EPISODE 3 : Touch.

2035 Words
WHA-LES TALK ผมอุดปากแล้วทรุดตัวลงนั่งพิงประตู หัวใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าวลามตั้งแต่ลมหายใจยันใบหู หลุบสายตาดูกลางกายที่กำลังปวดหนึบด้วยสีหน้าโอดครวญ หวังว่าพี่มันจะไม่เห็นตอนที่น้องผมตื่นหรอกนะ ไม่งั้นงานงอกแน่ไอ้วา ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผมเกิดบ้าระห่ำอะไรขึ้นมาถึงได้โต้ตอบพี่ชาร์กลับไปแบบนั้น แต่ในหัวผมมันคิดอะไรไม่ออก นอกจากอยากจะเอาคืนเขาเท่านั้นเอง แต่ว่า.. ปากนุ่มจังวะ “ไอ้วา” ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับ กำลังสับสนในตัวเองไม่น้อยที่ดันคิดเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ภาพเจ้าของดวงตาคู่สวยผุดขึ้นมาในความคิด กลิ่นลมหายใจมิ้นต์ที่ลอยมาแตะปลายจมูกยังดูหอมแล้วก็สดชื่นไม่หาย ไม่เคยชอบมิ้นต์ช็อคเลย กระทั่งได้ลิ้มรสมันบนริมฝีปากของเขา มันไม่ได้แย่เลยสักนิดเดียว “ไอ้วา สติ วาสติ ไอ้วาดึงสติดิวา” ผมเรียกชื่อตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เหมือนกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่ สติยังไม่มา แถมปัญญายังเตลิดไปแล้ว สัจจะธรรมของชีวิตที่แท้ "อือ" ผมหงิกมือด้วยความโมโหตัวเอง อยากจะแหกปากตะโกนให้นกแตกรังแต่ก็ทำได้แค่คร่ำครวญอยู่ในใจ สุดท้ายผมก็หอบสังขารตัวเองขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ทำงาน พยายามสลัดเรื่องที่เกิดขึ้นออกจากหัวแล้วเตรียมจะวาดงานต่อ แค่แกล้งกันเล่นอย่าคิดมากวา แค่เล่นกัน แค่เล่น ผมนั่งเป่าปากสงบสติอารมณ์ตัวเอง หยิบดินสอขึ้นมาจะร่างงานต่อ แต่ภาพของเขาก็แว่บเข้ามาในหัวอีกจนได้ “มึงทาแก้มกับปากด้วยเหรอวะ” “กูแค่เช็คดู มันชมพูเกิน” “กูขอหยิกแก้มหน่อยดิ” “แล้วทำไมต้องเคี้ยวแก้มตุ่ยขนาดนั้นวะ” “มึงอย่ามาน่ารักดิ” เห็นมั้ยผมบอกแล้วว่าพี่มันชอบแกล้ง เมื่อเย็นเขาบีบแก้มผมเล่นใหญ่เลย มาอยู่ห้องผมได้ไม่เท่าไหร่ยังปั่นประสาทได้ขนาดนี้ ถ้าอยู่นานกว่านี้ผมจะทำยังไง แล้วทำไมผมต้องหน้าแดงด้วยวะเนี่ย พวกเราก็แค่หยอกล้อกันเล่นเท่านั้นเอง แค่หยอกเอิญไง ผมหยิบมือถือขึ้นวีดีโอคอลหาเพื่อนสนิทเพื่อดับอาการฟุ้งซ่าน พอปลายทางรับผมก็รีบแยกยิ้มทักทายทันที “ม่อน” (ว่าไงวา) “งานม่อนเสร็จยัง” แซวม่อนเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมคบนานที่สุด น้ำเสียงเวลาพูดกับผมนุ่มนวลมาก อาจจะเพราะเจ้าตัวเติบโตมากับแม่ การเลี้ยงดูหลายอย่างก็เลยทำให้ม่อนเรียบร้อย ต่างจากผมเหมือนเดิม (ใกล้แล้ว มีอะไรหรือเปล่าวา) “เปล่า เราแค่โทรมาถามเฉยๆ” (ถ้าเราเสร็จแล้วจะถ่ายส่งไปให้นะ เนี่ย กำลังทำอยู่เลย) “อืม โอเค” ผมพยักหน้ารับจังหวะที่ม่อนหมุนกล้องให้ผมเห็นงานบนโต๊ะ ก่อนจะกดวางสายแล้วขยุ้มหัวตัวเองจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ฟุบหน้าลงบนท่อนแขนตัวเองแล้วทุบโต๊ะหนึ่งที เอาไอ้พี่ชาร์ออกไปที ฮือ เกือบอาทิตย์ที่ผมหลบหน้าพี่ชาร์ พยายามเลี่ยงการพูดคุยให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี ผมเพิ่งจะได้รับสายจากเขาว่าเจ้าตัวขับรถหักหลบสุนัขที่หน้ามหาวิทยาลัยเลยทำให้รถล้ม แล้วแขนข้างที่ใช้บิดมอเตอร์ไซด์ก็ดันใช้การไม่ได้ เขาก็เลยโทรตามให้ผมขับรถไปรับแทน มาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็ขยันสร้างเรื่องให้ผมซะแล้ว ผมลอบถอนหายใจ พลางชำเลืองสายตามองพี่ชาร์ผ่านกระจกมองหลัง เขานั่งเงียบไม่พูดอะไรตลอดทาง ดวงหน้าคมคายเบือนสายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้บรรยากาศบนรถที่แม้จะเปิดเพลงคลอไว้มันก็น่าอึดอัดอยู่ดี “ใจคอจะไม่พูดขอบคุณผมหน่อยเหรอ” ได้ทีผมก็ทวงบุญคุณเลย คนอุตส่าห์ขับรถมารับ แถมช่วยโทรให้คนเอารถไปส่งที่คอนโดให้อีก แทนที่จะชวนคุยบ้าง แต่ดันมานั่งเงียบทำขรึมใส่ผมซะงั้น “มึงหลบหน้ากูเป็นอาทิตย์ จะให้กูพูดอะไร” “ผมไม่ได้หลบหน้า” “มึงโกหกไม่เก่งนะวา รู้ตัวมั้ย” ผมถอนหายใจพรืดยาว เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สายตามองไปยังถนนด้านหน้าสลับกับมองพี่ชาร์ที่ยังไม่ยอมหันหน้ามาคุยกัน “ผมทำอะไรให้พี่โกรธอีก ผมต่างหากที่ต้องโกรธ เล่นแกล้งผมแรงขนาดนั้น ใครจะอยากอยู่ให้พี่แกล้งล่ะ” ผมร่ายยาว แต่อีกฝ่ายก็ยังอมพะนำไม่ยอมพูด “ตามใจ ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด” พอผมทิ้งทวนไปแบบนั้น คนที่นั่งเบือนหน้าหนีก็หันขวับกลับมาทันที “ช่วยกูอาบน้ำก่อนดิ เดี๋ยวหายโกรธ” เขายื่นข้อเสนอ แต่น้ำเสียงยังเหมือนงอนผมอยู่ “ผมเพิ่งพูดไปเองนะ พี่เอาอะไรมาโกรธ ผมเนี่ยที่ต้องโกรธพี่” “ก็มึงหลบหน้ากูไง” “ก็บอกว่าผมกลัวว่าพี่จะแกล้งผมเหมือนวันนั้นอีกไง” “งั้นก็ช่วยกูอาบน้ำก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยคุย” “ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย” พูดจบผมก็ส่ายหน้าไปมาติดเอือมระอา เพราะพี่มันเถียงผมคอเป็นเอ็น ชักแม่น้ำทั้งสิบสายมารวมกัน ไม่มีความเชื่อมโยงกับสิ่งที่ผมต้องทำให้เขาเลยสักนิดเดียว “แล้วกูจะอาบน้ำยังไง มือเจ็บเนี่ย” “ผมไม่ได้ทำให้พี่เจ็บนี่ครับ นี่ก็ขับรถมารับแล้วเนี่ย ถ้าหลบหน้าไม่มาหรอก” เขาเงียบ ผมก็เงียบ แต่เรายังคงใช้เสียงหายใจขู่กันไปมา ผมเลยยอมแพ้ด้วยการเหลือบสายตามองเขาเชิงอ้อนวอน “แค่แขนเจ็บพี่ไม่ได้พิการสักหน่อย อาทิตย์หน้าก็หายแล้ว” “แต่วันนี้กูเจ็บไง หายอาทิตย์หน้ามันมาเกี่ยวอะไรวะ” อีกครั้งที่ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองค้อนเขาผ่านกระจกมองหลัง ได้แต่สาปคนเจ็บในใจเพราะเอาแต่ตัดพ้อเหมือนผมเป็นคนทำให้เขาเจ็บซะงั้น “หรือไม่ต้องอาบมันเลยดีวะ จะได้เน่าตายคาห้องมึงด้วย” “โวะ” “โวะกับใครวะ” “โวะกับพี่นั่นแหละวะ” ผมมุ่ยปากเลยถูกพี่ชาร์จับริมฝีปากแล้วแวะบีบแก้มผมอีกทีนึง “พี่ชาร์” “อาบน้ำให้หน่อยครับ สัญญาไม่แกล้งหรอก” น้ำเสียงของอีกฝ่ายอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็คลายปมลง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างใจอ่อนกับน้ำเสียงของเจ้าตัวเมื่อครู่ ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่พี่มันจะเลิกแกล้งผมสักที หลังจากกลับมาผมก็จัดการหาข้าวแล้วก็เอายาแก้อักเสบให้พี่ชาร์กิน กับข้าวกับปลาก็สั่งมานั่นแหละ จะให้ผมลงมือเข้าครัวมีหวังได้ก่อโศกอนาฏกรรมไฟไหม้คอนโดแน่ พี่ชาร์นั่งบนขอบอ่างอาบน้ำ ยกแขนขึ้นให้ผมถอดเสื้อยืดออก เผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ทั้งเสื้อช็อปแล้วก็เสื้อยืดอีกที มันคือขนมปังก้อนแน่นปึก หุ่นล่ำกำยำเหมือนคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผมที่เผลอจ้องนานเกินไปรีบกะพริบตาปรับโฟกัสใหม่ เพราะสถานีต่อไปก็คือกางเกง ผมไม่ได้อยากจะไล่สายตามองลงต่ำกว่านี้ ได้แต่รีบถอดกางเกงยีนเขาออกแล้วยืนขึ้นถอนหายใจอย่างโล่งอก “วาโกนหนวดให้กูก่อนดิ” เขาพูดขึ้น พลางเพยิดหน้าให้ผมหยิบครีมกับมีดโกนให้ “ใช้ผมอีกแล้ว ไหนบอกแค่อาบน้ำ” ผมทำหน้าเซ็ง “ก็หนวดกูขึ้นแล้วเนี่ย” พี่ชาร์เงยหน้าให้ผมดู ผมมุ่นคิ้ว “ทำไมไม่ทำเอง ผมทำมีดโกนบาดพี่จะทำไง” “แล้วมึงจะให้กูใช้ใคร กูใช้มือซ้ายไม่ถนัด” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังชูแขนข้างที่เจ็บให้ผมดูอีกต่างหาก เออครับ รู้แล้วว่าเจ็บ “ทำไมต้องเป็นผมอยู่เรื่อยเลย” “รำคาญกูเหรอ” “ก็เปล่า.. ให้ผมบ่นหน่อยไม่ได้เหรอไง สุดท้ายผมก็ทำให้พี่อยู่ดี” พูดจบผมก็เดินไปหยิบครีมโกนหนวด ป้ายมันบริเวณคางและเหนือริมฝีปากเขา ยืมคร่อมหว่างขาอีกฝ่ายเพื่อใช้ท่าให้ถนัดที่สุด ความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างเราสองคน ผมโกนหนวดให้เขาด้วยสีหน้าตั้งใจ ถึงจะไม่เคยโกนหนวดให้ตัวเอง แต่ก็พอจะทำให้เขาได้โดยที่ไม่ปริปากพูดอะไร แต่ทว่าเรียวแขนของอีกฝ่ายกลับยกขึ้นโอบรั้งเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้ เงยหน้ามองผมด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนเลิกคิ้วถามผมที่ยั้งมือแล้วหลุบตามองเขา “ทำอะไร” “ตัวมึงหอม” “พี่ชาร์” “แค่ดมไม่ได้หรือไง” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตัวสั่นเล็กน้อยตอนที่เขาลดมือลงเกยไว้ที่แก้มก้นผม เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมดันเห็นเขายกยิ้มมุมปากตอนที่ผมยืนนิ่งไม่ปฏิเสธ “ทำไมตัวมึงสั่น” “.....” “เพราะกูเหรอ” “เปล่าซะหน่อย” มือหนาวางไว้บนสะโพกผม ก่อนจะเลื่อนมาวางไว้บริเวณหน้าท้อง ออกแรงบีบเค้นเล่นเอาผมเสียววูบวาบไปหมด เลือดลมในร่างกายวิ่งพล่านจนแก้มขึ้นสี ข่มอารมณ์ไว้ด้วยการกลืนน้ำลายหลายอึก ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อนับล้านบินวนในท้องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเคยแต่สัมผัสร่างกายและส่วนอ่อนไหวของตัวเอง แต่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมันมาก่อน ตอนนี้มันก็เลยรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก “พะ.. พี่ชาร์ ผมโกนไม่ถนัด” “กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” “แล้วจะลูบท้องผมทำไม” “แล้วลูบไม่ได้เหรอ” “.....” “มึงไม่อยากให้กูทำ แต่ก็ไม่ปฏิเสธกูสักครั้งนะวา” นัยน์ตาคู่คมช้อนขึ้นมอง ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รู้ว่าเขากำลังคว่ำรถอ้อยตรงหน้าผมอยู่ ผมลอบถอนหายใจ ก่อนจะนั่งคร่อมบนตักเขา ทำเอาเรียวคิ้วอีกฝ่ายกระตุกสบตาผมที่กำลังจ้องเขาไม่ละไปไหน เรียวนิ้วค่อยๆ ไล้ไปตามกรอบหน้าคมคาย ผมเปรยสายตาขึ้นมองเขา แล้วลากฝ่ามือลงบนแผงอกกำยำ เจ้าตัวนั่งสั่นกระสันไม่ต่างอะไรจากผมก่อนหน้านี้ ใครโดนลูบโดนคลำแล้วจะไม่เสียวบ้าง ไม่มีหรอก “พี่อ่อยผมใช่มั้ย” เขานั่งเงียบแทนคำตอบ แสยะยิ้มมุมปากเพราะเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าผมร้ายกว่าที่คิดเอาไว้ “งั้นผมคงเข้าใจผิดไปเอง” “เดี๋ยว” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ทำท่าจะลุกหนีคิดว่าเขาจะยกธงขาวยอมแพ้เลิกแกล้งกัน แต่ทว่ามือไวกลับโอบรั้งเอวผมให้นั่งลงบนตักตามเดิม "ไม่รอฟังคำตอบจากกูก่อนหรือไง" "งั้นก็ตอบมาสิครับ" ใบหน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ มือล็อคท้ายทอยผมไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดข้างแก้มเป็นระยะปนเสียงหัวใจที่สั่นรัวอยู่ข้างใน พี่ชาร์หลุบสายตามองริมฝีปากผม ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสบสายตาผมอีกครั้ง “แล้วถ้ากูบอกว่ากูอ่อยมึงล่ะ” “พี่ชาร์” “ถ้ากูอ่อยมึง มึงจะทำอะไรกับกู”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD