“ห้องพักของพวกเราอยู่ทางด้านนี้” ซือเทียนเดินนำซิงถิงไปทางปีกฝั่งตะวันตกไม่ไกลจากห้องครัวมากนัก “ตรงนั้นคือห้องน้ำ และที่ซักล้าง เจ้าเอาเสื้อผ้ามาซักที่นี่ได้ แต่เอ่อ…” เขามองชุดซิงถิงแล้วก็นึกสงสาร “ชุดเจ้าทิ้งไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะพาไปเบิกชุดใหม่”
ซิงถิงยิ้มน้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจแล้วพยักหน้ารับ
ซือเทียนพานางเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องริมสุด แล้วเอ่ย “เจ้าคงต้องพักอยู่กับอู๋ซวนไปก่อนนะ ตอนนี้มีแต่ห้องของอู๋ซวนที่ยังไม่มีคนมาพักด้วย”
“อู๋ซวน? ใครหรือ?” ซิงถิงเอียงคอถามอย่างสงสัย
“ก็…เด็กที่เป็นผู้ช่วยพ่อครัวที่เจ้าเจอเมื่อสักครู่นั่นแหละ เขาเองก็เพิ่งมาเหมือนกัน”
“อ่อ อืมได้ ขอบคุณมาก” ซิงถิงโค้งตัวเอ่ยขอบคุณ “แต่ว่าข้าจะไปเบิกชุดได้ที่ไหนหรือ”
“อ่อ เกือบลืมไป เดียวข้าไปเบิกให้เจ้าเองดีกว่า เจ้าน่าจะเหนื่อยแล้วเข้าไปพักก่อนเถอะ”
ซิงถิงเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง นางรู้สึกซึ้งใจซือเทียนอย่างมาก แม้นางจากเพิ่งมาแต่เขาก็ปฏิบัติกับนางอย่างดี มือน้อยผลักประตูเข้าไป ภายในห้องแคบๆ มีเตียงอยู่สองเตียง ตู้เก็บของสองตู้แบ่งฝั่งกันชัดเจน แม้จะดูไม่สะดวกสบายมากนัก แต่ก็ดีกว่าโรงเก็บฟืนที่นางอาศัยอยู่ก่อนหน้าเป็นมากโข
เนื่องด้วยซิงถิงไม่ทราบว่าอู๋ซวนใช้เตียงฝั่งใด นางจึงได้แต่ยืนอยู่ในห้องไม่กล้านั่ง ไม่นานนักก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
“ไง…” ด้วยความที่เห็นว่าอู๋ซวนโตกว่านางแค่ประมาณสองสามปี นางจึงลองทักทายแบบเป็นมิตรดู “ยินดีที่ได้รู้จักนะข้าชื่อ…” ผู้ที่เข้ามาใหม่เดินผ่านตัวนางไปโดยไม่สนใจไยดี กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากตัวเขาทำให้ซิงถิงรู้ว่าเขาคงเพิ่งจะอาบน้ำกลับมา ‘เจ้าเด็กนี่ปล่อยให้ฉันยิ้มค้างหรอ? ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เลย’ นางบ่นอุบในใจ
คนตัวเล็กหันตัวไปตามอู๋ซวน เขาเดินเข้าไปนั่งที่เตียงฝั่งขวาอย่างไม่พูดไม่จา นางจึงเดินไปนั่งที่เตียงฝั่งซ้าย ด้วยความที่ว่าซิงถิงมาตัวเปล่า นางจึงไม่มีสัมภาระอะไรที่ต้องจัด จึงได้แต่นั่งเงียบ
ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งห้อง ทำเอาซิงถิงรู้สึกอึดอัด แม้นางจะคิดว่ามันก็ดีล่ะนะที่อู๋ซวนดูไม่ให้ความสนใจนาง อย่างน้อยก็เบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง และไม่ต้องกังวลมากนักเรื่องการปิดบังว่าตนเองเป็นสตรี แต่ซิงถิงก็ยังคงต้องระวังตัว…ซิงถิงแทบจะทนกับความเงียบไม่ไหว นางภาวนาขอให้ซือเทียนที่ไปเบิกชุดให้นางกลับมาเร็วๆ
ไม่นานนักการภาวนาของนางก็ได้ผล ซือเทียนเดินกลับมาพร้อมกับชุดใหม่สามชุด ขันน้ำและสบู่ชำระกาย
“อาจจะใหญ่ไปซะหน่อยนะ” เขาวางสองชุดลงบนเตียงนางแล้วกางชุดออกมาเทียบตัวซิงถิง
“ไม่เป็นไรหรอกขอบคุณเจ้ามาก”
“งั้นข้าขอตัวไปพักก่อนนะ ข้าพักอยู่ข้านบนห้องสาม หากเจ้ามีปัญหาอะไรก็ไปเรียกข้าได้”
“อื้ม!” ซิงถิงตอบรับพลางยิ้มแป้นแล้วโค้งตัวขอบคุณซือเทียนอีกครั้ง
หลังจากซิงถิงไปอาบน้ำชำระกายเสร็จ เมื่อกลับมาที่ห้องก็พบว่าอู๋ซวนเข้านอนแล้ว นางเดินมานั่งที่เตียงตัวเองก่อนจะดับเทียนและเข้านอนเช่นกัน ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ซิงถิงนอนหลับได้สนิทและสบายที่สุดหลังจากที่นางมายังโลกแห่งนี้…
“โต๊ะสิบเอ็ดได้หรือยัง” เสียงตะโกนถามจากเสี่ยวเอ้อทำให้ซิงถิงต้องรีบเร่งเข้าไปอีก นางจัดการรีบตักข้าวผัดใส่ถ้วยแล้วเอ่ยตอบกลับไป
“ได้แล้วขอรับ!”
หลังจากส่งไปแล้วนางก็จัดการทำจานต่อไปทันที
“หมูทอดผัดหน่อไม้” ซือเทียนที่รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของซิงถิงเอ่ย
“ขอรับ” นางรับคำ แม้จะเป็นวันที่วุ่นวายแต่ทว่านางกลับรู้สึกสนุก หลังจากที่นางมาทำครัวได้เกือบหนึ่งอาทิตย์ ซิงถิงก็เริ่มรู้สึกยุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะลูกค้าติดใจรสมือของซิงถิงมากขึ้น จนพ่อครัวซือต้องมอบหน้าที่ทำอาหารจานหลักให้ซิงถิงจัดการ
ซือเทียนส่งหมูชุบแป้งตามสูตรของซิงถิงให้นางเมื่อเห็นว่าน้ำมันกระทะเริ่มร้อนแล้ว ซิงถิงจัดการทอดหมูจนเหลืองกรอบออกมาพักเอาไว้ก่อน แล้วจึงเทน้ำมันทอดออกให้เหลือประมาณหนึ่งช้อนชาก่อนจะตั้งไฟต่อ ใส่กระเทียมลงผัดจนหอมเหลือง ใส่หน่อไม้และแครอทลงผัดให้พอสุก
นางปรุงรสด้วยเหล้าจีน เกลือ น้ำตาล ก่อนจะใส่หมูทอดชุบแป้งลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำ ผัดให้สุกข้น ใส่ต้นหอม ก่อนจะปิดไฟแล้วตักขึ้นเสิร์ฟทันที
จากที่นางสังเกต หมูทอดผักหน่อไม้นี้ขายดีที่สุด จำนวนจานต่อวันที่นางผัดมากกว่าสิบจาน
“ต่อไปโต๊ะแปด ตับหมูผัดขิง และหมูผัดพริกหวาน”
“ขอรับ”
แม้จะงานยุ่งเพียงใดเมื่อหมดเวลาครัวแล้ว ซิงถิงก็สอนทำอาหารให้กับซือเทียนด้วย นางรู้สึกถูกใจซือเทียนมากเพราะว่าแม้นางจะเด็กกว่า แต่ซือเทียนกับไม่ถือสาและขอให้นางสอนอย่างกระตือรือร้นเสมอ เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นฝีมือของซือเทียนก็รุกหน้าไปมากจนพ่อครัวซือเอ่ยปากชม
“นี่ซือเทียน ข้าสงสัยมานานแล้วเจ้าเป็นอะไรกับพ่อครัวซือหรือ?” ซิงถิงเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
“เขาเป็นบิดาข้าน่ะ”
“ห๊ะ” ซิงถิงเบิกตาโตอย่างตกใจ หากไม่บอกว่าเป็นพ่อลูกกันซิงถิงก็คงนึกว่าทั้งสองเป็นเพียงญาติ เพราะหน้าตาถึงแม้จะคล้ายคลึง แต่บรรยากาศกับดูไม่สนิทสนมกันดั่งพ่อลูก แต่เมื่อคิดว่าที่นี่อาจจะมีการปฏิบัติตัวไม่เหมือนที่นางจากมา นางก็ไม่อยากจะสงสัยอะไรมากนัก
“ทำไมหรือ?”
“เปล่าหรอกๆ ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมเจ้าถึงหน้าคล้ายพ่อครัวซือน่ะ”
“อ่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ทั้งสองก้มหน้าก้มตาทานอาหารเย็นต่อ ยังไม่ทันที่พวกเขาจะทานเสร็จ คนที่นั่งกินเงียบๆ ก็ลุกออกไปก่อน
“ซิงถิง เจ้าอึดอัดบ้างไหมพี่พักอยู่กับอู๋ซวน”
“ไม่นะ” ซิงถิงตอบทันทีนางไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี นางพยายามจะชวนอู๋ซวนคุยแล้ว แต่เขาก็เอาแต่เดินหนี ไม่ก็เมินนาง ดีหน่อยก็ตอบแค่ ‘อื้ม’ มาคำเดียวจนนางท้อใจที่จะพยายามสนิทด้วยแล้ว แต่แบบนี้นางก็รู้สึกสบายใจเหมือนกัน เวลาที่อยู่ในห้องพักนางจึงไม่ต้องระแวงอะไรมาก
“แต่ว่านะ ทำไมเขาถึงไม่พูดกับใครเลยล่ะ” ซิงถิงถามอย่างอยากรู้ อันที่จริงนางก็แกัน เวลาที่อยู่ในห้องพักนางจึงไม่ต้องระแวงอะไรมาก
“แต่ว่านะ ทำไมเขาถึงไม่พูดกับใครเลยล่ะ” ซิงถิงถามอย่างอยากรู้ อันที่จริงนางก็แอบเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะอู๋ซวนนั้นก็ยังคงเด็กอยู่ นางกลัวว่าเขาจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเสียก่อน แม้นางจะไม่รู้อะไรเลยแต่นางก็สัมผัสได้ว่าเขามีอะไรในใจที่เก็บเอาไว้คนเดียวเป็นแน่
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ข้าได้ยินแต่ข่าวลือมาน่ะ ไม่รู้ว่าจริงไหม”
“ข่าวลืออะไรหรือ?”
ซือเทียนขยับเข้ามาใกล้ซิงถิงก่อนจะกระซิบกับนางเบาๆ “แม่อู๋ซวนถูกประหารเพราะแอบเป็นพ่อครัว…”
“…!!!”
ซิงถิงรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่รู้เรื่องข่าวลือของอู๋ซวน ทั้งยังไม่สบายใจกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าตนเองเป็นสตรีหนักกว่าเก่า นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดอู๋ซวนถึงยังคงมาเป็นผู้ช่วยพ่อครัวอยู่ที่นี่ นางแน่ใจว่าเขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแน่เมื่อเข้าครัว…ความคิดของเด็กคนนี้นางไม่อาจจะเข้าใจได้เลยจริงๆ
ซิงถิงหันไปมองอู๋ซวนที่นอนหลับอยู่อีกเตียง เสียงหายใจสม่ำเสมอเบาๆ ทำให้นางรู้ว่าเขาคงจะหลับไปแล้ว มีแต่นางที่ยังคงนอนไม่หลับ ซิงถิงถอนหายใจเบาๆ ขณะที่นางกำลังจะข่มตาหลับ นางก็ได้ยินเสียงดังจากภายนอก
“เฮ้ย! หยุดเดียวนี้นะเว้ย”
“อะไรกันเนี่ย…”
ซิงถิงลุกขึ้นมานั่ง ขณะที่อู๋ซวนพลิกตัวหันหน้าเข้ากำแพง อยู่ๆ ประตูห้องของพวกเขาก็เปิดออก เด็กคนหนึ่งรูปร่างผอมเพรียวรีบลอบเข้ามาภายในห้องแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“ชู่…ข้าขอหลบสักครู่นะ” เขาหันมาเอ่ยบอกซิงถิงที่กำลังตกใจ
ร่างกายคล่องแคล่วปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนคานอย่างรวดเร็วจนซิงถิงถึงกับอึ้ง อู๋ซวนเพียงแค่หันมองตามคนที่ถือวิสาสะเข้ามาด้วยหางตา ก่อนจะหลับตานอนต่อ ไม่ทันที่ซิงถิงจะเอ่ยถาม คนที่ไล่ตามเด็กคนนี้มาก็เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ เสียงมันเหมือนกับเขาไล่เปิดประตูทุกห้องจนมาถึงห้องของนาง
“นี่พวกเจ้าเห็นเด็กอายุประมาณแปดปี ใส่ชุดสีน้ำตาลเก่าๆ ไหม” คนที่เข้ามาเอ่ยถามทันใด
ซิงถิงที่ยังคงตั้งสติไม่อยู่ อ้ำๆ อึ้งๆ นางไม่รู้ว่าควรจะบอกดีไหมว่าเขาแอบอยู่บน…ขณะที่ซิงถิงลังเล อู๋ซวนก็ชี้นิ้วไปบนคานที่เด็กคนนั้นอยู่ ทำเอาคนที่เกาะอยู่บนคานถึงกับอ้าปากค้างมองลงมาอย่างคาดโทษ
แทนที่เขาจะมองขึ้นไปตามที่อู๋ซวนชี้บอก เขากลับเอ่ยมาว่า “หนีขึ้นไปชั้นบนหรือ ขอบใจมาก!” แล้วก็ออกไปทันที…แถมยังปิดประตูคืนให้ด้วย…
“นี่อู๋ซวนเจ้าไม่คิดจะช่วยข้าเลยหรือไง หน็อย~มันน่านัก!” เด็กคนนั้นกระโดดลงมาแล้วทำท่าจะเข้าไปต่อยอู๋ซวน แต่ยังไม่ทันถึงตัวกลับหันมาเอ่ยกับซิงถิง “นี่เจ้าตัวเล็กไม่มาห้ามข้าหน่อยหรือ”
“ห่ะ…” คนถูกถามกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…พลางนึกสงสัยว่าสองคนนี้รู้จักกันหรือ
“ถึงข้าจะบอก เจ้านั่นก็โง่ไม่รู้อยู่ดี” อู๋ซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“อุ๊บ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”