EPISODE 1 : Lolipop’ s Xii.

2500 Words
“กูไปกินเหล้าข้างนอกนะ” ผมที่ออกมาดื่มน้ำขมวดคิ้วนิ่วหน้ามองคนที่กำลังสวมเสื้อแจ๊คเก็ทหนัง ประมาณว่าจะมาบอกกูทำไม แต่ก็พูดไม่ได้เพราะกระดกกินน้ำอยู่ พอเหลือบมองนาฬิกาก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว แต่ทำไมพี่มันถึงไม่ยอมหลับยอมนอนสักที แถมยังทำท่าเหมือนจะออกไปเที่ยวกลางคืนอีกต่างหาก แต่ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของผมหรอก ผมแค่ออกมาดื่มน้ำแค่นั้นเอง “มีอะไรด่วนก็โทรมา กูจดเบอร์ติดไว้ที่ตู้เย็นละ” เขาพูดพลางเพยิดหน้าไปที่ตู้เย็น ผมเลยปิดตู้เย็นถึงได้เห็นว่ามีโพสอิทแปะอยู่พร้อมเลขสิบหลักและชื่อเขากำกับไว้ “แล้วจะกลับกี่โมง” ผมถามแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะมัวแต่สนใจเลือกขนมติดมือเข้าห้องไปด้วย “ถามเป็นเมียกูเลยนะ” “เมียอะไร” ผมทำหน้าเหยเก “ถามตามมารยาทในการแชร์ห้องไงครับ กลับห้องดึกดื่นแล้วเกิดเมาขึ้นมาก็ลำบากผมอีก” อีกฝ่ายกลอกตามองบน ฟังไม่ผิด พี่มันกำลังมองบนใส่ผมอยู่ “ไอ้หน้าหลามนี่” “เออ ไม่ทำให้เดือดร้อนหรอกน่า ดื่มนิดเดียว ไม่เมาหรอก” “ให้จริง” “ก็จริงดิ” พูดจบเขาก็ยืนเต็มความสูง พลางยกยิ้มมุมปากมองผมที่ยืนทำหน้าเป็นซังกะตายมองเจ้าตัว “อยู่ปีสามแล้วยังจะเที่ยวอีก” ผมแสร้งพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็จงใจจะให้อีกฝ่ายได้ยิน “อย่าให้เห็นว่าไปเที่ยวเหมือนกันนะครับน้องหนู” เขาโต้กลับ พลางขยิบตาให้ผมทีนึง ผมถอนหายใจพรืดยาวขนกับขนแขนที่ลุกเกรียว เหนื่อยใจที่จะเสวนากับคนตรงหน้า เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่ามาสาดน้ำลายใส่กันไปมา “กูไปละ” ผมผายมือ “เชิญครับ” หลังเสียงประตูปิดผมก็แอบแลบลิ้นลับหลังใส่พี่ชาร์ที่เพิ่งจะออกไป ก่อนเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองต่อ วางขนมไว้บนโต๊ะ แล้วหันมายิ้มให้กล้องที่กำลังไลฟ์สดอยู่ในขณะนี้ “เดี๋ยวผมเปิดเลขห้องนะครับ เตรียมตัวกันเลยนะ” ผมบอกผ่านกล้องตรงหน้า โดยที่ในห้องนอนมีเพียงแค่ผมคนเดียว แต่ในไลฟ์สดมีคนเกือบพันกำลังรับชมอยู่ ใช่ครับ ผมกำลังทำหน้าที่สตรีมเมอร์เล่นเกมบนเพจเฟซบุ้คส่วนตัว ทำมาเกือบจะหกเดือนแล้ว แต่ก็เหมือนว่ามันยังกระท่อนกระแท่นอยู่นิดหน่อย Lolipop’ s Xii เป็นชื่อเพจของผมที่เคยได้รับฉายาว่าสตรีมเมอร์หัวเย็น ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ผมไม่หัวร้อนเวลาเกมตามหรือโดนฝั่งตรงข้ามพิมพ์เยาะเย้ยใส่ เว้นแต่ผู้ชายที่ชื่อชาร์เค อันนั้นทำผมหัวร้อนยิ่งกว่ากระทะทองแดงซะอีก ตอนแรกอาจจะมีรู้สึกแย่บ้างเวลาที่ผมกวาดสายตาอ่านเจอคอมเม้นต์ว่าผมเล่นเกมกาก แต่ผมก็เลือกที่จะไม่สนใจ ขอแค่ผมกับคนดูสนุกไปกับเกมก็พอ ตอนนี้ถือว่าผมมาได้ไกลพอสมควร ตอนแรกมีผู้เข้าชมหลักสิบ ตอนนี้เข้ามาหลักร้อยจนแตะหลักพันแล้ว ผมว่าผมก็ค่อนข้างพึงพอใจกับมันเลยทีเดียว เสียงแจ้งเตือนการส่งดาวดังขึ้น ทำให้ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นอ่านขอบคุณเจ้าของดวงดาวทันที “ขอบคุณสำหรับร้อยดาวด้วยนะครับคุณณัฐวุฒิ” คอมเมนต์บนหน้าต่างเพจเริ่มครึกครื้น คนกดส่งดาวจนผมกวาดสายตาอ่านไม่ทัน แต่ก็พยายามขอบคุณพวกเขาให้ได้มากที่สุด รวมถึงพูดคุยกับผู้ชมที่คอมเม้นต์มาพูดคุยกันด้วย “อยากเล่นเกมกับผมต้องกดสนับสนุนเป็นซัพพอร์ตเตอร์ก่อนนะครับ แล้วทักมาขอเลขห้องส่วนตัวน้า อีกสองที่ว่างสำหรับผู้ชมทางบ้านครับ แย่งเข้ากันให้ทันน้า” ผมมักจะนั่งพูดหน้ากล้องคนเดียว แต่ความรู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับเพื่อนทางออนไลน์ มันทำให้ผมไม่เหงาเวลาอยู่ห่างไกลบ้าน เพราะผมก็ไม่ได้เป็นคนมีเพื่อนพ้องเยอะเท่าไหร่ การเล่นเกมทำให้ผมผ่อนคลาย แล้วการพบปะผู้คนก็ทำให้ผมยิ้มแล้วก็หัวเราะได้ Comment : อยากเข้าไปแบกจังเลยครับ “ถ้าอยากแบกผมแล้วเป็นซัพพอร์ตเตอร์ทักมาเลยครับ ถ้ายังไม่เป็นแย่งเข้าห้องให้ทันน้า เดี๋ยวจบเกมผมจะบอกเลขห้องครับ” Comment : แอดเล่นป่าหน่อย “ผมเล่นป่าไม่ค่อยเก่ง แต่พอเล่นได้ครับ” Comment : เป็นสตรีมเมอร์ที่โคตรน่ารักเลย “ขอบคุณครับ” Comment : เมจเคลียร์คลีปกลางหน่อย “กำลังไปครับผม ผมเดินช้าอ่ะ” Comment : สงสารแอด เล่นเมจขาตายเดินช้ามากก “ผมพยายามเต็มที่แล้วครับทุกคน เป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ” Comment : ลงสตรีมกี่โมงคะ “ผมลงสตรีมสี่ทุ่มครึ่งนะครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า” เสียงแจ้งเตือนการส่งดาวยังไม่เท่ากับคอมเม้นต์ที่รัวแล้วก็รันจนผมอ่านตามแทบไม่ทัน เท่าที่อ่านผ่านตาคือเหมือนมีคนส่งหมื่นดาวมาให้ ผมไล่อ่านจนเห็นว่ามีหมื่นดาวเข้ามาจริง ก่อนจะกดปักหมุดแล้วยิ้มผ่านกล้อง “ขอบคุณสำหรับ.. เอ่อ หนึ่งหมื่นดาวนะครับ พี่ซีเปย์หนักอีกแล้วนะครับ ขอบคุณนะครับ ผมปักหมุดไว้แล้วนะ” พูดจบผมก็ยกมือขึ้นขอบคุณคนส่งดาวประจำเพจ Comment : คนนี้เปย์โคตรโหด Comment : เศรษฐีบ่อน้ำมันในการเปย์ Comment : เปย์แอดจัดเลย Comment : พี่ซีมาแล้วค่า เปย์แอดอีกแล้ว จิ้นได้มุ้ยย Comment : ถ้าเปย์แค่ร้อยดวงพอจะได้ใจแอดมั้ยครับ ผมไม่ได้รู้จักพี่ซีเป็นการส่วนตัว แต่ชื่อบนเฟซบุ้คของเขาใช้ชื่อว่า SEA มีรูปโปรไฟล์เป็นน้ำทะเล ผมก็เลยเรียกชื่อเขาตามนั้น ขนาดมีเขาเป็นเพื่อนบนเฟซบุ้คส่วนตัว เขายังไม่มีโพสต์หรือการเคลื่อนไหวเลย แต่เปย์ดาวผมบนเพจโคตรโหด จำได้เลยว่าเขาเปย์ผมเป็นแสนดวงต่อเดือน จนตอนนี้น่าจะติดท็อปชาร์ตของเพจเรื่องการเปย์ดาวสูงสุดไปแล้ว “เดี๋ยวอีกเกมนึงแล้วผมขอตัวลงสตรีมนะครับ มาเจอกันที่เก่าเวลาเดิมตอนสองทุ่ม” ต้องเข้าใจว่าผมเพิ่งจะเปิดเทอม ถ้าเมื่อก่อนผมขึ้นสตรีมสองทุ่มลงเที่ยงคืนหรือไม่ก็ตีหนึ่งตลอด แต่ตอนนี้แค่สองสามชั่วโมงก็น่าจะไม่ไหวแล้ว Comment : สู้ๆ นะคะแอด พรุ่งนี้จะรอนะคะ “ที่เก่าเวลาเดิมนะครับ มาเจอกันนะ” หลังปิดไลฟ์ผมก็กลับมานอนแบหลาบนเตียง หลับตาปรับโฟกัสจากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ก่อนจะขยับตัวหยิบของบางอย่างออกมาจากลิ้นชักหัวเตียง ลูกรักของวาเรย์มาแล้ว มันเป็นของเล่นที่ผมฝากเพื่อนซื้อ บางชิ้นสั่งเองก็มี แต่อันที่เป็นของเล่นประจำตัวจะถูกใส่ไว้ในลิ้นชักหัวเตียง รวมถึงมีเจลหล่อลื่นเตรียมพร้อมเวลาต้องการระบายอารมณ์ ผมถอดเสื้อออก ก่อนจะดึงกางเกงขาสั้นโยนทิ้งไว้ข้างเตียง นอนเปลือยเปล่าบนเตียงที่ห้องปิดไฟสนิท มีเพียงแค่แสงไฟจากด้านนอกที่ให้ความสลัว เจลหล่อลื่นเคลือบของเล่นผู้ใหญ่จนเปียกชุ่ม เป็นแท่งซิลิโคนยาวสิบสองเซนติเมตร ลวดลายโค้งมนคล้ายลูกปัดแต่ตัวเครื่องสั่นแบบนุ่มนวล เป็นของเล่นชิ้นโปรดที่ผมหยิบมาเล่นบ่อย ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มาก เพราะผมกลัวเจ็บเวลาสอดใส่ แค่กระตุ้นให้เสียวจนเสร็จก็พอ “อึก” ซิลิโคนแท่งยาวถูกกดเข้าไปข้างในตัวผมทีละนิด นิ้วเรียวกดปุ่มเปิดให้เครื่องมันทำงานสั่นครืนอยู่ในโพรงนุ่ม ปลายเท้าผมงุ้มงอจิกเกร็ง เงยหน้าเหยเกขณะเดียวกันก็อ้าขาออกกว้าง ปล่อยให้เครื่องสั่นคาอยู่ข้างใน พร้อมกับใช้อุ้งมือสาวแก่นกายขึ้นลง "อื้อ" มันสั่นอยู่ข้างใน กระตุ้นให้ผมบิดเร่าไปมาด้วยความเสียว พ่นเสียงครางในลำคอหนีบช่วงล่างเข้าหากัน ก่อนวางขาตั้งฉากบนเตียงใช้มือข้างขวากำท่อนเอ็นสาวขึ้นลง โคตรเสียวเลย ไม่ว่าจะถูกกระทำกี่ครั้ง ผมก็ยังรู้สึกดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน มันดีจนผมแทบจะไม่อยากมีแฟนด้วยซ้ำ แค่ช่วยตัวเองแล้วก็เล่นกับร่างกายได้ตามใจ เพราะยังไงคนที่รู้จุดอ่อนในร่างกายของตัวเองดีก็มีแค่ผม “อืม” ผมครางรับในลำคอ ริมฝีปากขบเม้มเป็นเส้นตรง พลางกัดเรียวนิ้วระบายความเสียวซ่าน หน้าท้องกลัดเกร็งกระเพื่อมไปตามแรงหายใจที่ติดขัด ผมกัดริมฝีปากล่าง ขณะที่กำลังปรนเปรอตัวเอง มือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นในตอนที่เครื่องมันสั่นกระตุ้นจุดกระสันให้ผมดิ้นเร่า ก่อนจะเร่งจังหวะสาวแก่นกายเร็วขึ้น ทว่าวินาทีที่ใกล้จะถึงฝั่ง ผมดันนึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมา ไอ้หน้าหลามนั่น “อื้อ” เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นผมก็กระตุกเกร็งสองสามที พร้อมน้ำกามที่พุ่งออกมาจากส่วนปลาย ก่อนไหลเยิ้มเปื้อนแก่นกายและหน้าท้อง ช่องทางด้านหลังบีบรัดเข้าหากันแน่น ตอดถี่ระรัวหลังผมหลั่งออกมา ผมผงกหัวแล้วใช้มือเกี่ยวสายคล้องกับเครื่องสั่นให้ถอนออกจากรูสีหวาน เรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคลายตัวลง พร้อมตัวผมที่นอนหมดแรงตัวแห้งติดไปกับเตียง พอน้ำออกจากตัวในวันที่ร่างกายอ่อนเพลีย ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะโดนสูบวิญญาณออกจากร่าง ผมพลิกตัวนอนตะแคงหายใจหอบหนัก พลางนึกถึงใบหน้าของรูมเมทที่ยังไม่กลับห้องมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เพราะเหตุผลนี้ ผมถึงค้านหัวชนฝาว่าพี่ชาร์ไม่ควรจะอยู่ร่วมห้องเดียวกับผม ผมไม่อยากให้พี่มันได้รู้ความลับของผม ไม่ว่าจะเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม ผมเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมายืนมองรูมเมทที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว เอียงคอเล็กน้อยติดสงสัยเพราะพี่มันดันตื่นเช้ากว่าที่คิด กลับมาเมื่อไหร่วะ เมื่อคืนเขากลับกี่โมงผมก็ไม่มั่นใจ รู้แค่ว่าหลังทำความสะอาดร่างกายเสร็จ ผมก็ทิ้งตัวล้มนอนทันทีแบบที่ไม่ถึงแปดวินาทีสลบเหมือด “ทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนดิ” เขาว่าแล้วใช้ทัพพีชี้ไปที่โต๊ะอาหาร ผมมองตามแล้วเห็นข้าวต้มกุ้งตัวโตพร้อมไข่แดงอยู่ในถ้วย มีควันลอยหอมฉุยมาแตะปลายจมูกแต่ไกล ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ข้าวต้มกุ้งเลยเหรอวะ สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูง่าย แต่สำหรับคนที่กินของแช่แข็งแล้วอุ่นร้อนเอาอย่างผมมันโคตรยาก แค่แกะกุ้งก็ไม่รอดแล้วมั้ง “ทำกับข้าวเป็นกับเขาด้วยเหรอ” ผมถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะนั่งลงแล้วจับช้อนตักข้าวขึ้นมาทาน “ทำให้หมาที่บ้านบ่อย” ดูปากพี่มันนะ “เหรอ” “เออดิ” “แล้วหมามันกินมั้ย ถ้ามันไม่กินผมก็ไม่กิน” เขาหันมาแยกเขี้ยวใส่ แทบจะเขวี้ยงทัพพีในมือมาหาผมที่กวนประสาทก่อน แต่สุดท้ายเด็กหัวรั้นอย่างวาเรย์ก็ยอมทานอาหารฝีมือเขาอยู่ดี เพราะทนกลิ่นหอมจากในครัวไม่ไหว ตอนนี้กะเพาะผมมันร้องประท้วงยกใหญ่เลย “แล้วมีเรียนกี่โมง” “เก้าโมง” “จะไปตอนแปดโมงเนี่ยนะ” “แล้วทำไมล่ะ” “เนิร์ดว่ะ” ไม่พูดเปล่าเขายังทำหน้าเยาะเย้ยผม แล้วกระแทกเสียงใส่อีกต่างหาก “หรือมีเรียนบ่ายให้ไปตอนเที่ยงครึ่งงั้นดิ” ผมแซะกลับบ้าง แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไร “เดี๋ยวพอมาถึงจุดนี้ก็รู้เองว่าเวลานอนสำคัญกว่าการเรียนรู้” “เหอะ” เราสองคนเงียบไปพักหนึ่ง ผมก็เลยโซ้ยโจ๊กจนเกือบหมดด้วยความรีบเร่ง ก่อนที่เขาจะมานั่งตรงหน้าผม นั่งเท้าแขนมองหน้าผมที่กำลังเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย “มองไร” ผมเลิกคิ้วถาม “เปล่า ก็ไม่ได้มองไร” เขาส่ายหน้า แต่ก็ยังไม่หยุดจ้องหน้าผมอยู่ดี “กวนประสาท..” เขาตักโจ๊กใส่ถ้วยมานั่งกินพร้อมกัน ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรมากนัก เหมือนพักรบกันไว้ก่อนแค่ตอนกินข้าว แค่ครู่เดียวเดี๋ยวก็แยกเขี้ยวกัดกันใหม่ “แล้วเลิกกี่โมง” “ยุ่ง” “เผื่อกลับพร้อมกัน” “กลับใครกลับมันน่ะดีแล้ว ผมขับรถไปเองดีกว่า” เราทะเลาะกันจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ กัดกันเก่งกว่าหมาในซอยหน้าหมู่บ้าน เขาชอบแกล้งผมตลอดเลย ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม ยั่วประสาทเก่งที่หนึ่งเลยด้วย “เดี๋ยวดิ” เขาคว้าแขนจังหวะที่ผมจะลุกไปเก็บชาม แต่สายตาไวของผมมันดันหลุบไปเห็นบางอย่างที่อยู่ภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์เจ้าตัวแทน บางอย่างที่กำลังชี้โด่ชี้เด่อย่างไร้ทิศทาง แล้วก็มันกำลังชี้หน้าผมอยู่ด้วย “เห้ย” ผมร้องเสียงหลง รีบสะบัดแขนออก “เอ่อ” เขายิ้มเจื่อน พลางใช้มือกดกลางกายเอาไว้ ตากุ้งยิงแล้วไอ้วา “ไอ้พี่ชาร์ ไอ้คนทุเรศ มาแข็งอะไรต่อหน้าผมเนี่ย” “ทำไมวะ ไม่เคยเคารพธงชาติตอนเช้าหรือไง” ไม่ปฏิเสธหรอกว่าไม่เคย แต่ผมจะปฏิเสธหัวชนฝาเลยก็คือไม่เคยมาแข็งต่อหน้าคนอื่นแบบนี้หรอกโว้ย “ถอยไปเลย ผมจะไปเรียนแล้ว” “อยู่ช่วยกูก่อนดิวะ” “ไอ้พี่เหี้ยนี่” ผมง้างหมัดขึ้นสูง ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาสวมรองเท้าแล้วเดินออกจากห้องทันที จะให้ผมอยู่ช่วยอะไร ถ้าจะให้ช่วยล้างจานยังไงผมกลับมาตอนเย็นก็ต้องทำอยู่ดี อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าประโยคเมื่อครู่ของพี่มันล่อแหลมเกินไป ทำไมพี่มันชอบแกล้งผมตั้งแต่เด็กยันโตเลยวะ ใครก็ได้พาไอ้วาออกจากตรงนี้ที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD