Chapter 1 หญิงเปลือยกลางป่า

1214 Words
Chapter 1 หญิงเปลือยกลางป่า เปลือกตาปิดสนิทเผยให้เห็นเพียงขนตางามงอนเป็นแพสวย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของม้านับสิบ เสียงล้อเกวียนลากสินค้านับร้อย อีกทั้งเสียงพูดคุยจอแจของคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าตรงมายังจุดที่นางแอบซุ่มอยู่ ตึก! ตึก! ตึก! หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงจนแทบกระโจนออกมานอกอก นางเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็นดวงตากลมโตราวกับดวงตาของกวางป่า ประกายตาวาววับวูบไหวราวกับมีหยาดโลหิตเจืออยู่ “ท่านพี่...” ริมฝีปากหยักได้รูปขยับช้าเอื้อนเอ่ยเรียกหาคนที่กำลังมุ่งหน้ามากับขบวนคาราวาน คนที่นางเฝ้าคิดถึงตลอดสี่ปีที่ผ่านมา คิดถึงจนแทบขาดใจ “ข้าคิดถึงท่านพี่เหลือเกิน” นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมที่อกข้างซ้าย กุมแน่นก่อนจะจิกเล็บลงบนเนื้อผ้าแล้วสะบัดแรง แคว้ก! เสื้อผ้าขาดวิ่นจนเห็นเนื้อเนินอกขาวอวบ มือเล็กเลื่อนลงต่ำฉีกทึ้งในส่วนของกระโปรงและกางเกงตัวในจนเผยให้เห็นเรียวขาขาวนวลเนียนสะดุดตา ฮี่! ฮี่! ฮี่! เสียงม้าใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา เสียงล้อลากเกวียนนับร้อยกระทบกรวดหินและผืนดินที่แห้งระแหงดังราวกับแผ่นดินจะเลือนลั่น นางหันไปมองชายท่าทางกักขฬะที่ยืนอยู่ด้านหลัง พวกเขากำลังมองมายังนางด้วยความเคารพนบนอบ ริมฝีปากสวยหยักยิ้มน้อยๆ คล้ายหัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณบางอย่างให้ชายทั้งสาม “กรี๊ด!” จู่ๆ นางก็หวีดร้องเสียงดัง ก่อนจะวิ่งออกไปจากที่หลบซ่อน ทรุดกายลงนั่งกับพื้นถนน ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ไหล่บางสั่นเทิ้มสะอึกสะอื้นราวกับกำลังหวาดผวา “คิดเหรอว่าจะหนีพวกข้าพ้น!” เสียงเหี้ยมกอปรกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ดวงตาจ้องเขม็งมอง ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมา แล้วกระโจนเข้ากอดรัดปลุกปล้ำหญิงสาวเคราะห์ร้ายอย่างป่าเถื่อน “อย่านะ! ได้โปรดปล่อยข้า!” หญิงสาวหวีดร้องจนตัวสั่น สองมือทุบตีด้วยพละกำลังอันน้อยนิด ทว่าพวกมันกลับฉีกทึ้งเสื้อผ้าส่วนที่เหลือของนางอย่างไม่ไยดี แคว้ก! กรี๊ด! เสียงกรีดร้องของนางดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ชายคนหนึ่งซึ่งร่างสูงใหญ่ที่สุดจัดการต่อยเข้าที่ท้องน้อยของหญิงสาวเต็มแรง อั๊ก! นางทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ทว่าน้ำตายังคงไหลเป็นสายด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ มันตรงเข้าอุ้มนางขึ้นพาดบ่าอย่างผู้กำชัยชนะ ทว่าจังหวะนั้นเองที่ขบวนคาราวานของพ่อค้ามาถึง พร้อมกับชายคนหนึ่งที่กระโจนลงจากหลังม้าพร้อมกับดาบในมือ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” “เฮ้ย! ไอ้หน้าจืด แม่นางคนนี้เป็นของข้า เจ้าอย่าแส่หาเรื่องเจ็บตัวเลยดีกว่า” ชายท่าทางกักขฬะแลบลิ้นเลียที่ปลายดาบ ก่อนจะจ่อดาบไปที่ลำคอของตนเองอย่างข่มขู่ “คะ...คุณชาย ดะ...ได้โปรดช่วยข้าด้วย” หญิงสาวพยายามเงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงสั่นเครือออกไป จังหวะที่เหวินถิงเว่ยได้สบตากับหญิงสาวเคราะห์ร้ายราวกับโลกทั้งใบได้หยุดนิ่ง หัวใจดุจน้ำแข็งที่ด้านชามากว่าสี่ปีกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง “ระ...รั่วอิง” จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อ ‘เจิ้งรั่วอิง’ เมียรักได้เสียชีวิตไปถึงสี่ปีแล้ว หากนางยังมีชีวิตอยู่ปีนี้นางคงอายุยี่สิบเอ็ดปี ทว่าหญิงตรงหน้ากลับมีใบหน้าละอ่อนราวกับเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้ไม่นาน แค่คนหน้าเหมือน! แต่เหตุใดจึงเหมือนราวกับคนคนเดียวกันเช่นนี้! “เฮ้ย! ถอยไปสิวะ เกะกะ!” เมื่อเห็นว่าคุณชายหน้าใสเอาแต่ยืนนิ่ง โจรหื่นกามหมายจะฉุดคร่าหญิงสาวก็ตรงเข้าผลักแรงๆ ที่อกของอีกฝ่ายเพื่อให้หลีกทาง “ปล่อยนาง!” ถิงเว่ยกัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมเจรจาแน่ เขาก็ผิวปากสั่งให้ลูกน้องนับยี่สิบคนกรูกันเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือ “ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!” เขาออกคำสั่งดังลั่น ยื่นปลายดาบไปยังพวกมันฉายชัดว่าเขาเอาจริงและจะไม่ออมแรงอย่างเด็ดขาด โจรที่รอคอยจังหวะนี้มานานแล้วก็แสร้งทำท่าตกใจกลัวเมื่อเห็นจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่าตัว รีบทิ้งหญิงสาวลงกับพื้นแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุน “แม่นางเป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อตัวนอกสีน้ำเงินครามของตนเองออกแล้วห่อคลุมเรือนร่างเกือบโป๊เปลือยเอาไว้อย่างเบามือ นางตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำ ดวงตาแดงช้ำอย่างคนที่ร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกจนหัวใจของเขาปวดร้าว “ขะ...ข้ากลัว” นางตอบออกมาเพียงเท่านั้นก่อนจะซุกหน้าเข้าหาอกกว้างราวกับต้องการที่ป้องกันภัย คุณชายหกแห่งตระกูลเหวินเห็นว่านางบอบช้ำและยังคงไม่พร้อมที่จะตอบคำถาม เขาจึงค่อยๆ ประคองร่างของนางขึ้นอุ้ม แล้วตรงไปยังเกวียนขนาดใหญ่ที่เขาตกแต่งไว้คล้ายเกี้ยว คือมีหลังคาและฉากผ้าปิดกั้นเป็นสัดส่วน ซึ่งเขาทำไว้สำหรับนอนพักระหว่างการเดินทางขนส่งสินค้าระหว่างแคว้นที่กินระยะเวลายาวนานนับเดือน ฮึก ฮึก... เสียงสะอื้นฮักทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะปล่อยอ้อมแขนที่โอบกอดนางเอาไว้ จึงยังคงนั่งอยู่ข้างๆ เช่นนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายประดังเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์โถมเข้าหาชายฝั่ง ‘เหมือนเหลือเกิน นางเหมือนเมียรักที่ตายไป เหมือนกระทั่งกลิ่นกายที่อบอวลอยู่ปลายจมูกเขาในเวลานี้’ น้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยในเวลานี้หาได้มาจากการเสแสร้งแกล้งทำ แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง และความอาลัยรักที่มีต่อสามี ชาติก่อนนั้นนางเห็นสามีเป็นดั่งผืนฟ้า เขาคือชีวิต คือลมหายใจ คือเลือดเนื้อในกายทุกหยาดหยด การที่หญิงสาวบ้านนอกไม่มีความรู้ได้แต่งงานกับคุณชายมีชาติตระกูลนั้นเป็นความฝันที่เกินเอื้อม ชีวิตของนางเหมือนถูกจับพลิกหงายขึ้นสูงโดยไม่ทันตั้งตัว นางถูกยกให้เป็น ‘ฮูหยินเอก’ ทั้งที่ไม่มีตระกูลใหญ่หนุนหลัง แต่เพราะความรักที่สามีหยิบยื่นให้และพร้อมจะกางแขนปกป้อง จึงไม่อาจมีใครคัดค้านการแต่งงาน การเมืองในจวนสกุลเหวินร้อนระอุเมื่อชายหนุ่มมีอนุภรรยาที่มารดาจัดหามาให้ถึงแปดนาง แน่นอนว่าเป็นการได้มาโดยที่เขาไม่สมัครใจ แต่จำต้องรับไว้เพราะเป็นการขอร้องแกมบังคับของมารดา อนุภรรยาเหล่านั้นไม่เคยได้รับความรัก ไม่เคยได้รับการยกย่องจากชายหนุ่ม จึงก่อเกิดความริษยาชิงชังและหาทางรังแกนางลับหลังทุกครั้งที่มีโอกาส
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD