EP 14

1110 Words
รถหลายคันหยุดให้อุ้มสุนัขโชคร้ายตัวนั้น กลับไปหาข้าวของที่วางกองไว้ มัทรีรู้ดีว่า เมื่อยื่นมือเข้ามาช่วยแล้ว ก็หมายถึงเงินเก็บ จะต้องถูกควักออกมาแน่ และค่าใช้จ่ายคงจะหลายพัน แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อตัวเองไม่อาจจะทนเห็นมันเจ็บปวด หรืออาจจะถึงขนาดถูกรถคันใดคันหนึ่ง ชนซ้ำเข้าให้อีกจนไม่อาจจะมีชีวิตรอด “จะไปส่งรถ!” แท็กซี่คันแรกปฏิเสธเสียงดัง ตอนมัทรีพยายามใช้แขนที่ยังอุ้มสุนัขโชคร้ายอยู่โบกด้วยความยากลำบาก เสื้อเชิ้ตสีขาวก็เต็มไปด้วยเลือด คันสองก็ไม่รับ คันสามและสี่ก็ไม่รับ เลยตัดสินใจเดินกลับไปวางมันลงข้างถุงข้าวของที่กองอยู่กับพื้น ของกินสำหรับฝากยายถูกยัดใส่กระเป๋าใบใหญ่ เพราะเผื่อไว้ใส่ของที่จะซื้ออยู่แล้ว ส่วนถุงเสื้อผ้า ถูกเอาไปผูกไว้กับสายกระเป๋าทั้งสองข้าง และอย่างพะรุงพะรัง มีผู้คนต่างมองมา แต่ไม่มีใครอยากยื่นมือเข้าช่วย และมัทรีก็ไม่แคร์ พอจัดการกับข้าวของได้แล้ว ก็อุ้มเจ้าสีหม่นขึ้น หมายจะพาเดินไปหาวินมอเตอร์ไซคล์รับจ้าง หรือไม่ก็อาจจะมีตุ๊กๆ ใจดี ไม่เกี่ยงเรื่องโชคลางที่มีหมาขึ้นรถบ้าง น้ำหนักเจ้าสีหม่นกับข้าวของรวมๆ กันแล้วไม่หนียี่สิบกิโลกรัม ทำให้เดินได้ช้ากว่าที่คิดไว้ ใจนั้นก็อยากให้มีคลินิกสัตว์อยู่แถวนี้บ้าง มันจะได้หายเจ็บปวดสักที มัทรีดีใจที่มันไม่ร้องครวญคราง เหมือนตอนนอนอยู่บนถนนอีกแล้ว มันคงรู้ว่าอีกไม่นานจะถูกเยียวยาเป็นแน่ ‘ปริ๊นๆ ๆ ๆ’ หญิงสาวมองไปยังต้นเสียง ก็เห็นรถคันคุ้นตาขับเลยไป แล้วตอกไฟฉุกเฉินจอดอยู่ตรงข้างทาง จากนั้นความหนักจากเจ้าสีหม่นและข้าวของทั้งหลายก็มลายหายสิ้นไป เพียงแค่เห็นคนเปิดประตูรถแล้วเดินตรงมาหาด้วยท่าทีรีบร้อน “อ้าว! มัทเองเหรอครับ ผมนึกว่าใคร มาๆ ผมช่วย” มัทรีมองเจ้าสีหม่น ถูกผู้บริหารหนุ่มอุ้มไปจากสองวงแขนด้วยความงุนงงสงสัยนิดๆ “คุณมัทขึ้นรถเลยครับ ผมช่วยถือให้” กระเป๋าก็ถูกคนรถของเขามาแย่งไปถือ แถมดันให้เธอเดินไปนั่งเบาะหลัง รวมกับเขาและเจ้าสีหม่นด้วย และเขาก็ไม่ได้สนใจ ว่าเลือดจะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า หรือรถราคาหลายสิบล้านด้วยซ้ำ “ไปคลินิกใกล้สุดนะมวน” รถเคลื่อนออกทันทีหลังจากเขาสั่งด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ มัทรีแก้มัดถุงเสื้อใหม่ของตัวเองที่เพิ่งซื้อมาออก แล้วส่งไปให้เขาใช้ซับเลือดเจ้าสี่หม่นที่เปื้อนตามมือและแขน แต่เขากลับส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วหันมายิ้มน้อยๆ ให้ “ผมเห็นมันถูกชนตั้งแต่รถติดไฟแดงอยู่อีกฟากแล้ว กำลังจะออกมาช่วย แต่ถูกรถคันหลังกดแตรไล่ก่อน เลยต้องอ้อมไปกลับรถไกลหน่อย ยังห่วงมันอยู่เลย กลัวจะถูกรถชนซ้ำอีก ดีนะที่มัทไปอุ้มมาก่อน” “มัทก็กลัวเหมือนกันค่ะ” มัทรีเอ่ยแค่นี้ เพราะไม่อยากบอกเล่าอะไรให้มากความ ด้วยห่วงเจ้าสีหม่นและอยากให้รถไปถึงคลินิกเร็วๆ แต่ก็ใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงกว่าจะหาเจอ “ขาหักกับกระดูกขาอีกข้างร้าวครับ ต้องผ่าตัดและพักให้หมอดูอาการสองสามวันก่อนครับ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร น้องหมาปลอดภัยแน่นอนครับ” เมื่อได้ยินดังนี้ มัทรีก็โล่งอก อยากจะอ้าปากถามถึงค่าใช้จ่ายเหมือนกัน แต่ไม่กล้า กลัวจะกลายเป็นว่าบีบให้เขาต้องควักทางอ้อม เลยได้แต่นั่งนิ่งๆ รอ ส่วนผู้บริหารหนุ่มก็นั่งเช็กไลน์อยู่เก้าอี้ติดกัน โดยไม่สนใจ ว่าเสื้อกับกางเกงจะเปื้อนเลือดด้วยซ้ำ สักพักเขาก็ลุกขึ้นตรงไปหาเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ “เอ่อ! พอดีผมมีธุระต้องไปแล้วครับ ผมให้นามบัตรไว้ มีอะไรหรือค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ติดต่อผมได้เลยครับ” จากนั้นเขาก็เดินกลับมาพยักหน้าเรียก มัทรีก็ลุกตามออกไป โดยไม่รู้ว่าทำไมจะต้องไปด้วย “คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ สบายใจหายห่วงได้ครับ ผมจะไปส่งมัทที่บ้านก่อน แล้วถึงจะไปธุระต่อนะ เชิญครับ!” พอเขาผายมือไปหารถด้วยท่าทีจริงจัง มัทรีเลยกลืนความตั้งใจจะปฏิเสธเอาไว้ แล้วเดินตามไปนั่งในรถโดยไม่ได้คิดนานด้วยซ้ำ เขากรุณาเปิดประตูให้ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ และการได้นั่งรถคู่กับเขา ก็เป็นเรื่องไม่ได้คาดคิดมาก่อนเช่นกัน นี่คงเป็นผลบุญจากการช่วยเจ้าสีหม่นกระมัง “สวัสดีครับคุณรดา ผมโทรมาบอกว่า คงจะไปช้าสักชั่วโมงนะครับ พอดีมีเรื่องฉุกเฉินนิดหน่อยครับ แต่ตอนนี้เคลียร์จบแล้ว...” มัทรีไม่กล้าเดา ว่าคนที่เขาโทรแจกแจงอยู่นั้นเป็นใคร เพราะได้ยินน้ำเสียงนุ่มๆ ที่เขาคุยเท่านั้น หัวใจก็เจ็บหนึบหนับขึ้นแล้ว แม้จะพยายามท่องเอาไว้เสมอว่า เขาเป็นใคร อยู่สูงกว่าตัวเองมากแค่ไหน แต่ใจก็ไม่เคยเชื่อฟัง วันๆ มันเอาแต่เฝ้าหลงรักเขาอยู่ร่ำไป จนเดาไม่ออกว่าชีวิตนี้จะสลัดเขาไปจากใจได้ยังไง พอวางสายจากคนหนึ่ง ก็มีเสียงเรียกเข้ามาในมือถือเขาอีก เป็นแบบนี้ไปจนถึงบ้านหลังน้อยๆ ของตัวเองเลยก็ว่าได้ อยากจะเอ่ยชวนเขาเข้าไปล้างมือไม้แทบแย่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากเหยียบย่างเข้าไปในอาณาบริเวณแค่สิบแปดตารางวาเลยด้วยซ้ำ และถ้าให้เทียบกับคฤหาสน์ของเขานั้น ก็ต่างกันไม่รู้กี่ร้อยเท่าแล้ว “เดี๋ยวผมขอเข้าไปเปลี่ยนชุดในบ้านของมัทได้มั้ยครับ ไม่ทราบสะดวกหรือเปล่าครับ มีใครอยู่ในบ้านอีกมั้ยครับ” แต่จู่ๆ เขากลับเอ่ยขึ้นมา “เอ่อ! ได้ค่ะ มัทอยู่กับยายแค่สองคนค่ะ” มัทรีเอ่ยด้วยอาการงงนิดๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะถาม แบบไม่ถือเนื้อถือตัวด้วยการก้าวเข้าบ้านเท่ารูหนูของตัวเองอย่างนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD