ตอนที่ 2 ไม่ค้างนะคะ

1710 Words
“ผมอยากได้แบบหน้าใกล้ๆ กำลังจะจูบกัน แบบใกล้ชิดสุดๆเลย” ปัณณธี ผู้จัดละครที่มารับหน้าที่แทนพี่สาวร้องสั่งเพื่อนรักของพี่สาวทั้งสองคนที่มารับบทเป็นพระเอกนางเอกของเรื่อง ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเข้าวงการมาพร้อมกันเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ยังไม่เคยโคจรมาเจอกันแบบจริงๆ จังๆ เสียที ก็คงไม่แปลกที่จะยังมีท่าทีประดักประเดิดต่อกันแบบนี้ แต่ด้วยสปิริตนักแสดงมืออาชีพ หนุ่มสาวที่แทบไม่เป็นตัวของตัวเองในอ้อมกอดของกันและกัน จึงค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะหยุดลงเมื่อคิดว่าระยะห่างขนาดนี้กำลังพอดี ซึ่งมันยังไม่เพียงพอสำหรับปัณณธีอยู่ดี “อีกนิดนะครับพี่พัชร์ พี่พัชร์เอียงหน้าอีกนิด ครับ แบบนั้น ตามองต่ำครับ ส่วนพี่มิตาเผยอปากนิดนึงครับ ดีครับ ตากล้อง เอาเลย” เสียงชัตเตอร์กดรัวๆ จากทุกทิศทุกทางเพราะต้องการเก็บภาพนี้ไปทำโปรโมตเรียกกระแสละคร ก่อนที่คู่พระนางจะแทบลืมหายใจเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้จัดอีกครั้ง “คราวนี้ผมขอเอาปากแตะกันเลยครับ” คนตัวบางเกร็งตัวขึ้นทันทีแม้จะยังคงยืนให้เขากอดอยู่ในท่วงท่าเดิม แต่ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอจะปฏิเสธคำสั่งของผู้จัดเพื่อความสมบูรณ์แบบของละคร จึงหลับตานิ่งๆ แล้วแต่ผู้ชายคนนั้นจะเป็นฝ่ายกระทำ ธพัชร์หลุบตามองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดที่เขาคิดถึงจับใจ ความนุ่มนิ่มหอมหวานและสัมผัสอบอุ่นรุ่มร้อนนั้นเขายังจำได้ไม่มีลืมเลือน แม้เขาจะเดินหน้ากับชีวิต มีคู่นอนคู่ควงมากลบทับร่องรอยของเธอบนร่างกายของเขาจนหมดแล้ว แต่ในหัวใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำได้เลย ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเร็วๆ จากการกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาลอบถอนหายใจยาวลดความประหม่าแล้วค่อยๆ โน้มลงไปแตะริมฝีปากนุ่มนิ่มสั่นระริกนั้นอย่างแผ่วเบา ทันทีที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสลงบนความนุ่มนิ่มของเธอ หัวใจของคนทั้งคู่ก็เต้นกระหน่ำแทบทะลุออกมานอกอกจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ เลือดในกายไหลวนวิ่งพล่านไปทุกส่วนจนร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง เขาพยายามสะกดจิตตัวเอง ไม่ให้เผลอตัวขยับปากบดเบียดความนุ่มนิ่มนั้นให้สาสมกับความคิดถึง เพราะเจ้าของตัวจริงของเธอนั่งอยู่ตรงนั้น กว่าที่วันอันหนักหน่วงต่อหัวใจของเธอจะหมดลง เล่นเอาแทบไม่มีแรงยืน มิตากลับคอนโดมิเนียมของตัวเองพร้อมกับคนรักหนุ่มที่นั่งรอเธอทำงานทั้งวันอย่างไม่มีบ่นสักคำ “ขอผมขึ้นไปที่ห้องมิตาได้ไหมครับ” แม้จะคบหากันมาถึงสองเดือนแล้ว แต่น้อยครั้งที่เธอจะยินยอมให้เขาขึ้นไปส่งเธอถึงบนห้อง เพราะทุกครั้งที่เขาได้มีโอกาสขึ้นไป เขาจะกอดจูบเธอและมีความต้องการตามประสาชายหนุ่มในแบบที่เธอไม่สามารถให้ได้ จึงตัดปัญหาด้วยการไม่ค่อยยอมให้เขาได้มีโอกาสขึ้นไปบนห้องเธอบ่อยนัก “เอ่อ คือ..” เขามองเธอด้วยแววตาผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่เธอเอ่ยออกมาแบบนี้ จะตามด้วยคำปฏิเสธและเหตุผลต่างๆ นานา ที่เขาไม่เข้าใจสักนิด แต่จำต้องทำตัวเข้าใจเพราะไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกอึดอัดที่ยอมคบกับเขาเป็นแฟน “ก็ได้ค่ะ แต่ไม่ค้างนะคะ” “ครับ” เสียงริมฝีปากบดเบียดผ่านความฉ่ำชื้นของน้ำลายดังอยู่ในห้องรับแขกของคอนโดมิเนียมสุดหรู เอกอนันต์ใช้สิทธิ์คนรักทันทีที่ประตูห้องปิดลงด้วยการกอดจูบคนรักสาวเพื่อลบเลือนสัมผัสของผู้ชายคนนั้น เสียงหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องใช้มือดันอกแกร่งเพื่อพยายามหยุดเขา แล้วเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากร้อนรุ่มที่พลาดเป้า จึงเปลี่ยนมากดจูบซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอแทน “คุณเอก หยุดค่ะ” “มิตา ไม่ห้ามผมสักครั้งไม่ได้เหรอ ผมขอนะครับ เราเป็นแฟนกันนะมิตา” “คุณเป็นแฟนกับมิตา เพราะแค่อยากนอนกับมิตาใช่ไหม” ประโยคเด็ดที่เธอเอาไว้ใช้หยุดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของเขา และมันก็ได้ผลในทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย “มิตา..” “มิตายังไม่พร้อมค่ะ เราเพิ่งคบกัน” คนตัวโตถอนหายใจยาวแต่ก็ยอมพยักหน้ารับรู้ในเหตุผลเดิมๆ เขาเข้าใจเธอนะ แม้จะไม่อยากเข้าใจก็ตาม เขารู้สึกว่าเขาชอบเธอมาก จนสามารถเรียกมันว่าความรักได้ เขาอยากอยู่กับเธอไปนานๆ เลยไม่อยากที่จะหักหาญน้ำใจของเธอด้วยการใช้กำลังบังคับให้เธอตกเป็นของเขา ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้ยากเลยสักนิด “ครับ ผมจะรอ” “ขอบคุณที่คุณเอกเข้าใจมิตานะคะ วันนี้คุณกลับก่อนดีไหมคะ อยู่กับมิตาคุณอาจทรมาน” ทั้งที่เธอก็รู้ว่าเขาทรมาน แต่เธอก็ไม่เคยยอมใจอ่อน และทั้งที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย เพราะพรหมจรรย์ก็ดันตกไปเป็นของเพื่อนรักเสียแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกขยะแขยงเมื่อคิดภาพที่เขาจะขึ้นมาโยกขย่มอยู่บนกายเธอเพื่อลบเลือนร่องรอยของผู้ชายคนนั้น “ขอผมนอนค้างที่นี่ได้ไหม ผมไม่ทำอะไรมิตาก็ได้ นะครับ” “เอ่อ อย่าดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้มิตาต้องออกไปกองถ่ายตั้งแต่ตีสี่ ตอนนี้ก็เพลียมากแล้วด้วย อยากจะอาบน้ำนอนแล้วค่ะ เอาไว้เป็น..” “คราวหน้า..ครับ ก็ได้” คำปฏิเสธประจำที่เขาจำได้จนขึ้นใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวหน้าที่เธอว่าเสียที แล้วคืนนี้ อารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านของเขาก็ต้องมีผู้หญิงชั่วคราวในความลับมาคอยดับให้อีกแล้ว “พัชร์ มิตา ตั้งใจทำงานนะ เดี๋ยวพี่เสร็จธุระแล้วจะรีบตามไป” ปิ่นยืนส่งดาราในสังกัดทั้งสองคนอยู่ที่ประตูรถตู้วีไอพีของนางเอกสาวที่มักจะเรียกใช้งานรถตู้พร้อมคนขับก็เฉพาะเวลาต้องยกกองไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัดหรือในช่วงที่ทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อนเท่านั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันเปิดกล้อง สถานที่ถ่ายทำฉากแรกคือร้านอาหารในสวนชานเมือง และเพื่อความสะดวก ผู้จัดการดาราอย่างเธอจึงจัดแจงให้พระเอกนางเอกเดินทางไปกลับด้วยกันทุกวัน ปกติถ้าเธอไม่มีงานสำคัญที่ไหน ก็จะสลับคิวตามไปดูแลดาราในสังกัดทั้งสองตลอดเวลา แต่วันนี้เธอกลับมีงานที่สำคัญกว่า เนื่องจากต้องพานางเอกน้องใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาในสังกัดของเธอไปแคสละครฟอร์มยักษ์แห่งปี เมื่อก่อนถ้าเธอมีงานสำคัญกว่าแทรกเข้ามา เธอก็จะปล่อยให้ดาราของตัวเองเดินทางไปกับรถตู้ส่วนตัว หรือบางทีธพัชร์จะชอบขับรถไปกลับเองเพราะรู้สึกมีอิสระมากกว่า ซึ่งเรื่องเล็กแค่นี้ไม่เคยทำให้เธอวุ่นวายเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนคราวนี้เลยสักครั้งที่ต้องปล่อยให้คนสองคนที่เคยมีประเด็นร้อนแรงกัน และยังไม่ทันจะสามารถประสานรอยร้าวในความสัมพันธ์กันติดเดินทางไปด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ “พี่ปิ่นคะ มิตากับพัชร์โตแล้วนะคะ อยู่ในวงการมาสิบปีแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ทำอย่างกับเราสองคนเพิ่งเข้าวงการมาเมื่อวาน” “เรื่องนั้นพี่ไม่เป็นห่วงหรอก แต่เรื่องเธอสองคน..” “พี่ปิ่น มิตากับพัชร์ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมค่ะ มีอะไรน่าห่วงที่ไหนกัน แล้วอย่าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าคุณเอกเด็ดขาด เดี๋ยวคุณเอกจะไม่สบายใจ” คนตัวโตที่นั่งอยู่ด้านข้างฝั่งติดกระจกรถเหลือบตามองเธอด้วยความไม่พอใจแวบหนึ่ง ก่อนจะเอนเบาะ หยิบหูฟังขึ้นครอบหูแล้วเปิดเพลงเสียงดัง ตั้งใจกลบเสียงหวานๆ ที่เอ่ยถึงผู้ชายคนอื่นหน้าตาเฉย “พี่ปิ่น รีบไปเถอะครับ ผมจะสายแล้วนะ” ด้วยความที่เปิดเพลงเสียงดัง ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านในตัวรถเอ่ยเสียงดังกว่าที่ควร และมันดันไปรบกวนโสตประสาทของเพื่อนเคยรักที่ต้องการสมาธิในการนั่งเฉยๆ เพื่อคิดถึงแฟน “โอ๊ย ไอ้พัชร์ ตะโกนมาได้ หูฉันจะหนวกแล้วนะ” เธอหันหน้าไปแหวใส่เขาอย่างลืมตัว ก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองเธอด้วยดวงตาคมกริบมีเสน่ห์ชวนใจสั่น แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังตั้งใจกวนประสาทเธออยู่ “อะไร” เขาแค่นยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ยิ่งกระตุ้นให้เธอหงุดหงิดเป็นเท่าตัว จึงดึงหูฟังของเขาออกแล้วตะโกนเข้าไปในหูของเขาแทน “ตะโกนมาได้ หูหนวกหรือไง ถึงไม่ได้ยินเสียงตัวเองว่ามันดังขนาดไหน” “เธอนั่นแหละ ตะโกนมาได้ หูหนวกหรือไงมิตา” เขาใช้นิ้วปั่นเข้าไปในรูหู ดึงหูฟังออกแล้วปิดเพลง หมดอารมณ์จะฟังอะไรแล้ว เพราะเสียงแหลมๆ ของเธอมันเข้ามากระทบจนประสาทหูของเขาแทบพัง “พอๆ หยุดทะเลาะกัน” แม้จะเอ่ยห้าม แต่คนเป็นผู้จัดการส่วนตัวก็สบายใจขึ้นที่เห็นเด็กในสังกัดทั้งสองคนกลับมาพูดคุยด้วยท่าทีไม้เบื่อไม้เมาเหมือนเดิม “ไปได้แล้วค่ะพี่ปิ่น เราทุกคนกำลังจะสาย แล้วก็ไม่ต้องตามไปนะคะ เสร็จธุระก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ พวกเราทำงานกันได้ค่ะ” “โอเค งั้นพี่ไปก่อนนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD