เช้าวันถัดมาฟ้าใหม่ถูกพระพายปลุกแต่เช้าเพื่อทำกับข้าวใส่บาตร หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว ฟ้าใหม่ก็เดินไปหาพระพายที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวซึ่งอยู่ด้านหลังของโถงบ้าน
“แกทำเมนูอะไรอะ”
“ก็พวกลาบหมู ต้มจืด ไข่เจียวง่าย ๆ นี่แหละ” พระพายนั่งหั่นหมูเพื่อทำลาบหันมาเอ่ยบอกฟ้าใหม่ที่ยืนมองตาปริบ ๆ เพราะเมนูที่บอกมาฟ้าใหม่ทำเป็นแค่ไข่เจียว
“งั้นฉันช่วยอะไรแกได้บ้าง”
“แกเหรอ…” พระพายมองไปรอบข้างหาสิ่งที่ง่ายที่สุดให้ฟ้าใหม่ทำเพราะรู้ดีว่าฟ้าใหม่นั้นทำกับข้าวไม่เป็นเลย จึงไม่อยากให้เธอทำอะไรเยอะพอมองไปรอบข้างมันก็ไม่มีอะไรให้ช่วยนอกจาก…
“แกรอทอดไข่อย่างเดียวดีกว่าที่เหลือฉันจัดการเอง” เพราะกลัวเกะกะกว่าเดิมฟ้าใหม่จึงพยักหน้าตอบ จากนั้นก็ช่วยพระพายหยิบจับนู่นนี่ขณะที่รอทอดไข่
ฟ้าใหม่กับพระพายใช้เวลาอยู่ในครัวนานสองนานกว่าจะทำกับข้าวเสร็จ จากนั้นก็เดินออกมานอกครัวเมื่อเห็นว่าตะวันขึ้นแล้วฟ้าใหม่จึงรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนหยิบผ้าถุงเดินลงไปข้างล่างเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนลงไปใส่บาตร
หลังจากอาบน้ำเสร็จฟ้าใหม่ก็นุ่งผ้าถุงกระโจมอกมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนเล็กคลุมไหล่ค่อย ๆ เปิดประตูห้องน้ำออก ดวงตากลมโตมองขึ้นไปบนบ้านเมื่อไม่เห็นใคร ก็รีบเดินตรงไปที่บันไดแล้ววิ่งขึ้นไปข้างบนแต่เมื่อเท้าเล็กเหยียบพื้นบ้านก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพายุนั่งแปรงฟันอยู่ข้างโอ่งตรงชานบ้าน
ซึ่งเขาก็หันมาสบตาทำให้ฟ้าใหม่ทำอะไรไม่ถูกยืนเม้มปากแน่นก่อนจะกระชับผ้าถุงแน่นแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของพระพายทันที
ทางด้านพายุได้แต่มองนิ่ง ๆ ไม่รู้ต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผิวขาว ๆ นุ่งกระโจมอกเดินผ่านไปแบบนี้ก่อนจะนั่งแปรงฟันต่อ
“ยิ้มกับเขาเป็นบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้” ทางด้านฟ้าใหม่เมื่อวิ่งเข้ามาในห้องปากเล็กก็บ่นพึมพำคนเดียวไม่หยุด ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วนั่งรอพระพายในห้องนอน เพราะไม่กล้าออกไปข้างนอกกลัวไปเดินเกะกะสายตาของพายุเอา
ทางด้านพายุหลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาเรียบร้อยก็เดินออกไปข้างนอกนั่งที่โต๊ะไม้สักเพื่อเรียงสายสิญจน์ถักที่ปลุกเสกเรียบร้อยใส่พานเอาไว้ให้ไอ้เสไปโพสต์ขายตามอินเทอร์เน็ตเพราะเขาไม่ถนัดเรื่องโซเซียลแล้วโทรศัพท์ที่ใช้ก็เอาไว้โทรเข้าโทรออกเท่านั้นเล่นโซเซียลไม่ได้เลย
ที่ทำเครื่องรางของขลังขายเขาไม่ได้อยากได้เงินเพียงแค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองนั้นได้ร่ำเรียนวิชามาให้เกิดประโยชน์เท่านั้น ซึ่งคนที่บูชาไปก็จะได้ทำบุญด้วยเพราะเงินทุกบาทที่ได้มาพายุเอาไปบริจาคให้วัดในหมู่บ้านหมดทุกบาททุกสตางค์
แต่ก็ไม่ได้ขายดีอะไรเพราะเขาไม่ได้เปิดสำนักเพียงแค่ให้ไอ้เสโพสต์ขายไปวัน ๆ เท่านั้น
“เฮ็ดสายสิญจน์อยู่เบาะอ้ายพา” (ทำสายสิญจน์อยู่เหรอพี่พา)
“แม่น” (ใช่) พายุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหลือบมองฟ้าใหม่ที่ยืนมองหน้าเขาตาปริบ ๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมน่าเกรงขาม
“ตอนใส่บาตรให้หมู่เฮ็ดตามนี้ อันได๋ห้ามก็อย่าเฮ็ด แล้วระหว่างนี้ห้ามออกจากเฮือนสามมื้อ” (ตอนใส่บาตรให้เพื่อนทำตามนี้ อันไหนห้ามก็อย่าทำ แล้วระหว่างนี้ห้ามออกจากบ้านสามวัน) พระพายพยักหน้าตอบก่อนจะยื่นสายสิญจน์กับกระดาษให้ฟ้าใหม่
“อะไรเหรอ?”
“อันนี้สายสิญจน์พี่พาให้แกใส่ไว้ ส่วนตอนใส่บาตรเสร็จแกทำตามรายละเอียดในกระดาษแผ่นนี้ ข้อไหนห้ามก็อย่าทำเข้าใจไหม”
“ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า?” ฟ้าใหม่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มใจคอไม่ดี ก่อนจะมองกระดาษในมือที่เขียนขั้นตอนกรวดน้ำละเอียดยิบ
“ไม่มีอะไร ก็แค่กรวดน้ำทั่วไปนั่นแหละ”
“อ๋อ โอเค” เมื่อได้ยินคำตอบฟ้าใหม่ก็เอียงหน้ามองพายุที่นั่งมองเธออยู่ ก่อนจะฉีกยิ้มให้แล้วยกมือไหว้ขอบคุณคนตรงหน้าตามมารยาท
“ขอบคุณค่ะ” การกระทำของฟ้าใหม่ทำเอาคนที่ไม่เคยถูกผู้หญิงไหว้มาก่อน ก็ถึงกับไปไม่เป็นทำอะไรไม่ถูกจึงเลือกเบือนหน้าไปทางอื่นโดยไม่รู้จะพูดอะไร
“ไปนั่งรอพระที่หน้าบ้านกันดีกว่า” เห็นว่าใกล้ถึงเวลาพระมาบิณฑบาตแล้วพระพายจึงคว้าตะกร้าชวนฟ้าใหม่ลงไปนั่งรอข้างล่าง…
ดวงตากลมโตมองชาวบ้านเริ่มออกไปไร่นากันตั้งแต่เช้าซึ่งทุกคนก็น่ารักมากทั้งที่ไม่รู้จักเธอแต่ก็ส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง…
หลังจากนั่งรอไม่นานพระสงฆ์สามองค์ก็เดินมุ่งหน้ามายังหน้าบ้านพ่อครูผันที่อยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน ฟ้าใหม่รีบจับถ้วยข้าวถือเพื่อเตรียมใส่บาตร นั่งหย่อง ๆ ที่พื้น เมื่อพระเดินมาหยุดด้านหน้าก็ยกถ้วยข้าวขึ้นเหนือศีรษะแล้วท่องในใจ
‘ข้าวของข้าพเจ้า ขาวดังดอกบัว ยกขึ้นเหนือหัว ขอถวายพระพุทธ ขอบูชาพระธรรม น้อมนำถวายแด่พระสงฆ์ ด้วยจิตจํานง ตรงต่อพระนิพพาน ขอให้แคล้วบ่วงมารด้วยเถิด’ สาธุในใจแล้วตักข้าวใส่บาตรส่วนพระพายก็หยิบกับข้าวที่มัดใส่ถุงและน้ำเปล่าใส่บาตรที่หลวงพ่อเปิดรอไว้แล้ว
จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบขวดน้ำกับแก้วน้ำนั่งที่พื้นหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่พายุให้เปิดขึ้นเตรียมกล่าวตอนกรวดน้ำ รับพร
“ยะถา วาริวหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปาจันโท ปัญณะระโส ยะถา มะณิ โชติระโส ยะถา สัพพีติโย วิวัชฌันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง”
สายน้ำไหลลงสู่แก้วไม่ขาดสายเช่นเดียวกับเสียงสวดของพระสงฆ์ที่ดังขึ้นพร้อมเพียงกัน ฟ้าใหม่ระลึกถึงพระพุทธคุณแล้วเอ่ยท่องในใจตามตัวหนังสือเรียงสวยในใจ
‘ด้วยอำนาจคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์บุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำในวันนี้ หรือก่อนหน้านี้ก็ดี ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร วิญญาณทั้งหลายที่ติดตัวมาเมื่อรับส่วนบุญกุศลนี้แล้ว โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ’
เมื่อสายน้ำหยดสุดท้ายไหลลงแก้วน้ำฟ้าใหม่ก็ประนมมือไหว้ กระทั่งสุ้มเสียงของพระสงฆ์หยุดลงจึงยกมือไหว้เหนือเกศา…
“สาธุ” ดวงตากลมโตมองพระสงฆ์เดินออกไปไกลเรื่อย ๆ
ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี กระทั่งพระพายลุกยืนหยิบตะกร้าแล้วพูดบอกฟ้าใหม่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง…
“ฉันไปรอที่บันไดนะ” ฟ้าใหม่พยักหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาอ่านอีกครั้ง จากนั้นก็ถือแก้วน้ำเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่นอกบ้านแล้วนั่งยอง ๆ ข้างต้นไม้ใหญ่ ตั้งจิตให้มั่นตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับและสัมภเวสีเร่ร่อน…
เมื่อน้ำหยดสุดท้ายไหลลงสู่รากไม้ใหญ่ฟ้าใหม่ก็คว่ำแก้วลงตามข้อความในกระดาษที่ระบุไว้ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นหันหลังแล้วเดินออกมาทันที…
เสียงฝีเท้าเล็ก ๆ เดินย่ำบนถนนคอนกรีตในหัวเธอไม่ได้คิดอะไร แต่ขณะเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงคล้ายกิ่งไม้ใหญ่ตกลงพื้นจากทางด้านหลังทำเอาตกใจไม่น้อยเท้าสองข้างหยุดชะงักอยากจะหันหลังกลับไปมอง
แต่เมื่อนึกถึงข้อความในกระดาษที่ระบุไว้ ฟ้าใหม่จึงตัดสินใจเดินต่อ…
ตลอดระยะทางเดินเข้าไปในบ้านปกติไม่กี่ก้าวก็ถึงแต่ความรู้สึกของฟ้าใหม่มันกลับช่างไกลเหลือเกิน เท้าเล็กยังคงเดินมุ่งหน้าเพื่อเข้าไปในบริเวณบ้าน อีกเพียงก้าวเดียวก็ถึงแล้ว…
จู่ ๆ สายลมเย็น ๆ ก็กระทบแผ่นหลัง ฝูงนกต่างพากันแตกตื่นร้องระงมบินว่อนเต็มท้องฟ้าต้นไม้น้อยใหญ่พัดปลิวสั่นไหว ก่อนจะได้ยินเสียงแว่วคล้ายคนเรียกชื่อดังจากทางด้านหลังฟ้าใหม่จึงหยุดชะงักเตรียมจะหันกลับไปมอง…
แต่…เมื่อดวงตามองไปบนชั้นสองของตัวบ้านเห็นพายุยืนกอดอกมองเธอเขม็ง ฟ้าใหม่จึงรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันที…