ASHIRA :: CHAPTER 3 [30%]

1482 Words
03 = The situation took away = ห้างสรรพสินค้าในช่วงสายของวัน เนื่องจากช่วงนี้มหาลัยมีกิจกรรมมากมายให้ทำหนึ่งในนั้นคือการปิดการเรียนการสอนเพราะมหาลัยถูกใช้ให้เป็นสนามสอบระดับภาค ฉันก็เลยไม่มีเรียนแต่ก็นัดกับนานาและไพลินออกมาทานเค้กกันที่ห้าง “มาแล้วจ้า” นานามาถึงไพลินก่อน “สั่งเลยมะ เดี๋ยวไพลินมาก็ค่อยสั่งอีก” “โอเค พี่คะสั่งอาหารหน่อยค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบตกลงหลังจากวันนั้นที่ไปรับรถก็ผ่านไปราวสองอาทิตย์แล้ว ฉันเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ควรจะคิดนั่นคือคำพูดของคุณหินที่หักดิบฉันจนไปไม่เป็นเลยทีเดียว ฉันสลัดความคิดออกไปเมื่อได้อาหารตามที่สั่งซึ่งเครื่องดื่มมาก่อนอันดับแรก “เออ เจ้าเอยเธอรู้จักพี่ฮาร์ทคณะสถาปัตฯ หรือเปล่า?” เอาจริงคือฉันไม่ได้ว่างถึงขนาดมีเวลาไปนั่งส่องรุ่นพี่ต่างคณะหรอกนะ เพราะฉะนั้นผู้ชายที่นานาเอ่ยถึงฉันไม่รู้จักเลยจึงได้แต่ส่ายหน้าพลางดูดน้ำแตงโม “พี่เขาเป็นท็อปอะ เห็นว่ากำลังจะจีบเธอ” “จีบฉัน? ทำไมอะ” งงไม่น้อยกับการที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมาจีบ เพราะถ้าจีบนั่นหมายถึงเขาชอบฉัน แต่เราสองคนยังไม่เคยเจอกันเลยนะทำไมถึงได้อยากจีบฉันล่ะ “ก็จีบไง จีบเธอเป็นแฟน” “อันนี้ฉันรู้ แต่เขาชอบฉันเหรอถึงได้จีบอะ” ถามกลับไปนานาก็ส่ายหน้า “รู้มาแค่นี้ โปรไฟล์ดีนะฉันแสกนให้แล้วว่าหล่อ รวย นิสัยอันนี้ต้องดูตอนมาจีบแล้วกัน” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “แต่พูดถึงความหล่อ นี่ฉันยังเสียดายนายหินที่อู่ซ่อมรถอยู่เลยนะ” “...” เงยหน้ามองนานาที่กำลังมองจานเค้กที่ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย “หล่อ ล่ำ หุ่นแบบน่ากินมากอะ... ไม่น่าจนเป็นแค่ช่างซ่อมรถกระจอกๆ เลยเนาะ” “เขาเป็นลูกชายเจ้าของอู่” “หือ? เป็นลูกชายของลุงพี่เมฆอ่อ” พอพูดไปแบบนี้นานาก็ตื่นเต้นขึ้นไปอีก ก่อนจะทำหน้าบูดอีกครั้ง “แต่ก็ได้แค่นั้น ยังไงก็จนอยู่ดี ฉันไม่ชอบผู้ชายที่ทำงานมีกลิ่นเหงื่อเหม็นๆ ตามตัว ตามหน้า ตามมือมีแต่คราบน้ำมัน สกปรกนะเอาจริง” “ก็เขาทำงานซ่อมรถ ไม่ได้เป็นนายแบบโพสท่าเหมือนแฟนเธอนี่” “ก็รู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะความหล่อมันกินไม่ได้ หล่อแค่ไหนฉันก็ไม่เอาหรอก” “ทำยังกับว่าคุณหินจะเอาเธองั้นแหละ” “ว่าไงนะเจ้าเอย?” ฉันที่เผลอพูดอะไรออกไป จึงส่ายหน้าให้กับนานาที่ยังคงมองด้วยความสงสัยกับคำพูดของฉันก่อนหน้านี้ “ไพลินมาพอดี” เพื่อนสาวอีกคนมาได้จังหวะพอดีเลย แต่ทว่าสีหน้าที่บูดบึ้งกับดวงตาที่ปูนโปนนี่มันยังไงกัน? “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน” “ทะเลาะกับพี่ยิมน่ะสิ เขาว่าฉันเอาแต่ใจ... เอาแต่ใจตรงไหนอะแค่เขาไปเที่ยวฉันก็อยากไปด้วย” ไพลินระบายความอึดอัดใจออกมาจนฉันเอื้อมมือไปบีบไหล่เบาๆ “ก็รู้นี่ว่าพี่ยิมรวยมาก ผู้หญิงแต่ละคนที่มาอ่อยคือทำให้พี่ยิมหลงไปได้เลย” “ยังไงอะ?” นานาถามขึ้นมาบ้าง เท่านั้นล่ะไพลินถึงกับปล่อยโฮออกมาทันที “เมื่อคืนเขาไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นน่ะสิ ฮือ” ฉันถึงกับไปไม่เป็นเลย ถ้าหากการมีแฟนรวยอวดสังคมได้แต่สุดท้ายเขากลับทำให้เราเจ็บปวดมากที่สุด ฉันว่าฉันขอเลือกคนที่เขาแคร์เราดีกว่าแม้จะไม่ได้มีหน้าตาในสังคมหรือเป็นคนที่มีพร้อมไปทุกอย่าง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแล้วทำตัวแย่แบบนี้ อย่าหวังว่าคนอย่างฉันจะไปต่อเลย “เลิกดีไหม ผู้ชายแบบนี้ไม่รักใครจริงหรอก... เขานอกใจเธอไปนอนกับคนอื่นได้ครั้งแรก มันก็ต้องมีครั้งต่อไปนะไพลิน” พยายามปลอบใจเพื่อนแต่ไพลินก็ยังคงสะอึกสะอื้นแล้วมองฉัน “แต่ฉันรักพี่ยิม ฉันเลิกกับเขาไม่ได้” “เธอถามตัวเองนะไพลินว่าจริงๆ แล้วเธอรักเขาอย่างที่ใจบอกหรือเปล่า?” แม้จะไม่มีเคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก่อน แต่ฉันก็พอจะรู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำต่อไป เช่นการถูกแฟนนอกใจ “ฉันจะไม่บังคับให้เธอเลิกกับเขา แต่ให้เธอไปคิดทบทวนดูดีๆ ถ้าหากมันมีแบบนี้อีก ไม่มีใครช่วยเธอได้นอกจากตัวเธอเอง” “...” “ฉันพูดอะไรมากไม่ได้หรอก สุดท้ายถ้าพวกเธอคืนดีกันฉันต่างหากที่จะกลายเป็นน้องหมา” นานาถึงกับผุดหัวเราะออกมาทันทีที่ฉันเอ่ยคำพูดจบ จากนั้นเราสามคนก็นั่งกินเค้ก ไปช้อปปิ้งซื้อของและสุดท้ายคือการไปดูหนังที่แม้ว่าฉันจะไม่ได้อยากดูแต่ก็ต้องดู ออกมาจากห้างตรงลานจอดรถหน้าห้างนานาก็มีแฟนมารับ ส่วนไพลินที่เพิ่งทะเลาะกับแฟนก็มาง้อถึงที่ ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะเลิกกับแฟนหรอก ฉันยังไม่ได้รู้จักรักใครสักคน เพราะฉะนั้นฉันจะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ได้หรอก รถของฉันเคลื่อนตัวออกจากห้างเพื่อตรงกลับบ้าน ระหว่างทางก็ผ่านโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งฉันจะไม่สนใจเลยถ้าหากคนที่เดินออกมาไม่ใช่คนที่คุ้นตา “นั่นมัน... คุณลุงพ่อคุณหินนี่?” ดูเหมือนว่าท่านจะแย่เอามากๆ เลยนะถึงได้ล้มนั่งลงบนม้านั่งรอรถเมล์ ฉันจึงหักเลี้ยวรถจอดเลยที่ป้ายรถเมล์และลงจากรถเดินตรงไปหาท่านที่กำลังสูดดมยาหอมอยู่ พอท่านเห็นการมาของฉันก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและเอาถุงยาซ่อนไว้ที่ด้านหลัง “หนูเจ้าเอย หนูมาทำอะไรที่โรงพยาบาล?” “หนูต่างหากที่ต้องถามคุณลุงค่ะ” ฉันถอนหายใจและประคองร่างสูงที่เดินก้าวอย่างช้าๆ ไปยังรถของตัวเอง เพื่อพาท่านไปส่งที่อู่ซ่อมรถที่เพิ่งจะรู้เมื่อกี้เลยว่าหลังอู่ที่ฉันเดินไปหาคุณหินบ่อยๆ เยื้องไปนิดหนึ่งที่มีต้นไม้ปกคลุมเป็นทางเดินไปยังบ้านของพวกเขา “ตกลงคุณลุงมาโรงพยาบาลเพราะป่วยใช่ไหมคะ ทำไมถึงไม่ให้คุณหินพามาคะ?” “หินงานเยอะ” คุณลุงตอบพลางดื่มน้ำที่ฉันส่งให้ท่าน “แค่นี้ก็รับผิดชอบมากพอแล้ว ไหนจะดูแลอู่ ดูแลในบ้าน... ลุงไม่อยากให้หินเขาเหนื่อยไปมากกว่านี้” “แล้วพี่เมฆล่ะคะ?” ฉันถามกลับไปคุณลุงก็มีท่าทีที่อึดอัด “หนูรู้แล้วค่ะว่าพี่เมฆเป็นลูกของคุณลุง” “งั้นเหรอ” น้ำเสียงเหนื่อยหอบเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่ายังไงฉันก็ต้องรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน “ปกติเขาไม่ค่อยมาที่อู่ เขาไปอยู่กับแม่เขาที่ตึกขายทองอยู่ในตลาดน่ะ” นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่สนใจพี่เมฆและต่อว่าเขาไปในวันนั้นเพื่อให้เลิกยุ่งกับฉัน แม้แต่พ่อของตัวเองเขายังไม่คิดจะดูแลเลย แบบนี้มันเกินไปมากๆ เขาน่ะเป็นลูกแท้ๆ ของคุณลุงนะขนาดคุณหินที่เป็นลูกเลี้ยงยังดูแลท่านได้ดีกว่าลูกแท้ๆ ซะอีก “ลุงขอร้อง หนูเจ้าเอยอย่าบอกเรื่องนี้กับหินนะ” “คะ?” ขมวดคิ้วและหันไปสบตากับท่านที่ทำหน้าสีหน้าอ้อนวอนให้ฉันปิดเรื่องที่มาโรงพยาบาลไว้ “บอกเขาว่าเจอลุงแถวตลาดหรืออะไรก็ได้ เพราะลุงบอกหินไว้ว่าลุงมาหาเพื่อน” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเลย ทำไมคุณลุงถึงต้องให้ฉันปิดบังเรื่องมาโรงพยาบาลด้วย? ถ้าบอกคุณหินเขาก็จะได้ช่วยดูแลไม่ดีกว่าเหรอ “นะหนูเจ้าเอย ถือว่าลุงขอ” คำพูด สีหน้าและแววตาของท่านทำให้ฉันเลิกคิดอะไรมากนอกซะจากตอบตกลงด้วยการพยักหน้ารับ “ก็ได้ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD