มองหน้าลูกชายแล้วหันไปมองหน้าบิดาสลับไปมา สองภาพซ้อนทับกันช่างดูละม้ายคล้ายคลึงยิ่งนักทั้งจมูกปากและคิ้วคาง คำพูดของลูกชายที่ได้ยินทำเอาซุ่ยเสียนเสียววาบขึ้นมาที่สันหลัง และดูเหมือนหนานกงจะรู้ จึงช่วยดึงความสนใจของลูกชายออกมาจากประโยคเมื่อครู่ “เอ่อ… หนานเปียน… เจ้าจะออกเดินทางวันมะรืนใช่ไหม… ” หนานกงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ใช่แล้วท่านพ่อ สาเหตุที่ข้าต้องออกเดินทางวันมะรืน… ก็เพราะรอผ้าไหมอีกส่วนที่ยังทอไม่เสร็จ… ทำให้ต้องเลื่อนการเดินทางออกไปอีกวัน… ” หนานเปียนกล่าว ไขข้อสงสงสัยของบิดาถึงสาเหตุที่ต้องเลื่อนการเดินทางออกไปจากกำหนดเดิมคือพรุ่งนี้ อีกสามวันต่อมา เมื่อถึงเวลาที่เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาหลายวัน หลังจากลูกชายต้องออกเดินทางเอาผ้าไหมไปขายยังต่างเมือง หนานกงก็เข้ามาพักที่บ้านใหญ่ ทั้งที่ปกติจะไปนอนที่บ้านอีกหลังอยู่ติดกับโรงทอผ้า หนานกงจดๆ จ้องๆ รอจนกระทั่งซุนหนี่สาวใช้ของซุ่ยเ