หญิงสาวสวมชุดนักศึกษา นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟาราคาแพง เมื่อเธอจำใจต้องเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยภายในกรุงเทพฯ เพราะบิดาไม่อยากให้เธอไปอยู่ไกลหูไกลตา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกันยาอยากจะไปเรียนที่ขอนแก่นหรือไม่ก็เชียงใหม่ เพราะที่เธอสอบเอาไว้ก็ติดทุกที่ กันยาเป็นเด็กฉลาดเรียนเก่งหัวดีตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกที่เธอจะสอบติดทุกที่ที่ไปสอบเอนทรานซ์เอาไว้
"ยัยตัวแสบ เปิดเทอมวันแรกทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ" ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวถึงชอบทำหน้ามุ่ย สงสัยเธอคงเคยเอาแต่ใจจนเคยตัวละมั้ง
"อุตส่าห์เลือกเรียนคณะเกษตรศาสตร์หวังจะได้ไปสูดอากาศสดชื่น แต่กลับถูกบังคับให้เรียนที่กรุงเทพฯ เซ็งชะมัดเลย" ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงได้หวงและห่วงฉัน ทั้งที่ฉันก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว
"เถอะน่าพ่อกับแม่คงคิดถึง ถ้าเธอไม่อยู่บ้านหลังนี้ใครจะป่วน สรุปว่าจะขับรถไปเองหรือให้พี่ไปส่ง"
"ก็ใช่สิพี่พูดได้ไง ก็ตัวเองได้เรียนในคณะที่ใช่ แถมยังได้เข้ามหา'ลัยที่ชอบอีก ที่รีบไปเลยกันยาไปเองได้" ที่ฉันพูดจาประชดประชันพี่ชายออกไป เพราะรู้ดีว่าที่ตุลาเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจสาขาการตลาดนั้น เป็นเพราะว่าเขาชอบ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเขากำลังจะเจริญรอยตามพ่อของฉัน
"บางทีที่มหา'ลัยที่เธอกำลังจะเข้าเรียน อาจจะมีอะไรดีๆ มากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ก็เป็นได้ รีบไปเถอะยัยตัวแสบสายแล้ว" ผมยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับทำสายตากวนๆ ส่งให้กับกันยา ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านตรงไปยังรถสปอร์ตคันหรูแล้วขับออกไปในทันที
"คุณลีโอค่ะช่วยส่งไปส่งกันยาที่ป้ายรถเมล์หน่อยค่ะ"
"คุณหนูว่าอะไรนะครับ ผมหูฝาดไปใช่ไหม"
"ไม่ฝาดหรอกค่ะกันยาบอกให้คุณลีโอไปส่งที่ป้ายรถเมล์ เพราะว่าวันนี้กันยาจะนั่งรถเมล์ไปเรียนที่มหาลัย understand" ฉันถอนหายใจออกมาอย่างแรง พร้อมกับกลอกตามองบน และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณลีโอถึงมีท่าทางตกใจแบบนั้น ก็แค่นั่งรถเมล์ไปเรียนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไม่ใช่เหรอ
"ครับคุณหนู"
"เดี๋ยวก่อนค่ะ เรื่องนี้คุณลีโอห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่รู้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นละก็... กันยาจะโกรธและไม่พูดกับคุณลีโออีกเลย" ฉันรีบพูดดักขึ้นพร้อมกับขู่คุณลีโอในตัว เพราะฉันเชื่อว่าเขาต้องรายงานพ่อกับแม่ของฉันอย่างแน่นอน
"คุณหนูทำไมไม่ขับรถไปเองครับ หรือไม่ก็ให้ผมไปส่งก็ได้ทำไมต้องไปรถเมล์ด้วย"
"ยังไงซะรถเมล์ก็วิ่งผ่านหน้ามหา'ลัยอยู่แล้วนี่คะ รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวสาย" ฉันขี้เกียจตอบคำถามคุณลีโอ จึงรีบพูดให้มันจบไป จากนั้นฉันจึงรีบขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตคันหรู ที่มีราคาหลายสิบล้าน บางครั้งฉันก็เคยแอบคิดว่าทำไมพ่อถึงกล้าซื้อรถคันแพงๆ แบบนี้ให้ฉันกับตุลา
"จอดตรงนี้ค่ะ เดี๋ยวกันยาจะเดินไปเอง" เมื่อใกล้ถึงป้ายรถเมล์ จะรีบบอกให้คุณลีโอจอดทันที
"จอดทำไมครับคุณหนูยังไม่ถึงสักหน่อย" ลีโอพูดพร้อมกับทำใบหน้าสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
"อีกนิดเดียวเดี๋ยวกันยาเดินไปเองก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณโอไปแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ" ฉันรีบพนมมือขึ้นไหว้แล้วลงจากรถ พร้อมกับก้าวเท้าเดินไปอย่างป้ายรถเมล์ให้เร็วที่สุด พอเข้าไปใกล้ฉันถึงกับฉีกยิ้มออกมา เพราะมีนักศึกษาหลายคนที่กำลังรอรถเมล์
"ขอนั่งด้วยคนนะคะ" ฉันพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่อยู่ในชุดนักศึกษาถ้าฉันเดาไม่ผิดคงจะเป็นสถาบันเดียวกันกับฉันแน่ จากนั้นฉันจึงหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เธอ
ฉันนั่งรอได้สักพัก รถเมล์ก็วิ่งเข้ามาจอด ทุกคนต่างรีบกุลีกุจอขึ้นไปบนรถ พลอยทำให้ฉันรีบวิ่งขึ้นไปบนรถเช่นกัน ก่อนจะหาที่นั่งทุกคนต่างจับจ้องมองมาที่ฉันแปลกๆ
"ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ"
"นั่งสิที่ตรงนี้ก็ยังว่าง" หญิงสาวในชุดนักศึกษา ยิ้มให้กับกันยาด้วยท่าทางที่เป็นมิตร นี่คือการขึ้นรถเมล์ครั้งแรกของฉัน พอรถแล่นออกมาได้สักพัก บรรยากาศภายในรถก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะผู้คนเริ่มแน่นเบียดกันไปมาจนฉันรู้สึกเริ่มหายใจไม่ค่อยโล่งเลย
"เก็บค่าโดยสารค่ะ" จากนั้นเสียงกระเป๋ารถเมล์ก็ดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ฉัน
"ค่าโดยสารเท่าไหร่คะ" ฉันรีบเอ่ยถามกระเป๋ารถเมล์ออกไป เพราะในกระเป๋าสตางค์ของฉันนั้นมีแต่แบงก์พัน
"สิบบาทจ้า"
"เอ่อ... นี่ค่ะ" ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจหยิบ ธนบัตรแบงก์พันให้กับกระเป๋ารถเมล์ไป เพราะทุกคนบนรถเริ่มโฟกัสมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว
"นี่นังหนู โง่หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ใครเขาจะมีทอน หรือเธอคิดอยากจะนั่งรถฟรีก็เลยเอาแบงก์พันมาจ่าย หน้าตาก็ดีทำไมถึงมีมารยาร้อยเล่มเกวียนแบบนี้ก็ไม่รู้"
คราวนี้ฉันถึงกลับกลอกตามองบนและถอนหายใจออกมาอย่างแรง ยายป้านี่พูดไม่เพราะเลยสักนิด แถมยังพูดจาให้ฉันเสียหายอีกด้วย แต่ที่ฉันไม่ตอบโต้ออกไป เพราะรู้ดีว่ามีส่วนผิด ที่คิดจะมานั่งรถเมล์แต่กลับไม่หยิบเหรียญมาด้วย
"ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปเลยค่ะแบงก์พัน ถ้าไม่มีทอนก็ไม่ต้องทอน"
ฉันไม่ได้พูดจาประชดประชันแต่อย่างใด และที่พูดออกไปนั้นจากใจจริง เพราะถ้าเขาไม่มีทอนฉันก็คงจะหมดปัญญา ที่จะหาค่าโดยสารมาให้เขา ถือว่าให้ทิปก็แล้วกันดีกว่าถูกตราหน้าว่าแกล้งนั่งรถฟรี
"เฮ้ย! นี่เธอจะบ้าหรือเปล่า ทุกวันนี้เงินทองยิ่งหายาก นี่ค่ะ ค่าโดยสารของเราสองคน" หญิงสาวที่ใส่ชุดนักศึกษานั่งข้างๆ ฉันได้จ่ายธนบัตรแบงก์ยี่สิบให้กระเป๋ารถเมล์ไป
"คราวหน้าอย่าให้ฉันได้เจออีกนะแบงก์พันเนี่ย" กระเป๋ารถเมล์พูดพร้อมกับเบ้ปากแล้วยังมองมาที่ฉันอย่างเหยียดๆ อีกด้วย
"ขอบใจมากนะ เอาไว้คราวหน้าเดี๋ยวเราค*****นให้"
"ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง เหมือนว่าเธอจะเข้าเรียนที่เดียวกันกับเราหรือเปล่า" หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเอ่ยถามฉันขึ้นมา เธอถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยทีเดียว แต่ทำไมแววตาถึงได้ดูเศร้าตลอดเวลาก็ไม่รู้
"อืม... เราเรียนคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาพืชสวน เพิ่งเข้าปีหนึ่งแล้วเธอล่ะ"
"อืม.... คณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ปีเดียวกันอีกด้วย สงสัยวันนี้เราจะมีโชคชะตาเดียวกัน แถมยังนั่งรถมีคันเดียวกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะเราชื่อองุ่น"
"เราชื่อกันยา ยินดีที่ได้รู้จักสรุปนับจากวินาทีนี้เราเป็นเพื่อนกัน เธอโอเคหรือเปล่า ตกลงจะเป็นเพื่อนกับเราไหม"
"โอเคยัย แบงก์พัน"
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เสียงหัวเราะของนักศึกษาสาวสองคน ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อทั้งคู่เจอกันก่อให้เกิดมิตรภาพดีๆ โดยที่ทั้งสองได้ตกลงเป็นเพื่อนกันบนรถเมล์ แถมเธอยังเรียกกันยาว่ายัยแบงก์พันอีกด้วย