ถ้าทุกคนอยากฟัง ฉันก็จะเล่าให้ฟังค่ะ เรื่องมันก็มีอยู่ว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...เฮ้ย! ไม่ใช่ เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว พ่อกับแม่ของฉัน ท่านไปดูดวงกับหมอดูชื่อดังมา แล้วหมอดูทักว่ามองไม่เห็นลูกสาวของท่านเลย หรือพูดง่าย ๆ คืออายุขัยของฉันกำลังจะหมด
ทางเดียวที่จะแก้หายนะครั้งนี้ได้คือต้องเปลี่ยนจากลูกสาวเป็นลูกชาย ซึ่งจะทำให้ครอบครัวและตัวฉันเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป พ่อกับแม่มีเหรอจะไม่เชื่อในเมื่อท่านคือสายมูตัวจริงเสียงจริงเสียด้วย
เคล็ดลับความสำเร็จของพ่อกับแม่ไม่มีความลับอะไร มีแค่มูและคิดว่าของที่ทำขายให้เหมือนขายให้ตัวเอง ทำให้ได้สามดี หนึ่งราคาดี สองใช้ดี สามสวยดี เท่านี้ชีวิตก็ดี๊ดีแล้ว
กลับมาที่ชื่อค่ะ เวลาให้เล่าทีไรออกทะเลทุกที และนั่นเป็นเหตุให้ชื่อฉันจากเด็กหญิงแพรพลอย กำลังจะก้าวสู่วัยสาวด้วยนางสาว ใช่ค่ะนางสาว คำนำหน้าชื่อที่วัยสาว ๆ ทุกคนใฝ่ฝัน
ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ฝัน...นางสาวแพรพลอย ไพรินท์ลักษณ์ ชื่อที่เพราะพริ้ง แค่ชื่อก็สวยไปยันชาติหน้า แต่พ่อก็ดับฝันฉันด้วย
“แพร หนูต้องเปลี่ยนชื่อนะลูก เพื่อให้พ่อกับม่ามี้สบายใจ”
“อัฐพร” ฉันเลิกคิ้วถามคุณอัมรินทร์ ไพรินท์ลักษณ์ หรือพ่ออั้มของฉัน
“ชื่อนี้ดีลูก เป็นชื่อเหมือนผู้ชายและความหมายก็ดี แปลว่ารวย เป็นได้ทั้งชื่อผู้ชายผู้หญิง” นี่ไงคุณอั้มที่ใคร ๆ เรียก จะบอกว่าอย่างไรดี คุณอั้มเขาขายของเก่งแต่ไหนแต่ไร ใบหน้ายิ้มแย้มหล่อเหลา
รอยยิ้มที่ทำให้คนอื่นยากจะปฏิเสธ จำได้ว่าตอนนั้นฉันหันไปมองหน้าแม่อย่างขอร้อง แต่เห็นแม่กำลังนอนเอาขาพาดบนตักพ่อ ส่วนพ่อกำลังนวดเท้าให้เมียสุดที่รักอย่างคุณนายอรชร ความคิดของฉันที่จะให้แม่ช่วยเรื่องเปลี่ยนชื่อก็จบลง ยอมรับชื่อใหม่อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจรับเสียเท่าไหร่
นางสาวอัฐพร ไพรินท์ลักษณ์
ใครจะคิดว่าหลังจากเปลี่ยนชื่อลูกสาวไม่ทันไร หรือเพราะชื่อที่แปลว่ารวยของฉันหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ พ่อของฉันรวยไม่หยุดไม่หย่อน งานเข้าเยอะจนต้องขยายโรงงานเพิ่ม
ฉันก็ไม่อยากเชื่อหรอกนะในบางครั้งแต่ใครจะคิดว่า พ่อกับแม่จะเฮง เฮง เฮง ไม่หยุดไม่หย่อน และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันที่ฉันจะได้ไปใช้ชีวิตในโลกกว้าง ไปใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเต็มที่ในรั้วมหาวิทยาลัย
สาวน้อยวัยสิบเก้าปี ผู้ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเรียนที่เมืองหลวงตัวคนเดียวในระดับอุดมศึกษา ชีวิตดูรันทดเสียที่ไหนเมื่อพ่อผู้เป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปไม้รายใหญ่ของภาคเหนือ ซื้อคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนให้ลูกคุณหนูอย่างฉัน
“หนูแค่แจ้งชื่อนะลูกแล้วทางพนักงานจะบอกชั้นพร้อมกับให้คีย์การ์ดหนูเอง พ่อเตรียมของใช้ไว้ให้หมดแล้ว”
“ค่ะพ่อ” ชีวิตคุณหนูมันก็ดีนะ ฉันแค่รอเวลาจะได้ใช้ชีวิตอย่างใจตัวเองเสียที เลือกมาเรียนไกลบ้าน เพราะอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากดูแลตัวเองได้เอง
พอฉันมายืนที่คอนโดที่พ่อซื้อให้ เอ่อ ชีวิตคุณหนูอย่างไรก็เป็นคุณหนู คอนโดมิเนียมระดับไหนฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ระดับความสูงเงยหน้าจนบ่าตั้งเลยทีเดียว
“อัฐพรค่ะ” ฉันบอกกับพนักงานฝ่ายต้อนรับ แต่งตัวดูดีจนฉันยังอาย
“ชั้นสี่สิบห้านะคะ ห้อง 452 คีย์การ์ดค่ะ” พนักงานยื่นการ์ดให้ฉัน เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ พี่เขาเรียกแล้ว
“นี่น้องแพร บอสเขาเป็นอะไรทำไมต้องทำหน้าดุกับหนูตลอดเลย” เขาเป็นผัวที่บ้านค่ะ แต่เป็นประธานที่ทำงาน ถ้าฉันบอกแบบนี้ออกไป มีหวังเจ้ติ๊กกี้ หรือ ติ๊ก เจษฎา คงเป็นลมล้มพับเป็นแน่
“แพรก็ไม่แน่ใจค่ะเจ้ ไม่รู้ว่าแพรไปทำอะไรให้บอสโกรธ บอสคงไม่ชอบเด็กฝึกงานมั้งคะ” จะมีอะไร้ ท่านประธานคนดีของพวกพี่น่ะ เอาแต่ใจที่สุด นี่ก็จะมาบังคับให้ฉันไปกินข้าวเที่ยงข้างนอกด้วยกัน
“เจ้ว่า บอสคงหึงที่แพรมาใกล้ชิดกับเจ้”
“โอ๊ย! บอสเขาจะมาหึงแพรทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย เจ้ก็...” ฉันตกใจมากรีบปฏิเสธทันควัน นี่ฉันกับเขาเล่นไม่เนียนเลยเหรอ เจ้ติ๊กกี้ถึงได้รู้ความลับนี้เข้า
“เจ้ไม่ได้หมายถึงหนู เจ้หมายถึงว่าบอสเขาหึงเจ้ หนูดูไม่ออกเหรอ บอสเดินมาที่ฝ่ายผลิตบ่อยมาก เจ้ว่าบอสอาจจะแอบชอบเจ้ แต่ไม่กล้าแสดงออก”
“เอ่อ เจ้แต่เจ้เป็นผู้ชายนะคะ”
“เอ๊ะ! นังนี่ เดี๋ยวตบปากแตก ใครเป็นผู้ชายยะ อย่างเจ้เขาเรียกสาวสอง อย่ามาบูลลี่นะ เพศสภาพแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแหละ จิตใจข้างในต่างหากของจริง”
“เจ้ แพรพูดแค่คำเดียวเอง ไม่ได้บูลลี่สักหน่อย โอ๋ ๆ นะคะ เมียบอสก็เมียบอส เจ้ติ๊กกี้เมียบอส โอเคไหมคะ” ฉันต้องเอาใจเจ้แกหน่อยเดี๋ยวฝึกงานไม่ผ่าน เจ้ติ๊กกี้สาวประเภทสองรูปร่างตุ้ยนุ้ยน่ารัก ท่าทางออกจะตุ้งติ้งแต่เจ้แกทำงานดีมากเลยนะ ฉันได้ยินบอสของพวกพี่บอกตลอด เป็นบุคลากรที่บริษัทควรเก็บรักษาไว้คนหนึ่งเลยทีเดียว
“ถ้าฉันเป็นเมียบอส จะรับเธอเป็นพนักงานประจำ” ฟังถึงประโยคนี้ของเจ้ติ๊กกี้ ฉันคิดว่าบางทีเราไล่บุคลากรที่ดี แต่เป็นภัยกับชีวิตคู่ของพวกเราออกบ้างก็น่าจะดี แต่ก็อย่างว่าเจ้เขาไม่รู้ว่าฉันคือเด็กท่านประธาน
“เจ้พูดแล้วห้ามคืนคำนะคะ งานยิ่งหายาก ๆ อยู่ ถ้าเจ้เป็นแฟนบอสอย่าลืมรับแพรเป็นพนักงานประจำตามที่พูดไว้ด้วยล่ะ” นั่นคือคำพูดที่ฉันต้องพูดออกไป เอาใจเจ้เขาหน่อยยังไม่อยากเปิดเผยความลับนี้ ตั้งแต่มาฝึกงานสัปดาห์แรกหรอกนะ
“อีกี้ มึงไปหลอกน้องมันทำไม” ระหว่างที่พูดกันอยู่สองคน อีกเสียงก็ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือพี่ลิลลี่ หัวหน้าฝ่ายบัญชี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ้ติ๊กกี้ เขาสนิทกันจนเรียกอี แต่แอบเรียกกันแค่ตอนอยู่กับคนที่สนิท หรือ ตอนเที่ยงและนั่งกินข้าวด้วยกันเท่านั้นนะ ไม่อย่างนั้น ‘คนอื่นได้ยินมันจะไม่งาม’ คำพูดที่เจ้ติ๊กกี้เฝ้าสอนฉัน มันไม่งามตั้งแต่คิดจะเอาบอสทำผัวแล้วค่ะเจ้
“อีลี่ กูไม่ได้หลอกน้องนะยะ ก็ช่วงนี้บอสมาที่ห้องทำงานกูบ่อยมาก ก็อย่างว่าแหละ ในเมื่อใจมันรุ่มร้อนเพราะความคิดถึง บอสคงทนไม่ได้ที่จะแอบมามองหาฉันอย่างนี้”
“อีกี้ตื่นค่ะ ตื่น! บอสเป็นของส่วนรวม มึงคิดจะอมของบริษัทหรือไง” ‘อมของบริษัท’ เดี๋ยวนะเจ้ นั่นบอสของเจ้ก็จริง แต่ผัวหนูนะคะ หนูอมได้คนเดียวไหม ฉันอยากจะร้องกรี๊ด พี่ผู้จัดการพวกนี้นอกจากกินเงินเดือนของบริษัทแล้ว ยังจ้องจะกินเจ้าของบริษัทอีก
เห็นไหมคะ ถ้าเรื่องที่ฉันเป็นเด็กท่านประธานไม่เป็นความลับ ฉันจะได้รู้อะไรสนุก ๆ แซ่บ ๆ แบบนี้ไหม ไม่มีทางหรอกจริงไหม เรื่องสนุก ๆ แบบนี้จะพลาดได้ไง เตรียมตัวไว้เลยเบ๊บคืนนี้โดนอมแน่ เฮ้ย! คืนนี้โดนดีแน่
ก่อนเปิดเทอมปีหนึ่งเทอมหนึ่ง
“ชั้นสี่สิบห้านะคะ ห้อง 452 คีย์การ์ดค่ะ” ในตอนนั้นฉันรับคีย์การ์ดมาจากพนักงานฝ่ายต้อนรับ ตรงไปยังลิฟต์แตะคีย์การ์ด ลิฟต์แก้วพาฉันไปยังชั้นที่สี่สิบห้า ห้อง 452 อยู่ติดทางเดินริมโน้น คอนโดชั้นนี้มีเพียงไม่กี่ห้องสินะดูจากจำนวนประตูที่อยู่ห่าง ๆ กัน อย่างที่บอกว่าพ่อของฉันชอบความหรูหรา
“ในที่สุดก็ได้อยู่คนเดียวเสียที” ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา โอ้แม่เจ้า ห้องนี้ถูกตกแต่งไว้แบบที่ฉันชอบเลย แนวมินิมอล เรียบหรูดูแพง ปกติพ่อจะเน้นจัดเต็มมากกว่า แต่ไม่คิดว่าพ่อจะเลือกสีนี้ให้ สงสัยโครงการเขาคงบังคับให้พ่อแต่งห้องออกมาแนวนี้มั้ง ช่างเถอะ ว่าแล้วฉันก็รีบเข้าไปอาบน้ำ ขออาบน้ำให้ชื่นใจก่อนแล้วกัน เพราะมีทำอะไรที่ตัวเองอยากทำอีกเยอะ
“นี่คือที่สุดที่อยากทำ” ฉันยืนมองอ่างอาบน้ำตีฟองเหมือนในทีวี พร้อมทั้งแก้วไวน์ ใช่ค่ะ นั่นคือไวน์ที่แพงที่สุดที่แอบจิ๊กพ่อมา ด้วยความที่ฉันเป็นคุณหนู นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างกายฉันจะได้รับแอลกอฮอล์เข้าร่างกาย
“ดีนะที่ห้องมีแก้วไวน์ด้วย สงสัยคอนโดจะแถมให้” เมื่อทุกอย่างสวยงามดังอ่างอาบน้ำของแม่สาวสุดเซ็กซี่ อย่างนี้แหละที่อยากทำ ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยอย่างที่พ่อกับแม่อยากให้เป็น ฉันอยากแต่งตัวเซ็กซี่ อยากแซ่บไม่อยากเชย
ชุดนักศึกษาที่พ่อกับแม่สั่งตัดไว้ให้เรียบร้อย ใช่ค่ะ มันเรียบร้อยมาก เพราะเรียบร้อยมากไง ฉันเลยจะเตรียมด้วยตัวเอง เหลือเวลาอีกหลายวัน ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น
เพื่อนที่ฉันจะเลือกคบน่ะเหรอ...พ่อสั่งว่ายังไงนะ
“ลูกเลือกคบเพื่อนที่ตั้งใจเรียนนะลูก ดูคนที่นั่งหน้าห้อง แต่งตัวเรียบร้อยถูกระเบียบ” ในตอนนั้นฉันยิ้มรับคำที่พ่อสอน แต่ที่ฉันจะเลือกคบน่ะเหรอ
“ใครแซ่บสุดในห้องฉันจะเลือกเธอเป็นเพื่อนฉัน”
น้ำอุ่น ๆ ฟองนุ่ม มองเห็นวิวข้างนอกหน้าต่างชั้นนี้ไม่มีใครบังเลยมันดีจริง ๆ ไหนลองจิบไวน์สิ ครั้งแรกของฉันเลยนะเนี่ย
“อร่อย ต้องอมเหรอไม่ต้องก็ได้มั้ง แบบนี้ก็อร่อยดี” ไม่คิดว่าไวน์แดงราคาแพงมันจะอร่อยอย่างที่พ่อชอบ ตอนแรกว่าจะกินแค่แก้วเดียว เอาอีกแก้วก็แล้วกัน
“ดีจังได้มาอยู่คนเดียวไม่ต้องวุ่นวาย” ถึงฉันจะเป็นลูกคนเดียวแต่ที่บ้านบอกเลยว่าคนเยอะมาก นับดูก็น่าจะเกือบสิบคน ไม่สิบคนไหวได้ยังไง ปู่ ย่า พ่อ แม่ หลาน พี่เลี้ยง ลูกของพี่เลี้ยง พี่คนขับรถทั้งสาม ใช่ค่ะฟังไม่ผิด คนขับรถที่บ้านมีถึงสามคน เพราะมีทั้งคนขับรถของพ่อ ของแม่ และของปู่กับย่า
ทั้งหมดอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉัน ตื่นเช้ามาคนก็เต็มบ้านแล้ว ยังไม่นับรวมพี่ ๆ แม่บ้านอีก แล้วแบบนี้จะหาความเป็นส่วนตัวได้จากไหน
“และวันนี้ก็มาถึง ดื่มให้กับอิสรภาพของชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่ง”