บทที่8 วันสุดท้ายของชีวิต1.2
“ขับรถดี ๆนะคะคุณนวล ป้าจะรอคุณนวลกลับมาค่ะ” ป้าสมรพูดไปอย่างนั้น แต่ความรู้สึกแกบอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอเจ้านายสาว
“ขอบคุณจ้ะป้านวล…อย่าลืมที่ฉันบอกนะจ๊ะ” ป้านวลพยักหน้าให้เธอ
วันนี้สามีของเธอพาภรรยาน้อยและลูกชายไปเที่ยวทะเลกลับมา ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พวกเขาทั้งสามคงตกใจที่ข้าวของราคาแพงหายไปหมดเกลี้ยง…พร้อมกับจดหมายที่เขียนไว้ให้เขา 1 ฉบับ
ระหว่างที่เธอขับรถออกจากบ้านไปนั้น กำลังจะเข้าถนนใหญ่ พอดีกับรถทะเบียน…8888 เข้ามาในซอย เธอไม่ได้สนใจ แต่มุ่งหน้าออกถนนใหญ่…
“พี่กร นั่นคุณนวลไหมคะ”
“ใช่ครับ คงไปทำงานแหละ” ปกรณ์ตอบภรรยาที่นั่งหน้า ส่วนลูกชายนั่งเบาะคาร์ซีทหลับไม่รู้เรื่อง
“พี่กร พี่จะไม่หย่าให้คุณนวลจริง ๆเหรอคะ” ที่ผ่านมาภีรนีย์ไม่พูดเรื่องหย่า เพราะไม่อยากให้สามีอารมณ์เสีย อีกอย่างการไปเที่ยวครอบครัวแบบนี้ เธอไม่อยากให้เกิดบรรยากาศขุ่นมัว เพื่อที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุข เธอเลือกพูดขึ้นมาหลังจากที่ไปเที่ยวกลับมา
“ใช่ เดี๋ยวนวลก็ให้อภัยพี่เอง…พีชไม่ต้องสนใจคุณนวลหรอก ต่างคนอยู่ต่างอยู่ พี่จะแบ่งเวลาให้เธอและลูกอย่างยุติธรรม” ภีรนีย์รู้ว่านวลพรรณกำลังทำอะไรสักอย่าง แต่สามีไม่รู้…เวลานี้เธอจะขอเป็นผู้ชมไปก่อน
ทางด้านนวลพรรณ หญิงสาวขับรถออกจากถนนใหญ่ ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน คุณตาจะมารับวิญญาณเธอกี่โมงนะ เธอขับรถยนต์ไปเรื่อย ๆเมื่อเจอคุณตาหลังค่อมเข็นรถผลไม้ขึ้นมาที่ถนนใหญ่ เธอรู้สึกสงสารจึงจอดข้างทางลงไปช่วยเข็น
“คุณตาให้ฉันช่วยนะคะ…อ้าวคุณตานั่นเอง สวัสดีค่ะ” พอคุณตาเงยหน้าขึ้นมา เธอจำได้ นี่คุณตาที่บอกเธอว่าอีก 7 วันวิญญาณของเธอจะออกจากร่างนี่นา
“ก็ใช่นะสิ…ร่างนี้จะไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าจะให้ร่างกายเจ้าอยู่ในสภาพไหน พร้อมจะไปหรือยัง”
“ฉันพร้อมแล้วค่ะคุณตา แม้จะไม่ใช่ร่างกายของฉันอีกแล้ว แต่ฉันได้บริจาคอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาให้น้อง ๆไปแล้วนะคะ…ขอให้ร่างกายฉันสมบูรณ์ทุกอย่างค่ะ”
ดูคุณตาไม่เข้าใจที่เธอพูด จึงอธิบายให้คุณตาว่าฟังว่า การบริจาคอุทิศร่างกายคือ การมอบอวัยวะ เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่อวัยวะนั้น ๆ เสื่อมสภาพ แล้วเป็นการอุทิศร่างกายให้นักศึกษาแพทย์ใช้ศึกษา โดยเรียกกันว่า “อาจารย์ใหญ่”
“เช่นนั้นขึ้นไปนั่งบนรถ” เมื่อคุณตาได้ฟังแล้ว ก็ให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ เธอขึ้นไปนั่งตรงคนขับ กำลังจะถามคุณตาว่าต้องทำอย่างไรต่อไป… “อ่า…………เมื่อเช้าฉันดื่มกาแฟของป้าสมรแล้วนี่นา แต่ทำไมง่วงจังเลย…คุณตา…ฟุบ”
เธอจะถามคุณตา…แต่ง่วงเกินไป จึงหลับคาพวงมาลัยรถยนต์ แล้ววิญญาณก็ออกจากร่างทันที เป็นการเสียชีวิตที่สวยงาม ไม่เจ็บปวดทรมานแต่อย่างใด ต้องขอบคุณคุณตา
“ลาก่อนนวลพรรณ…”
“เจ้านี่พิลึกคน…จะร่ำลาร่างกายตัวเจ้าเพื่อ…รีบไปกันเถอะ”
“คุณตา ฉันอยากเห็นสีหน้าคนบางคน คุณตาให้ฉันไปดูเขาก่อนได้ไหมคะ”
“อุบ๊ะ…เจ้านี่…ไป ๆ แต่อย่านานเล่า”
“ขอบคุณค่ะคุณตา คุณตาน่ารักที่สุด ไปด้วยกันซิคะ…”
“นำไปสิ…ถ้าข้าไม่ไปด้วย ข้าต้องเสียเวลาตามหาวิญญาณเจ้าอีก” การเป็นวิญญาณมันดีแบบนี้นี่เอง อยากไปที่ไหนแค่คิดถึงบ้าน ฉันกับคุณตาก็โผล่ไปที่บ้านแล้ว……
ภาพตรงหน้าวิญญาณของเธอกับคุณตา ปกรณ์เดินเข้าไปในบ้าน แล้วเดินออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ป้าสมรรีบเดินไปเก็บกระเป๋าเดินทาง แกเห็นสีหน้าคุณผู้ชายเหมือนข่มอารมณ์โกรธไว้
ฉันกับคุณตายืนมองดูคนที่ดูแลตัวเองดีมาตลอด ตอนนี้ขบสันกรามแน่น ทำเอาภีรนีย์ที่ยืนข้าง ๆใจไม่ดีไปด้วย
“ป้าสมร…คุณนวลของป้าทำอะไรลงไปฮะ…อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆแล้ว ป้าบอกผมสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมของในบ้านถึงหายไปหมด รวมถึงข้าวของต่าง ๆในห้องผมด้วย” เสียงที่พูดลอดไรฟันนั้น วิญญาณนวลพรรณยิ้มอารมณ์ดี
“คุณนวลบอกว่าจะไปเที่ยวค่ะ แต่ไม่ได้บอกป้าว่าจะไปกี่วัน ถ้าคุณผู้ชายอยากรู้ นี่ค่ะ” ป้าสมรยื่นจดหมายที่ฉันเขียนไว้
ใบหน้าที่ฉันเคยชื่นชมว่าเขาดูดีที่สุด ตอนนี้ทำตาขวางใส่ป้าสมร พร้อมกันเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม เหมือนความอดทนใกล้จะหมดลงแล้ว
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะคุณเป็นคนเลือกเองนะกรณ์…คุณไม่หย่าก็ไม่เป็นไร แต่ของที่ฉันเคยเปย์คุณ…และของของฉันทั้งหมดถูกแปรเป็นเงินสดหมดแล้ว…เป็นจำนวนเงินมากเสียด้วยซิ…ฉันไม่เคยเสียใจเลยนะคะ เพราะของที่ฉันเคยซื้อให้คุณมันยังมีประโยชน์และมีคุณค่า มากกว่าตัวคุณเสียอีก อีกอย่างฉันคิดว่าคุณภีรนีย์พร้อมจะเปย์คุณ…
ความรักทำให้ฉันตาบอด แต่ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฉันตาสว่าง ฉันเพิ่งรู้ว่าทุ่มเทให้คุณไปเท่าไร แต่ไม่เป็นไรค่ะ เงินที่ได้จากการขายแบรนด์เนม ฉันนำไปทำบุญหมดแล้ว…ขอให้มีความสุขในสิ่งที่คุณเลือกนะคะ ฉันอโหสิกรรมให้คุณทุกอย่าง ลาก่อนปกรณ์…จากนวลพรรณผู้หญิงที่ตาสว่างแล้ว”
“อ๊ากกกกกก…โธ่เว้ยยยย…ทำไมกลายเป็นแบบนี้วะ…บัดซบ” ปกรณ์ทิ้งตัวลงพื้น พร้อมกับฉีกกระดาษที่อ่านจบแล้ว เขาตั้งใจว่ากลับมาถึงบ้าน จะพาเธอไปดินเนอร์เพื่อขอบคุณเธอ ที่ให้ตานุใช่นามสกุล ตอนนี้เขามีแต่หนี้สิน ถึงบ้านหลังใหญ่เป็นชื่อเขา รถ 3 คนที่อยู่ในบ้านก็เป็นชื่อเขา
แต่ก่อนหน้านั้นเขานำโฉนดบ้าน ทะเบียนรถทุกคันนำไปกู้เงินโดยไม่บอกกล่าวเธอ…แล้วเขาเพิ่งนึกได้ ว่าเห็นเธอขับรถออกไปปกรณ์รีบลุกขึ้น…เขามีความหวังขึ้นมาทันที เพื่อที่จะไปง้อเธอกลับมา…แต่
“พี่กรณ์ จะไปไหนคะ” ภีรนีย์รีบมาห้ามสามีไว้
“เธออย่ามายุ่ง พี่จะไปตามภรรยาพี่” เสียงตะคอกกับใบหน้าดุดันที่เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน
“แล้วฉันล่ะ…ไม่ใช่ภรรยาพี่เหรอ” เพราะความน้อยใจจึงพูดออกไป
“เธออยู่ในที่ที่ของเธอเถอะ ปล่อย” เสียงลอดไรฟัน กับแววตาแข็งกร้าว ผลักร่างบางออก แต่แรงผู้ชายที่บวกกับอารมณ์โกรธ ภีรนีย์เซไปทางขวาล้มลงบนพื้นซีเมนต์
“โอ้ยยย…พี่กรณ์…ฉันเจ็บนะคะ”
“คุณแม่…คุณพ่อใจร้าย นุไม่รักคุณพ่อแล้ว”
“โธ่เว้ยยย…ปังงงง” ปกรณ์ลงจากรถปิดประตูดังปัง แล้วเข้าไปในบ้าน……