ตอนที่ 1
นิยายชุด "มุกลุงดำ"
ประกอบไปด้วยนิยายสั้น 2 เรื่องด้วยกัน
1.มุกลุงดำ
2.มุกดาพาเพลิน
เริ่มตอนที่ 1
‘ชาลี’ ก้าวเท้าลงจากรถโดยสารประจำทางคันเก่าสุดๆ หลังจากนั่งทำใจอยู่นานจนผู้โดยสารคนอื่นๆ จ้องเขาเป็นตาเดียว ก็จะไม่ให้เขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร เมื่อโรงเรียนที่เขาต้องมาประจำการนับจากวันนี้เป็นต้นไป นั้นมีสภาพที่... ไม่คาดคิด
เขารอผลสอบบรรจุครูอยู่หลายปีและก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อสอบบรรจุได้ที่โรงเรียนแห่งนี้ เขาวาดฝันว่าที่นี่ก็คงไม่ต่างจากโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่เขาเคยเรียนสมัยเด็ก แต่เขาคิดผิด เพราะที่แห่งนี้ช่างแตกต่างจากที่เขาวาดฝันได้มาก
โรงเรียนประจำตำบลเล็กๆ ในภาคตะวันออกที่เขาจากมา แตกต่างจากโรงเรียนประจำตำบลในจังหวัดเขตติดต่อชายแดน จนคาดไม่ถึง
เริ่มจากตำบลนี้รถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ไม่ผ่าน เขาต้องลงที่อำเภอเมืองและต่อรถเมล์แดงไม่ปรับอากาศมาที่นี่ เส้นทางคดเคี้ยวตลอดทางโยกตัวเขาไปมาจนหัวสั่นหัวคลอนทำให้วิงเวียนจนต้องควักยาดมออกมาสูดตั้งหลายฟอด ภาวนาให้ระยะทาง 15 กิโลเมตร ตามที่คนขับรถบอกสิ้นสุดลงสักที และ 1 ชั่วโมงกว่าที่ยาวนานกว่าปกติก็สิ้นสุด แต่เขาต้องเดินไปตามทางดินลูกรังที่ป้ายไม้เก่าๆ ปักไว้บอกระยะทาง 700 เมตร
“ก็ไม่ไกลเท่าไหร่”
ชาลีบอกตัวเองแบบนั้นก่อนจะหันซ้ายแลขวาสำรวจพื้นที่โดยรอบ เพราะนับจากนี้ไปเขาต้องอยู่ประจำที่นี่ คงอีกนานหากจะมีโอกาสได้ย้าย
บ้านเรือนแต่ละหลังค่อนข้างห่างไกลกัน ดังจะเห็นหลังคาห่างกันอยู่ลิบๆ อีกทั้งตัวอำเภอก็ห่างออกไป 15 กิโลเมตร ก็ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง และจากที่สอบถาม รถโดยสารประจำทางจะวิ่งแค่วันละ 3 รอบ คือ เช้า กลางวัน และเย็น หากเขาจะเข้าตัวเมืองก็ต้องวางแผนเดินทางไว้ให้ดี
‘จ๊อกกกกก...’
และเสียงท้องเจ้ากรรมก็บ่งบอกว่าเขาต้องหาที่ซื้อของกิน ตลาดอยู่ที่ไหน? อยู่ห่างไกลความเจริญมากขนาดนี้ ถ้าหิวขึ้นมากลางดึกจะทำยังไง เซเว่น? บิ๊กซี? โลตัสน้อยๆ ที่เขาเห็นอยู่ที่ตัวอำเภอเมื่อครู่ ที่ตำบลแห่งนี้มีไหม?
แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องไปให้ถึงโรงเรียนก่อน โน่น... เขาเห็นธงชาติอยู่ไหวๆ
“หนุ่ม! จะมาเป็นครูใหม่ที่นี่เรอะ”
ชาลีหันตามเสียงเรียกของลุงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถโดยสารที่ยังจอดสงบนิ่งเพราะคนขับรถลงมาตรวจดูสภาพยาง เขายิ้มให้ลุงเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“ใช่ครับลุง ผมมาเป็นครูใหม่ที่นี่ ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“อืม... ดีแล้วล่ะจะได้มาช่วยกันสอนเด็ก ครูแพรวดาวคงดีใจที่มีครูมาแบ่งเบา ลุงเห็นครูเหนื่อยแต่ละวันแล้วสงสารแกจริงๆ”
‘แพรวดาว’ ชื่อครูผู้หญิง ต้องไม่ใช่คุณครูสาวแก่ ใส่แว่น มวยผมหรอกนะ
“ลุงครับ... แล้วที่นี่ซื้อกับข้าวกันที่ไหนเหรอครับ”
“ในหมู่บ้านโน่นมีตลาดเช้า เดี๋ยวครูให้ไอ้ทิดดำมันพาไปล่ะกัน”
“ทิดดำเหรอครับ”
“อืม... ภารโรงน่ะ”
ชาลีพยักหน้ารับคำพร้อมยกมือไหว้ เมื่อคนขับกำลังจะเคลื่อนรถออกไป จากนั้นก็หันหน้ามองตรงไปยังถนนดินลูกรังแดง “เอาวะ! เอากันสักตั้ง ให้มันรู้ไปสิว่าคนอย่างเราจะทำไม่ได้” พูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะมุ่งหน้าเดินตรงไป
และเขาก็พบว่าทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัวไว้ตั้งแต่คราแรก เพราะครูแพรวดาวเป็นครูสาววัย 28 ปี แก่กว่าเขา 2 ปี แต่เธอกลับมีหน้าตาสะสวย กิริยาเรียบร้อย และที่สำคัญคือยังโสด
เมื่อเขามาบรรจุเป็นครูใหม่ที่นี่ สรุปโรงเรียนแห่งนี้ก็จะมีนักเรียน 35 คน มีครู 2 คน คือเขาและครูแพรวดาว รวมนักการภารโรง 1 คน คือทิดดำหรือลุงดำ ตามที่ครูแพรวดาวเรียก
ตอนที่เขามาถึง ลุงดำแนะนำว่าบ้านพักครูมีหลายหลัง ให้เขาเลือกได้เลยว่าอยากนอนหลังไหน ซึ่งตอนนี้ลุงดำย้ายจากนอนที่โรงเรียนมานอนหลังที่ติดกับครูแพรวดาว เพราะครูคนก่อนเกษียณไปแล้ว บ้านพักครูทั้งแถบจึงมีครูแพรวดาวอยู่คนเดียว ลุงดำจึงปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านและผู้ปกครองเด็กหลายคน ทุกคนเห็นควรให้ลุงดำมานอนบ้านหลังติดๆ กับครูแพรวดาว เพราะครูแพรวดาวเป็นครูสาวโสด เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้คอยช่วยเหลือกันได้ และข้าวของในโรงเรียนก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงที่ต้องกลัวคนมาขโมย
พอลุงดำบอกแบบนั้น เขาจึงเลือกบ้านหลังถัดไป ด้วยเหตุผลคืออยู่กันเป็นกลุ่มก้อน จะได้คอยช่วยเหลือกันได้อีกทาง แต่ความจริงนั้นก็อยากสานสัมพันธ์กับครูสาวสวย อยู่ห่างไกลบ้านแบบนี้ การมีความรักหล่อเลี้ยงคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร