หลังจากที่เครื่องวาร์ปเสียไปในครั้งแรกที่เธอมาถูกพามาที่นี่เครื่องมันก็พังไปแล้วเรียบร้อย หลังจากนั้นเธอจึงรู้ว่าที่นี่คือที่อื่นหรือให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือมันคือกาแล็กซี่อื่นเมื่อเธอรู้สาเหตุว่าเจ้าเครื่องนี่เป็นเครื่องวาร์ปที่เกิดอาการขัดข้องเล็กน้อยมันเลยพาเธอมาอยู่ในที่แปลกแต่แบบนี้หลังจากนั้นมันก็พังไปเลย “นางเป็นใครรู้หรือเปล่าฉันจะได้ส่งเรื่องไปได้ถูกว่าต้องพาส่งกลับไปดาวไหน”
“หาประวัติไม่มี ตรวจสอบหน้าตาแล้วก็ไม่พบถิ่นที่อยู่ดาวเกิดหรือสายพันธุ์ครับ” หลังจากที่กัปตันพาสาวปริศนาที่อายุไม่น่าจะเกิด 15 เสียด้วยซ้ำพาไปพักในห้องพักรับรองชายใบหน้าคมคายที่มีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจต่างจากก่อนหน้านี้ที่บหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด
กาแล็กซี่นี้มีดาวเคราะห์อยู่ประมาณ 92,580 ดวงเป็นกาแล็กซี่ที่ดาวเคราะห์ทุกดวงมีสิ่งมีชีวิตหมดไม่ว่าจสายพันธ์ไหนก็ตาม โดยภาษาและหน้าตาจะมีต่างกันออกไปตามสายพันธ์และดาวเคราะห์ซึ่งดาวทุกดวงสามารถสื่อสารและไปมาหาสู่กันได้ตามปกติ ซึ่งเมื่อมีการติดต่อกันและไปหามาสู่กันจนเหมือนว่าอยู่ใกล้ๆ ทำให้ทางสหพันธ์ตั้งให้มีภาษากลางเพื่อที่จะติดต่อกันได้ง่ายๆ อีกทั้งเทคโนโลยียังก้าวไปไกลทำให้มีเครื่องแปลภาษาออกมาเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น
“รายชื่อของนางหาไม่พบเป็นไปได้อย่างเดียวคือมาจากกาแล็กซี่อื่น”
“ผมหาเจอแล้วครับ แต่สายพันธ์ที่เราได้ตรวจมาเป็นว่านางมาจากกาแล็กซี่อื่น DNA ของนางพบที่นั่นครับ”
หลังจากที่ติดอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 2 วัน ทำให้เธอได้รับรู้เรื่องหนึ่งคืออาหารของที่นี่เป็นอาหารแปรรูบหรือไม่ก็เป็นอาหารสำเร็จไปเลย อีกทั้งรสชาติยังแย่มาก ไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะกักเธอไว้อีกนานแค่ไหนและตอนนี้เธอสามารถเรียนรู้ภาษาของที่นี่ได้แล้วแม้จะนิดหน่อยก็ตามที
คนพวกนี้ส่วนใหญ่จะทำงานและเธอก็เสียเวลาไปกับการหาของกินที่ถูกใจสองวันที่ผ่านมาพวกเขาเริ่มที่จะสื่อสารกับเธอผ่านทางจอข้อความเพราะเราคุยกันผ่านเครื่องแปลภาษาที่มันแปลได้ไม่ดีเท่าไรนักเพราะมันไม่มีภาษาไทยหรือภาษาของเธอเลย
เธอใช้เวลาไปกับการศึกษาเรื่องพวกนี้ถึงแม้จะมีพืชและผักแต่ไม่ค่อยมีอาหารที่ทำเองโดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารสำเร็จรูปที่ถูกจัดมาแล้ว หรือที่โรงงานผลิตมาแล้วเพราะคนที่นี่เมื่อโลกเจริญเติบโตมากขึ้นก็ลืมเรื่องสิ่งจำเป็นไปด้วยความที่ว่าสมัยก่อนเคยมีสงครามเกิดขึ้นทำให้อาหารเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะทำได้
เธอต้องมาเสียเวลาศึกษาทั้งหมดเพื่อที่จะเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเพราะมันต้องใช้ตลอดทั้งชีวิตต่อจากนี้มันจึงทำให้เราต้องเรียนรู้อะไร อะไรอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก อาหารและภาษาอีกส่วนคนอื่นก็มีหน้าที่คอยดูแลและหาเครื่องแปลภาษาให้เธอก่อนเพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงต้องเริ่มจากการศึกษาคำพูดและภาษาของเธอก่อน ในตอนแรกเราก็เสียใจนะที่ไม่ได้กลับบ้านแต่พอมาคิดดูอีกทีมันคงจะเป็น เรื่องของโชคชะตามากกว่าแม้ความฝันของเราคือการเปิดร้านอาหารเล็กๆ อยู่ตามธรรมชาติก็ตาม
เมื่อได้ข้อตกลงจากทางสหพันธ์มาแล้วในเรื่องของการรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับคนแปลกหน้าที่หลุดเข้ามาในกาแล็กซี่ของพวกเขา ด้วยเหตุนั้นทำให้การรับผิดชอบจึงมาแทนที่ด้วยการดูแลเรื่องการเงิน ที่อยู่และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะอย่างนั้นเธอจึงได้รับเงินเดือนทุกๆ เดือนเพื่อใช้กินอยู่ในชีวิตประจำวันต่อๆ ไป
คนพวกนั้นคงสงสารเธอที่พากลับบ้านไม่ได้จึงให้ของอย่างอื่นเป็นการตอบแทนก็ถือว่าดีที่พวกเขายังรับผิดชอบ
“หนู จะได้ไปอยู่ที่ไหนเหรอ”
วาน่าที่กำลังนั่งอยู่กลางห้องประชุมขนาดใหญ่ในลำยานที่เธอวาร์ปมาและมานั่งอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งหลายพร้อมกับผู้ใหญ่หลายสายพันธุ์ที่มีแต่คนระดับใหญ่ๆ เรื่องของผู้หญิงแปลกหน้าที่ไม่รู้ที่มากลายเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนที่นี่ทำให้ไม่ว่าจะไปที่ไหนข่าวของเธอก็จะการะจายไปทั่วทุกดวงดาวเพื่อเป็นการแจ้งให้ทราบ
วาน่านั่งเงียบๆ มาเกือบชั่วโมงแม้เราจะไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไรแต่พวกเขาน่าจะเคลียดกันนะ ยังไงเราก็พยักหน้าเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน วาน่าหันไปทางคนดูแลของเธอซึ่งเขาทำหน้าที่พูดและแปลภาษาในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่เข้าใจ เขาเป็นผู้ชายอายุน่าจะประมาณ 40 ปีที่ยังหนุ่มและดูเด็กมากคนหนึ่ง ถ้าไม่รู้อายุเธอคงจะคิดว่าเขาอายุ 20 ปี ตัวสีฟ้านวลแบบฟ้าแต่ไม่ฟ้าเกินไป ออกไปทางพาสเทลผมสีขาวสวยตาสีน้ำตาลเข้มให้แปลให้เธอฟังเพราะเธอฟังไม่ทัน
ทำไมคนพวกนี้ไม่พูดให้ช้ากว่านี้หน่อยนะ พูดหรือแร็ปว่ะเก่งเวอร์
“พวก ท ท่านบอกว่าจะส่งเธอไปดาว B เป็นดาวที่อยู่ใกล้ที่สุดเพราะไม่ว่าจะเป็นดาวดวงไหนทุกคนก็จะอยู่ด้วยกัน”
“(._.)”
“หมายถึง ทั้งกาแล็กซี่นี่ไม่ได้อยู่ตามถิ่นกำเนิดของตัวเองนะ เพราะอย่างนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องของเธอนะเข้าใจไหม”
“ออ”
“เจ้าหนู ฉันพูดถูกไหม” ชายแก่ที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายใช้มือเท้าโต๊ะเพื่อที่จะยื่นหน้าเข้ามาหาร่างบางเพื่อดูหน้าให้ชัดเจนเพราะเขานั่งห่างจากเธอไปประมาณ 4 ที่นั่งได้ เมื่อเขาได้รับสัญญาณว่าพูดได้ทำให้หน้าที่นั้นกลายเป็นหน้าที่ของคนแปลภาษาที่ทำหน้าที่พูดกับเธออีกที
“(*v*)” หน้าวาน่า
“เธออายุเท่ากันแน่ ทำไมหน้าตาดูเด็กกว่าที่คิดเอาไว้อีก ฉันอ่านประวัติดาวมาแล้วพวกเขาจะมีผมหลายสีแล้วจะมีตาสีฟ้าหรือไม่ก็น้ำตาลอ่อน แล้วที่ว่าเธอเรียนเกี่ยวกับค ค คะ อะไรนะ คหกรรมใช่ไหมมันคืออะไร” พอคนหนึ่งเริ่มพูดคนอื่นก็หันมาถามทำให้วาน่าได้รู้ว่าพวกเขาคงจะอ่านประวัติของคนต่างชาติมาทำให้ไม่ได้สนใจสาวเอเชียอย่างเธอ
นี้คนเอเชียถูกเมินขนาดนั้นเลยเหรอ อย่างรู้จังว่าในประวัติมีอะไรบ้าง(-_-!)
“หนูอายุ 17 ปี เป็นคนเอเชียมาจากประเทศที่เรียกว่าไทย คนเอเชียส่วนใหญ่จะมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้นะเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องการเรียนพอดีหนูเรียนคหกรรมเป็นวิชาเกี่ยวกับการทำอาหารนะ”
“%%#@*_)$@($^#&($)”
“$_@)^$@(”
“$@&!%”
“(@^$”
เสียงพูดคุยของคนในที่ประชุมดังไม่หยุดเมื่อได้ยินสิ่งที่คนสนิทแปลให้ฟังก็มีท่าทีตกเหมือนคนไม่เคยรู้จักวิชาหรือคณะนี้มาก่อน ทำเอาเจ้าของร่างบางตกจทันทีที่ได้เห็นปฏิกิริยาของคนพวกนี้ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่เลย
เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาไม่รู้จักคหกรรมหรือไงแปลกคน ก็นะขนาดอาหารของที่นี่ยังแย่มากขนาดนี้ไม่แปลกหรอกที่จะไม่รู้จัก
โลกที่การทำอาหารเป็นเรื่องที่ไม่มีคนมีความรู้เลยก็ไม่แปลกที่จะตกใจ แม้จะมีวัตถุดิบมากมายแต่ไม่มีใครทำเป็นของพวกนั้นจึงเหมือนของไร้ประโยชน์ ส่วนวัตถุดิบของที่นี่ที่นำมาวางขายก็จะนำไปแปลรูปเป็นอาหารอีกทีแล้วแต่ความชอบทำให้ร้านอาหารที่สร้าง วัตถุดิบขึ้นมาเพื่อที่จะพัฒนาไม่ได้รับความนิยมมากนัก อาหารที่มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นอาหารแปลรูปแบบเหลวหรือแบบ สำเร็จรูปที่มีหน้าตาเหมือนอาหารปกติเลยก็สามารถหาพบได้ง่ายแม้แต่อาหารที่ปรุงสุกขึ้นมาก็ใช่ว่าไม่มีเลยต่างกันเพียงแค่ราคาที่สูงกว่าอาหารอื่นๆ
เห็นค่าเงินของที่นี่แล้วมองไปที่ราคานี้คือ เอาเงินไปซื้อที่มาสร้างบ้านได้เลย ค่าเงินสูงมาก...มากจนคนเห็นค่าเงินอย่างเรายังตกใจแต่ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนั้นเพราะเราจะไม่ได้ทำงานให้เหนื่อย พวกสหพันธ์คงจะมีเงินเหลือใช้นั่นแหละนะ
“เดี๋ยวนะ เธอพูดว่าเธอเรียนทำอาหารเหรอ”
“ใช่ หนูเรียนด้านนี้มีอะไรหรือเปล่า”
“เธอ ทาม อาหารได้” ชายหนึ่งในคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมพูดผิดพูดถูก (0_0)(_ _)(0_0)
สีหน้าของทุกคนที่ตกใจเรื่องนี้เป็นอย่างมากเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตกใจและควรค่าแก่การยินดีพอสมควรเมื่อสีหน้าของแต่ละคนหันไปพูดคุยกันเองเป็นภาษาบ้านเกิดของตน ทำให้ร่างบางที่มานั่งอยู่ในห้องประชุมเหมือนเป็นคนต่างด้าวที่ไม่รู้ภาษาอะไรเลยนอกจากภาษาบ้านเกิดกับภาษากลางของที่นี่ที่พูดได้ไม่กี่คำเท่านั้น
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงหน้าที่ต่อไปของคนที่ได้รับมอบหมายนั่นก็คือพาเธอไปส่งยังที่หมายที่ต่อจากนี้จะเป็นบ้านพักของเจ้าตัวต่อไปและตลอดกาล พวกเขาให้เวลาเธอไปเก็บข้าวของต่างๆ ก่อนที่จะมีคนมารับเธอแล้วพาไปยังบ้านแสนน่าอยู่ต่อไป