บทที่ 9
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธฉันได้เลยสักคน”
วาจาหยิ่งผยองแสนอวดดีของผู้ชายที่กำลังลูบไล้ไปทั่วสัดส่วนอวบอัดไม่ได้ทำให้ญานิดามีแรงต่อต้านมากกว่าเดิมเลย แต่ทว่ามันกลับลดน้อยถอยลงอย่างน่าหดหู่ใจ แถมเจ้าความรู้สึกบางอย่างที่หล่อนพึ่งค้นพบว่ามีก็กำลังคุกรุ่นอยู่ในอก
“รวมทั้งเธอด้วย ญานิดา”
และทุกอย่างก็หยุดหมุนอีกครั้ง เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวดุดันกดทับลงมา เขาดูด เขากลืน เขาไล้เลียกลีบปากสาวด้วยลีลาช่ำชอง มันดื่มด่ำซาบซ่านจนกายสาวสั่นระริก ความตื่นเร้าปลุกปั่นอยู่ในเรือนกาย เลือดสาวเดือดพล่าน ร้อนฉ่า จนเผลอจูบตอบจุมพิตหนักหน่วงนั้นออกไปด้วยกิริยางกเงิ่น แต่ไอ้อาการไร้เดียงสาแบบนี้ยิ่งเพิ่มเชื้อไฟให้กับลูเซียสมากขึ้นทวีคูณ
ชายหนุ่มบดขยี้จนหนำใจ ค่อยๆ แทรกลิ้นเข้าไปในอุ้งปากหวานของสาวน้อยที่ระทดระทวยอยู่บนตักอย่างกระหายจัด ดื่มด่ำอยู่กับความหวานล้ำปานน้ำผึ้งป่าอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะยุติทุกอย่างลงอย่างเสียดาย เมื่อรถใกล้จะเลี้ยวเข้าสู่ประตูใหญ่ของสายการบินของตัวเอง
มือใหญ่ยกร่างงามที่อ่อนปวกเปียกลงจากตัก ก่อนจะเอื้อมไปกดปุ่มเพื่อสั่งคนขับรถเสียงพร่าติดกระด้าง
“จอดรถตรงนี้”
รถหยุดเคลื่อนที่ตามคำสั่งทันที และสายตาคมกล้าลึกล้ำก็ตวัดมองมา ญานิดาหน้าลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ยังกรุ่นอยู่ในอก หัวใจกำลังจะละลายกับความวาบหวามที่เกิดขึ้น เนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับกำลังจับไข้
“ลงไปซะ ฉันไม่อยากให้ใครเห็นเธอลงจากรถของฉัน”
น้ำเสียงอำมหิตจนหญิงสาวรู้สึกสะท้อนอยู่ในอก น้ำตาซึมขอบตา ทั้งอับอาย ทั้งขายหน้าจนไม่อาจจะทนสู้สายตาคมๆ ของคนใจร้ายได้อีกต่อไป มือบางลนลานควานหาที่เปิดรถ และเมื่อพบก็เปิดมันออกไป ก่อนจะก้าวลงไปจากรถทันที โดยไม่คิดจะหันกลับมามองลูเซียสแม้แต่นิดเดียว
‘จะต้องมองทำไมล่ะ คนใจร้ายแบบนี้ เขาบังคับให้หล่อนขึ้นรถมาด้วย และก็จูบหล่อนราวกับตายอดตายอยากมาจากไหน จากนั้นก็ไล่หล่อนลงจากรถอย่างใจดำ เพียงเพราะไม่ต้องการเสียชื่อเสียงของตัวเอง ผู้ชายคนนี้อำมหิตเหลือเกิน หล่อนจะไม่มีวันอยู่ใกล้ๆ เขาอีก’
พยายามซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์ ขณะมองตามรถคันหรูที่ตัวเองพึ่งถูกถีบลงมาด้วยความเจ็บช้ำ มือบางกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ เดินเข้าไปในที่ทำงานของตัวเองทันที หล่อนต้องทำให้ได้แบบลูเซียส ต้องทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะทำได้ไม่ดีนักก็ตาม
“นิดา มากับท่านประธานเหรอ”
เสียงสดใสที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของอังศุมาลิน พนักงานฝ่ายบุคคลเพื่อนสนิทของตัวเองดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในตัวตึกใหญ่ของที่ทำการสายการบินแล้ว
ญานิดารีบปั้นยิ้ม ค่อยๆ หันหน้าไปหาเพื่อนสาวคนสวย
“ปะ...เปล่านะ ไม่ใช่”
คิ้วโก่งดังคันศรของอังศุมาลินที่อยู่เหนือดวงตากลมโตหวานซึ้งเลิกขึ้นน้อยๆ ก่อนที่เรียวปากอิ่มเต็มสีแดงสดที่อยู่ใต้จมูกโด่งเชิดงดงามจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยความสงสัยออกมา
“อ้าวเหรอ งั้นเมื่อกี้อังคงมองผิดไป เอ่อ แล้วนั่นปากไปโดนอะไรมาหรือนิดา”
ญานิดาหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับละล่ำละลักแก้ตัวออกไปอย่างมีพิรุธ
“หกล้ม นิดาหกล้มจ้ะ”
แม้จะไม่อยากเชื่อนัก แต่อังศุมาลินก็เลือกที่จะพยักหน้าออกไป
“อืม แล้วนี่หายาทาหรือยังล่ะ อังพาไปห้องพยาบาลเอาไหม”
ญานิดารีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวก็คงหายแล้ว”
อังศุมาลินพยักหน้ารับหงึกๆ เลิกเซ้าซี้เพื่อนรัก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที
“แล้วเย็นนี้นิดาจะไปเป็นเพื่อนอังหรือเปล่า”
“ไปไหนหรืออัง?”
ญานิดาระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าตึง
“อย่าทำหน้าบึ้งสิจ๊ะ นิดาแค่ล้อเล่น จำได้สิว่าวันนี้อังต้องไปแอบมองพ่อหนุ่มขายผักสุดหล่อ”
แก้มสาวของอังศุมาลินแดงก่ำเมื่อได้ยินคำแซวจากปากของเพื่อนรัก
“อย่ามาล้ออังนะ ตัวเองไม่หลงรักใครบ้างก็ให้มันรู้ไป เอ่อ...ลืมไป นิดามีพี่กรรชัยเป็นคนรักแล้วนี่นา”
คำพูดของเพื่อนสนิททำเอาญานิดาต้องพ่นลมออกจากปากแรงๆ
“อังก็รู้ว่านิดาไม่ได้รักพี่ชัย ที่ยอมคบด้วยก็เพราะบุญคุณ”
อังศุมาลินเห็นเพื่อนหน้าเศร้าก็ตัดบท
“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ว่าแต่ห้ามลืมนัดของอังนะ ไปทำงานก่อน แล้วเย็นนี้ค่อยเจอกัน”
“ไปเถอะจ้ะอัง นิดาก็ต้องขึ้นไปที่แผนกบัญชีเหมือนกัน”
สองสาวโบกมือให้กัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ลูเซียสนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ตอนนี้หัวใจและร่างกายของเขาเข้าขั้นวิกฤตเสียแล้ว ไม่ว่าจะมองอะไรก็เห็นเป็นหน้าของญานิดาเสียหมด
“ยายบ้า นี่เธอทำอะไรกับฉันนะ”
คำรามออกมาอย่างเดือดดาล นึกเกลียดชังตัวเองยิ่งนัก ที่วันนี้ก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้ จูบเจ้าหล่อนอีกแล้ว และท่าทางเจ้าความใฝ่ต่ำน่ารังเกียจนี้จะไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ ด้วย เพราะร่างกายยังเรียกร้องหาผู้หญิงที่ชื่อญานิดาไม่ยอมหยุด แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า เจ้าหล่อนไม่คู่ควรกับผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างตัวเองสักนิดก็ตาม
มือใหญ่เข้าหากันแน่น ก่อนจะฟาดแรงๆ ลงบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน หัวใจร้อนระอุจนไม่อาจจะฝืนนั่งทำงานได้ต่อไปอีก
ลูเซียสลุกขึ้นเต็มความสูง ก้าวอ้อมโต๊ะทำงานไม้โบราณขนาดใหญ่ออกมา มุ่งหน้าตรงไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว มือใหญ่กระชากบานประตูออกจากกันแรงๆ ก่อนจะก้าวเดินออกไปทันที
“คุณเอมี่ ตามผมลงไปที่แผนกบัญชีหน่อย”
“ไปแผนกบัญชี? ท่านประธานต้องการอะไรด่วนหรือคะ ให้ดิฉันลงไปหยิบให้...” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกตัดบทเสียงกระด้าง
“ผมบอกให้ตามผมมา หูแตกหรือไง”
“ค่ะๆ ท่านประธาน”
ชายหนุ่มคำรามออกมาเสียงไม่พอใจ ก่อนจะก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ส่วนตัวของตัวเองเพื่อลงไปยังแผนกบัญชีที่อยู่ชั้นสามทันที เอมี่รีบวิ่งใช้ลิฟต์สำหรับพนักงานที่อยู่อีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วเพื่อตามเจ้านายเจ้าอารมณ์ของตัวเองลงไปทันที