ยามอิ๋นไป๋ซู่ฮวาค่อยๆเอาแขนที่โอบเอวนางออกก่อนจะใส่เสื้อผ้าวันนี้นางต้องขึ้นเขา หาสมุนไพรบางอย่างมารักษาสิวบนหน้าอาเล็ก อยากเข้าเมืองอีกครั้งแต่ต้องรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน มองดูคนตัวโตที่นอนหลับอยู่ก็นึกสงสาร เขาต้องว้าเหว่เพียงใดกันแม้จะเป็นความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมแต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้นางเริ่มมีใจให้บุรุษตรงหน้าแล้ว จึงยอมเขาถึงเพียงนี้ ก่อนจะลุกไปเข้าครัวจึงอดไม่ได้ก้มลงจูบปลายคางเขา
"ท่านพี่ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมออย่าทุกข์ใจเลยนะเจ้าคะ หากท่านเหงาข้าจะมีลูกให้ท่านสักหลายๆคน"
จากนั้นก็ลุกไปทำอาหารนางนอนต่อเกรงว่าจะหลับแล้วตื่นสาย ร่างบางเดินออกจากห้องไปแล้วหยางหนิงเฉิงที่หลับอยู่ก็ลืมตา นางบอกว่าจะมีลูกให้เขาหลายๆคน ช่างเป็นสตรีน่ารักอะไรเช่นนี้เมียเขาน่ารักเป็นบ้า ก่อนจะยิ้มมีความสุข อาหลี่กับเสี่ยวจิ้งได้ยินเสียงไป๋ซู่ฮวาตื่นก็รีบออกมาช่วย
"นอนเถอะ ข้าทำเองได้อ้อวันนี้จะขึ้นเขาใครจะไปเป็นเพื่อนข้าบ้าง ข้าอยากหาสมุนไพรน่ะ"
"อาซ้อ อาหลี่ไปดีกว่าขอรับให้เสี่ยวจิ้งอยู่ดูแลองค์ เอ่อน้องชายกับน้องสาวดีกว่า"เกือบหลุดปากแล้วเชียวอาหลี่อยากเขกหัวตัวเอง
ไป๋ซู่ฮวาใช้ให้สองคนนี่ไปจับปลามาเมื่อวาน เมื่อคืนแช่ถัวเหลืองไว้มีโม่เก่าๆอยู่จึงนำไปล้างจนสะอาดเริ่มโม่ถั่ว จากนั้นก็นำมากรองและนำไปต้มทำน้ำเต้าหู้เช้านี้ ต้องขึ้นเขาจึงทำซาลาเปาไส้เห็ดที่เด็กๆช่วยกันเก็บมากับซาลาเปาไส้ผัก มีน้ำแกงปลารวมถึงน้ำไข่ตุ๋น หุงข้าวสวยเสร็จแล้วก็ต้มน้ำล้างหน้ายามเหมาพอดี ผสมน้ำยกไปให้หยางหนิงเฉิงในห้องก่อนจะปลุกเขาขึ้นมาเช็ดตัว หยางหนิงเฉิงเห็นเหงื่อที่ซึมก็อดสงสารนางไม่ได้
"คนดีเหนื่อยมากแล้วเดี๋ยวข้าทำเอง"
"ไม่เป็นไร ท่านอย่าขยับมากนักจะได้หายไวไวข้ายังรอให้ท่านมาช่วยหาเลี้ยงอยู่นะ"
ไป๋ซู่ฮวาเช็ดตัวให้เขาอย่างอ่อนโยน นางเหมือนเสด็จแม่จริงๆเสด็จแม่ที่มีแต่ความอ่อนโยน มีแต่ความรักให้เขาถึงแม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่ไยดีแต่เสด็จแม่ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเขาสักครั้ง เช็ดตัวเขาเสร็จแล้วจึงยกน้ำเต้าหู้มาให้
"ท่านลองชิมดูสิว่าอร่อยหรือไม่ ข้าเพิ่งทำครั้งแรก"
หยางหนิงเฉิงดื่มน้ำเต้าหู้จนหมด หวานหอมยิ่งนักเขาส่งชามคืนก่อนจะอ้าแขนรอ ไป๋ซู่ฮวามานั่งใกล้ๆก่อนจะเอนตัวให้เขากอดซบหน้ากับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจของหยางหนิงเฉิง สักพักก็ลุกขึ้น
"ต้องไปดูเด็กๆแล้ววันนี้ขึ้นเขาจะพาอาหลี่ไปด้วยท่านอย่าลงมาเดินมากนักหมอหยุนบอกว่าอีกหนึ่งเดือน เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อน"
"รู้แล้วขอรับฮูหยิน สามีของท่านจะเต็มใจเชื่อฟังขอรับ"
ไป๋ซู่ฮวาค้อนเขาก่อนจะเก็บชามไป
"เสี่ยวหยาง ปลุกน้องๆได้แล้ว วันนี้พี่มีธุระ"
ไป๋ซูหยางพาเด็กทั้งสองเดินออกมาก่อนเอ่ยกับคนด้านใน
"อรุณสวัสดิ์ขอรับพี่เขย อรุณสวัสดิ์พี่อาหลี่อรุณสวัสดิ์พี่เสี่ยวจิ้ง" ไป๋ซู่หยางทักทายทั้งสามคนพวกเขาพยักหน้า ไป๋ซู่ฮวาสั่งสอนน้องชายได้ดีจริงๆ
เด็กๆล้างหน้าก่อนจะวิ่งมาหา
"พี่สะใภ้หอมจังเลยเจ้าค่ะ หนิงหรงได้กลิ่นอาหารต้องอร่อยแน่ๆ"
"น้องเล็ก พี่ใหญ่บอกให้สำรวมมิใช่หรือ อย่ากวนพี่สะใภ้สิ"
ไป๋ซู่ฮวาลูบศีรษะเด็กทั้งสอง ยิ้มให้ก่อนจะเอ่ย
"ไม่เป็นไรคนใรครอบครัวไม่จำเป็นต้องจริงจังเช่นนี้ มาเถอะพี่ทำน้ำเต้าหู้ไว้ให้มาดื่มสักหน่อย ไว้พี่หาแพะได้อีกหน่อยจะได้ดื่มนมแพะทุกวันตัวจะได้สูงๆดีไหม"
ไป๋ซูหยางเก้าขวบแล้วแต่ร่างกายเหมือนเด็กเจ็ดขวบอยู่เลย ตั้งพ่อแม่จากไปสองพี่น้องไม่อิ่มสักมื้อ หากวันไหนป่วยทำงานไม่ได้ก็ต้องอดข้าว
รอดชีวิตมาได้เพราะอาเล็กที่แอบเอาอาหารมาให้กับอาสามที่มักซื้อเสบียงมาฝากอาเล็กที่อยู่ท้ายเรือนและมีของนางด้วย เพราะท่านปู่ท่านย่าเองก็รังเกียจบุตรสาวอัปลักษณ์เช่นกันอาเล็กจึงไม่ได้กินดีนัก
ไป๋ซู่ฮวาเตรียมอาหารสำหรับสองคนเพื่อขึ้นเขา จากนั้นก็นั่งกินข้าวกับเด็กๆ หยางหนิงเฉิงกินเองนางจึงไม่ต้องยุ่งวันนี้ เดิมทีหยางหนิงเฉิงไม่อยากให้นางขึ้นเขา สมุนไพรหรือเนื้อกวางเนื้อหมูป่าแค่สั่งคำเดียวก็ได้แล้ว แต่เพาะวันนี้คนของเขาจะมาส่งข่าวจึงจำเป็นต้องยอมไป๋ซู่ฮวา
ยามเฉินไป๋ซู่ฮวาเข้าไปหาเขานำยาไปให้ก่อนจะออกเดินทาง อาหลี่กับนางสะพายตะกร้าคนละใบ ข้าลำธารเล็กๆ ทางขึ้นเขาไม่ลำบากนัก
สมัยทำวิจัยนางสามารถเดินข้ามเขาเป็นลูกๆได้ แต่ยุคนี้ต่างกันสัตว์ป่าค่อยข้างั้นดุร้ายมากกว่านัก ไป๋ซู่ฮวาต้องการหาเมล็ดพันธุ์และเครื่องเทศเช่นโป๊ยกั๊ก พริกไทย หรือเถามัน สมุนไพรสำหรับรักษาหน้าให้อาหญิง
อาหลี่กับไปซู่ฮวาได้สมุนไพรมามากมาย ทั้งแก้หวัดแกไข้ แก้ปวดท้องอีกทั้งยังได้ผลไม้ป่าหลายชนิด อยากเดินเข้าไปลึกอีกหน่อยเผื่อจะได้สัตว์บ้าง เงินที่รีดไถมาจากชาวบ้านกับจางชุน หากซื้อทุกมื้อคงไม่ไหว
"อาหลี่ นั่นต้นพริกนี่ไปเด็ดกันเถอะ อะ ตรงนั้นมีโป๊ยกั๊กด้วย อืมบนเขามีของดีจริงๆ นี่อาซ้อว่าจะทำเต้าหู้หากทำเสร็จแล้วจะให้เจ้าไปจับปลามาสักสองตัว อาซ้อจะทำหัวปลาหม้อไฟให้กิน มีเต้าหู้ขาวๆเด้งๆด้วยอร่อยมากนะ ใส่พริกให้เผ็ดนิดหน่อย"
ไปซู่ฮว่าบรรยายจนอาหลี่กลืนน้ำลาย มือก็ช่วยเด็ดพริก ไป๋ซู่ฮวาค่อยๆใช้เสียมเล็กๆแซะต้นกล้าที่ขึ้นตามธรรมชาติได้สิบกว่าต้น นางใส่ไว้ที่ตะกร้าด้านบนสุด
เจอเถาวัลย์เส้นเล็กเหมาะที่จะทำตะกร้าสานไว้ดักปลาจึงตัดมาได้มัดใหญ่
"อาหลี่ ลองเดินเข้าไปอีกหน่อยไหมเผื่อได้ไก่หรือกระต่ายป่าสักตัวสองตัว เนื้อหมูที่ซื้อมาเหลือน้อยแล้ว"
"อาซ้อข้าไปล่าเองท่านรออยู่ที่นี่ดีกว่า ในป่าลึกอันตรายขอรับ"
ไป๋ซู่ฮวาบอกไม่เป็นไร ทิ้งนางไว้คนเดียวอันตรายมากกว่า ทั้งคู่จึงดินเข้าไปอีกหน่อย เดินมาไม่ถึงครึ่งเขาก็ได้ยินเสียงสัตว์ป่าต่อสู้กัน อาหลี่บอกให้นางปีนขึ้นไปบนต้นไม้
ส่วนตัวเขาเองเห็นนางอยู่บนคบไม้ปลอดภัยดีแล้วก็ไปดูยังที่มาของเสียง ก็ปรากฏว่ามีเสือได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนหายใจรวยริน ใกล้ๆกันพบซากหมาป่าเจ็ดแปดตัว
"อาซ้อ มีเสือบาดเจ็บกับซากหมาป่าขอรับ เอ่อเอาอย่างไรดี" อาหลี่ถามไป๋ซู่ฮวาที่นั่งอยู่บนคบไม้
"เสือบาดเจ็บมากไหม หากมันไม่ไหวก็จัดการให้มันพ้นทุกข์เถอะ วันนี้ไม่ไปต่อแล้วมีซากสัตว์ตายเกลื่อนอาจเรียกนักล่าตัวอื่นมา อาหลี่หากเราเอาพวกมันลงไปทั้งหมดคงไม่ไหว เลือกหมาป่าตัวที่หนังเสียหายน้อยที่สุดแล้วกัน "
"เอ่อข้ามีเพื่อนเป็นนายพรานอยู่บนเขา จะให้เขาช่วยเราเอาพวกมันลงไป เนื้อหมาป่าขายให้กับเห็นลาอาหารได้ขอรับ"
"อืม ข้าไม่กินหมาป่า เอาไปขายแล้วกัน ให้เขาเก็บหนังไว้ให้ข้าด้วยจะทำเสื้อกั๊กให้พี่ชายเจ้า เห็นบอกว่าเขาจะเดินทางไกล อากาศที่นั่นหนาวเหน็บนัก"
อาหลี่พยักหน้า ก่อนจะผิวปากส่งสัญญาณเขาเดินไปคว้าร่างเสือที่เพิ่งสิ้นใจกับหมาป่าอีกสองตัว มัดใส่ไม้ก่อนจะแบกลงเขา
พระชายาช่างดีเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะท่านพวกเขาคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มท่านอ๋องหรอก ตั้งแต่พระบิดารับคนรักมาเป็นอนุทั้งที่ศพสามีนางยังไม่ครบสี่สิบเก้าวัน ท่านอ๋องกลายเป็นคนฉุนเฉียว อารมณ์เสียง่าย มีเพียงเสด็จแม่ของพระองค์ที่ทำให้ท่านอ๋องยิ้มได้
ฝ่าบาทสงสารที่พระเชษฐาของตนทำเรื่องทำร้ายจิตใจบุตรชายอย่างท่านอ๋อง จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นอ๋องและประทานจวนให้ตั้งแต่อายุสิบห้า ท่านอ๋องรังเกียจเมืองหลวงจึงออกรบได้เป็นแม่ทัพใหญ่ แต่เพราะคนของฉินกุ้ยเฟยทรยศ นางถูกตามล่าจากคนของสกุลกัวซึ่งเป็นสกุลฮองเฮาเพื่อไม่ให้พระโอรสมีโอกาสเข้าวัง