยิ่งนึกถึง
“เอ่อ...คิลเดี๋ยวช่วยเอาแฟ้มพวกนี้ไปวางบนโต๊ะคุณหยาหน่อยนะ” เสียงของเตชภณพาให้คนเหม่อสะดุ้งตกใจ
“......”
“เหม่ออะไรเราน่ะ พี่บอกให้ช่วยเอาแฟ้มไปวางโต๊ะคุณหยาให้หน่อย ตอนนี้เขายังไม่มาหรอก...เดี๋ยวพอเขามาถึงกะว่าสักยี่สิบนาทีก็เข้าไปเอามาวางให้พี่นะ” คีตะวันพยักหน้ารับเมื่อได้ยินคำสั่ง
เด็กหนุ่มยกเอาแฟ้มเดินถือเข้าไปวางบนโต๊ะทำงานของย่าหยา จังหวะเดินกลับออกมาเขาเดินมาจนถึงหน้าประตูห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงทางออกแล้ว แต่ต้องชะงักและถอยกลับมาเพราะเจ้าของห้องได้มาถึงแล้ว
“อ้าว ...อรุณสวัสดิ์พ่อหนุ่มร้านยาดอง” สาวสวยที่วันนี้ดูจะแต่งตัวมิดชิดกว่าทุกวันที่เขาเคยเห็น เธอสาวเท้าเข้ามากระซิบบอกใกล้จนอกอวบแทบจะชิดกับกายหนุ่มที่กำลังร้อนระอุ
“ครับ...” เขาตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาอีกฝั่งหมายจะอ้อมออกจากประตู แต่มือเรียวกลับคว้าแขนของเขาไว้ได้ก่อนออกแรงดึงให้เขาเซถลาเข้าหาตัว
“เมื่อคืนนี้......” เพียงแค่ย่าหยาจั่วหัวเรื่องขึ้นมา เลือดทั้งตัวก็สูบฉีดไปทั่ว เขาขบกัดกรามกรอกเมื่อนึกถึงสภาพทิ้งตัวลงบนเตียงเมื่อคืนนี้ “ขอบคุณนะที่ไปส่ง พี่.....จำอะไรไม่ค่อยได้เลย”
เธอแกล้งพูดเลี่ยงไปอย่างนั้น เพราะอ่านเกมออกแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจวนเต็มที่แล้ว ถ้าอดใจรอสักหน่อยคงได้กินไม่ยากแน่
“ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็อย่ากินจนเมาอีกนะครับ มันอันตราย” เขาพูดทั้งที่ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย
“แล้ว...ถ้าพี่อยากกินให้เมาล่ะ ต้องทำยังไง” เสียงกระเส่าเอ่ยถามอย่างยั่วยวน
“........” คนถูกถามกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอก่อนจะแอบเหลือบมองสายตาเพชฌฆาตที่กำลังจ้องเขาอยู่ปานจะกลืนกิน
“เอาเถอะ ยังไงก็ขอบคุณนะ เอาไว้ถ้าเมาอีกจะโทรหาให้ไปรับได้หรือเปล่า” ย่าหยาแกล้งพูดแบบหยิกแกมหยอก แต่เธอคิดที่จะทำแบบนั้นจริงๆ
“งั้นผมขอตัวนะครับคุณ...”
“พี่หยา!!” ย่าหยาแทรกขึ้นทันที เธอต้องการให้สรรพนามที่ใช้ดูสนิทกันมากกว่านี้
“ครับ...พี่หยา”
“น่ารักที่สุด” ประธานคนสวยไม่ว่าเปล่าเอื้อมมือไปฉวยโอกาสหยิกแก้มหนุ่มนักศึกษาอย่างไม่เกรงใจ
“พี่หยา...” พอย่าหยาเดินหลบออกมาตรงไปที่โต๊ะทำงาน อยู่ๆ คีตะวันก็หันกลับไปเรียก ทำให้ย่าหยาเองก็หันกลับมาตามเสียงเรียกเช่นกัน
“ว่าไง?”
“ที่พี่บอกถ้าเมาจะโทรมา ไม่ต้องหรอกนะ” เขารวบรวมความกล้าก่อนจะพูดออกไปแบบนั้น คนฟังได้ยินก็หน้าชาเล็กน้อย ปกติเธอไม่เคยถูกปฏิเสธจากใครหน้าไหนทั้งนั้น “ถ้าอยากให้ผมพากลับ......ก็พาผมไปด้วย”
เขาวรรคไปเสียนานกว่าจะพูดต่อ เล่นเอาคนฟังใจเสียไปไม่น้อย
‘ไอ้เด็กบ้า!! .....เว้นซะนาน’ ย่าหยาตั้งตัวแทบไม่ทันเหมือนกัน ดูเหมือนกวางหนุ่มน้อยจะไม่ใช่กวางหนุ่มไม่ประสาเสียแล้ว ไม่แน่นี่อาจจะเป็นเสือสุ่มก็ได้ อยู่ๆ ก็ทอดสะพานลงมาเองแบบนี้
คีตะวันชั่งใจดูแล้วหากเขายิ่งเลี่ยงคนบุกก็ยิ่งจะบุกเข้ามาให้ได้ สู้หันหน้าตั้งรับไปเลยดีกว่า ....อยากจะรู้เหมือนกันว่ารุ่นใหญ่จะสักแค่ไหนกัน
“ชวนแล้วจะว่างเหรอ…” เด็กเสนอมีหรือเธอจะไม่สนอง
“พี่ก็ต้องนัดล่วงหน้า ....ผมจะเคลียร์คิวให้” คีตะวันเริ่มตั้งรับเกมของอีกฝ่ายบ้างแล้ว เขาปล่อยเธอรุกมาจนเสียเชิงความเป็นชายไปหมด ต่อไปนี้เขาจะไม่เป็นฝ่ายโดนรุกแค่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว
สายตาของคนทั้งคู่จับจ้อง เมื่อต่างฝ่ายก็ต่างคิดว่าตนเองคือพรานผู้ล่า ไม่ใช่เหยื่อผู้ถูกกิน เกมที่กำลังจะเริ่มจึงดูเป็นเกมที่ท้าทายสำหรับคนทั้งสอง
ก๊อกๆๆ !!
เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งคู่หลุดจากเรื่องที่กำลังคุยกัน คีตะวันรีบหันไปมองคนที่เข้ามาเยือนเขากลัวจะเป็นเตชภณพี่เลี้ยงของเขา เพราะตัวเองมานานแล้วเหมือนกัน
“ไงอีอ้วน” ย่าหยารีบร้องทัก
“ใครอะ?” กันทิมาที่เพิ่งเข้ามาหันมองคีตะวันก่อนจะหันมาถามเพื่อนที่ยังยืนงงๆ อยู่
“น้องฝึกงาน”
“สวัสดีครับ” คีตะวันหันไปไหว้ ด้วยอาการมึนๆ “ผม...ขอตัวนะครับ”
สาวอวบมองตามแผ่นหลังหนุ่มนักศึกษาไปจนประตูปิด ก่อนจะหันมาจิกเพื่อนสาวที่ตีหน้ามึนรออยู่ แค่มองเพียงเล็กน้อยก็รู้ว่าในสายตาของเพื่อนสนิทกำลังคิดอะไรอยู่
“อีย่า!! เมื่อคืนกูเห็นไอ้หน้าหล่อนี่ที่ร้านด้วย อยู่โต๊ะใกล้ๆ เรา นี่มึงอย่าบอกนะ...” กันทิมาชี้หน้าต่อว่าเพื่อน
“ไม่รู้ มีด้วยเหรอ ...ไม่เห็น”
“หนอยยย อีย่า!!! กูรู้นะที่มึงทิ้งไวน์ไปแดกยาดองเพราะไอ้หน้าหล่อนั่นใช่ไหมห้ะ!!?” ร่างอวบสาวเท้าเดินตามไปนั่งที่โต๊ะอย่างติดๆ
“มานี่มีอะไร?” ย่าหยารีบเปลี่ยนเรื่อง
“อย่ามาเฉไฉ ไอ้นักศึกษาฝึกงานที่เล่าให้ฟังก็คนนี้ใช่ไหม!!” กันทิมายังยิงคำถามไม่หยุด
“เออ จบไหม สงสัยเก่งจังนะมึงเนี่ย!!” เมื่อรำคาญจะหลบ ประธานสาวเลยตอบส่งๆ ให้มันจบ แต่คนถามดูจะไม่จบให้ง่ายๆ
“เมื่อคืนที่ให้กูเอารถกลับ ก็เพราะไอ้หน้าหล่อนี่ด้วยใช่ไหม?”
“บ้านทำร้านซักรีดเหรอ ซักเก่ง!! รีดคำตอบเก่งงง!!” ย่าหยาจีบปากจีบคอประชดประชัน
“นี่มึงฟาดมันตั้งแต่มาเริ่มงานได้วันเดียวเนี่ยเหรอ!!” กันทิมาโวยลั่น
“อีอ้วน!! เบาๆ สิวะมึงจะแหกปากทำไม” เมื่อเสียงมันดังเกินไป ย่าหยาจึงต้องปรามขึ้น
“นี่จริงเหรอ?!! อีย่ามึงงง!!”
“ไม่จริงโว้ย แค่เกือบๆ ยังไม่ได้กิน” นึกถึงแล้วก็เสียอารมณ์ ย่าหยาคิดขึ้น “แต่เร็วๆ นี่แหละกูจะกินให้ฉ่ำใจเลย!!”
“อีย่า!!!” คนเป็นเพื่อนหัวใจจะวาย ดูแล้วจะกู่ไม่กลับจริงๆ กันทิมาเองก็รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ถ้าริจะเอาอะไร ก็จะเอาจนกว่าจะได้ รวมทั้งไอ้เด็กหนุ่มหน้าหล่อนี่ด้วย