สะกิดใจ
แม้จะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ พนักงานต่างได้หยุดพักผ่อน แต่ทีมผู้บริหารกลับเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุม เรื่องบริษัทลูกจะเปิดโรงงานใหม่ในพม่าอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง จักรภัทรแยกกับพ่อ ซึ่งกินตำแหน่งซีอีโอตรงหน้าห้องประชุม
เพราะพ่อมีนัดต่อกับคณะกรรมการคนอื่นๆ จะไปกินมื้อเย็นที่บ้าน ส่วนน้องชาย ผู้เป็นทนายประจำบริษัท และมีบทบาทสำคัญในช่วงวางรากฐานแรกๆ ก็ขอแยกไปตั้งแต่ก่อนประชุมจะจบสิ้นลงเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว
เพราะมีนัดกับลูกค้า อีกทั้งเห็นว่าเรื่องหลังๆ ไม่อยู่ในส่วนของตัวเอง จารุวีซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงินก็รีบออกไป เมื่อมีจารุกรที่ไม่ได้เข้าประชุมด้วย เพราะอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มาคอยเร่งพี่สาวยิกๆ เนื่องจากกลัวไปดูคอนเสิร์ตศิลปินคนโปรดไม่ทัน คนอื่นๆ ก็แยกย้ายไปหมดแล้ว แม้แต่เนติเพราะมีนัดกับคู่เดต
เหลือเพียงเขากับอรนภา เดินเข้าออฟฟิศสองคน เพราะมีงานจะคุยต่อ เขาพยายามใช้เวลาให้สั้นสุด เมื่อเป็นวันหยุด ก็ไม่อยากรบกวนเลขามากนัก พอเสร็จก็รีบสั่งให้ปิดห้อง แล้วรีบพาเลขาลงไปชั้นล่างทันที
เขามักแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ในเวลารบกวนวันหยุดของเลขา ด้วยการเดินไปส่งถึงรถ เปิดและปิดประตูให้ แถมยืนรอส่งจนรถแล่นออกจากไป ตัวเองถึงได้ขึ้นรถที่ประมวนสตาร์ตเครื่องรออยู่แล้ว
“คุณเกียร์จะไปไหนต่อมั้ยครับ”
รถผ่านประตูบริษัทออกมาไม่กี่อึดใจ ประมวนก็เอ่ยขึ้น เขายังตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้จะไปไหน ในเมื่อยังไม่อยากกลับบ้านไปพบกับคณะกรรมการ ซึ่งเห็นหน้ากันมาตลอดวันในห้องประชุมแล้ว
จะนัดสาวไหนก็ดูฉุกละหุกไปหน่อย แต่ก็เชื่อว่า ปณิตามักจะว่างเสมอเมื่อโทรหา เพียงแค่มือไม่ยอมกดหมายเลขโทรศัพท์ไปเท่านั้น เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ระหว่างรถติดตรงแยกจะออกถนนใหญ่ ก็เห็นสุนัขจรจัดตัวหนึ่งเดินอยู่ตามบาทวิถี
พลอยทำให้คิดถึงอีกตัว ที่ถูกรถชนเมื่อวันก่อนขึ้นมาได้ทันควัน ทางคลินิกยังไม่ได้โทรบอกเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ แล้วเจ้าของร่างบอบบาง ที่อุ้มเจ้าตูบโชคร้ายมีเลือดเลอะเต็มเสื้อก็แล่นเข้ามาในความคิด
“ไปคลินิกที่เอาหมาไปส่งวันก่อนก็แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงนอนด้วยการหดสองขาไว้เพราะความล้าจากการงาน รู้สึกว่าหลับไปได้ราวครึ่งชั่วโมง รถก็จอดกึกลง ถึงเมื่อไปจุดหมายแล้ว และนั่นก็เสมือนปลุกเขาไปในตัวด้วย
“คุณเกียร์จะให้ผมลงไปถามก่อนมั้ยครับ” ประมวนหันมาเอ่ยเสียงแผ่วเบา เมื่อเห็นเจ้านายเพิ่งขยับตัว
“ไม่เป็นไร รอในนี้ล่ะ”
เขาคว้าแว่น ที่เสียบไว้ช่องตรงหลังเบาะคนขับมาใส่ แล้วรีบออกจากรถไป มีสัตว์น้อยใหญ่ถูกเจ้าของพามารอคิวจนเต็มคลินิก เขารีบตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อถามความคืบหน้า
“อ้อ! น้องหมาดีขึ้นมากแล้ว คุณหมอให้กลับบ้านได้แล้วค่ะ เมื่อกี้พี่ผู้หญิงที่มาดูอาการน้องทุกวัน เพิ่งบอกว่าจะออกไปกดเงินมาจ่ายค่ารักษาค่ะ”
“อ้าว! แล้วไปทางไหนพอจะทราบมั้ยครับ”
เขารีบเดินไปตามทิศทางที่พนักงานสาวบอกว่าไม่ไกลทันที แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เกือบสามร้อยเมตร ถึงเห็นตู้เอทีเอ็ม มีคนเข้าแถวรอกดเงินนับสิบ
มีหญิงสาวที่เขาคะเนส่วนสูงไว้ ว่าไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยเจ็ดสิบ ยืนรอเป็นคนที่ห้า เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเดินไปแล้วใช้นิ้วสะกิดตรงไหล่ระหงเบาๆ เจ้าตัวเลยหันมาหาแล้วทำหน้าตกใจนิดๆ
“คุณเกียร์ สวัสดีค่ะ”
เขารับไหว้แล้วยิ้มบางๆ ให้ เพราะชอบใจในท่าทีการพนมมือไหว้ของหญิงสาว เห็นแล้วรู้สึกได้เลย ว่างามอย่างไทย น้อยคนนักจะไหว้ได้สวย และรู้สึกได้ว่าไหว้ทั้งกายและใจอย่างคนนี้
“มัทมาทำอะไรครับ”
“กำลังจะกดเงินค่ะ”
มัทรีไม่คิดจะบอกว่าจะเอาเงินที่มีไม่มากมายไปทำอะไร เพราะกลัวจะกลายเป็นโยนภาระให้เขา ในเมื่อตัวเองตั้งใจจะรักษาเจ้าหมาโชคร้ายแล้ว ก็อยากทำแบบไม่ต้องรบกวนใคร
“ถ้าเป็นค่ารักษาเจ้าตัวนั้น ไม่ต้องเลยครับ บอกแล้วไงว่าผมรับเป็นเจ้าของไข้เอง ไปกันเถอะครับ”
แต่เขากลับส่งน้ำเสียงนุ่มนวล แถมยังกวักมือให้เดินออกมาจากแถวอีกต่างหาก มีคนยืนรอคิวอยู่มองมา ส่งสีหน้าคล้ายๆ จะถามว่า ‘ตกลงจะอยู่หรือไปกันแน่’ บวกกับเขาพยักหน้าเรียกอีก มัทรีเลยก้าวออกมายืนใกล้ๆ เขา และต้องแหงนหน้าขึ้นมองเขา เพราะส่วนสูงเกินกันไม่น้อย
“มัทตั้งใจจะทำยังไงกับหมาตัวนั้นครับ”
จักรภัทรเอ่ยขณะเดินกลับคลินิกด้วยกัน คนข้างๆ ตอบแบบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ เพราะปรึกษากับยายไว้แต่แรกแล้ว
“ยายให้เอากลับไปอยู่บ้านด้วยค่ะ จะได้เป็นเพื่อนเจ้าหลงกับเจ้าลอย”
“เหรอครับ”
จากตอนแรกจักรภัทรตั้งใจจะพาไปอยู่บ้านด้วย เพราะเลี้ยงไว้หลายตัวเหมือนกันทั้งไทยและเทศ แต่พอเห็นสาวข้างกายตอบมาแบบไม่ต้องคิดนานอย่างนี้ ก็ไม่อยากขัด
“ค่ะ ยายบอกไว้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว”
“งั้นผมขออนุญาตเป็นสปอนเซอร์ค่าอาหารให้บางครั้งได้มั้ยครับ ไม่รู้คุณยายจะว่ายังไง”
แม้มีเงินมากพอจะซื้ออาหารได้จนเจ้าตูบกินไปทั้งชาติ แต่โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว เขาและทุกคนในบ้าน ก็ไม่เคยแสดงกิริยาว่าจะใช้เงินฟาดหัวใครเลยสักครั้ง
“อืม! คุณเกียร์ลองถามยายเอาเองก็แล้วกันนะคะ มัทไม่กล้าตอบค่ะ” ในความคิดแล้ว คงไม่ดีแน่ถ้าจะตอบรับทันที มัทรีเลยโบ้ยให้หายายแทน
บทสนทนาจบลง เมื่อทั้งสองเดินไปในคลินิก จักรภัทรทำหน้าที่จ่ายค่ารักษาหมื่นห้าพันเก้าร้อย ส่วนมัทรีรีบตรงเข้าไปด้านหลังที่เจ้าตูบถูกเก็บไว้ในกรง ตรงหัวของมันมีคอลล่าร์ครอบไว้กันไม่ให้กัดเฝือก ซึ่งเข้าตั้งแต่ขาหน้าตามตัวไปถึงขาหลังไว้ และมันจะต้องทนอยู่สภาพนี้ไปก่อนเบื้องต้นคือสองเดือน