“ถ้าผมทำอะไรจริงนะคนสวย คุณไม่ได้มานั่งแหกปากต่อว่าผมอยู่แบบนี้หรอกน่า เราสองคนน่าจะสนุกกันแบบสุดเหวี่ยงอยู่บนเตียง แทนการที่คุณจะมาด่าผมปาวๆ อยู่แบบนี้” วิคเตอร์เอื้อมหยิบแก้วไวท์ เขายกมันขึ้นชูให้ฑิฆัมพร ก่อนจะจรดริมฝีปากตัวเองตรงขอบแก้ว แต่ไม่วายส่งสายตาหวานฉ่ำมองหัวไหล่กลมกลึงที่โผล่พ้นผืนผ้าแบบมีความหมาย
ฑิฆัมพรลดสายตามองตามสายตาของฝ่ายตรงข้าม เธอรีบตลบชายผ้าคลุมตัวจนมิด รีบมุดเข้าไปแอบซ่อนอยู่ใต้โปงผ้า ส่งเสียงต่อว่าเขาเสียงขรม “ตาบ้า! หื่นกาม เอาเสื้อผ้ามาให้ฟ้าใส่นะ...วิคเตอร์...ไม่อย่างนั้นฟ้าจะขอไม่มองหน้าคุณชั่วชีวิต”
“ไอ้ชุดไร้รสนิยมนั่นน่ะ ผมให้คนของผมเอาไปทิ้งแล้วล่ะนางฟ้า คุณคงต้องทนสวมชุดที่ผมเตรียมหาไว้ให้ คุณจะยอมไหมล่ะ คนสวย” มือแกว่งแก้วไวท์ในมือไปมา เขาเพ่งสายตามองตามน้ำสีทอง พยายามไม่เหลือบสายตาไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ เขาเอ่ยถามลอยๆ ตะแคงหูฟังรอคำตอบ เพราะไม่ว่าของกำนัลอะไรก็ตามแต่ที่เขาส่งมอบให้ฑิฆัมพร เธอจะส่งคืนมาแทบทุกอย่างไม่แม้จะชายตาแล ไม่ว่าจะเป็นช่อดอกไม้ธรรมดาหรือสร้อยเพชรราคาแพง
“จะชุดใหม่หรือชุดเก่าก็รีบเอามาเถอะค่ะ ฟ้าไม่นิยมเปลือยกายคุยกับคนที่ไม่สนิท!” เธอกระแทกเสียงฉุนเฉียวตอบกลับไป เมื่อไม่ชินที่จะอยู่ในที่ลับตาคนกับวิคเตอร์ โดยที่ร่างกายมีแค่อันเดอร์แวร์ปกปิดร่างกายแค่นั้น ผิวกายใต้ผ้าห่มเห่อร้อนขึ้นสีชมพูระเรื่อ เป็นเพราะเอียงอายฝ่ายตรงข้าม ไม่รู้ว่าหมอนั่นสอดส่องสำรวจร่างกายเธอไปถึงไหนบ้าง “คนบ้า!” เธอพึมพำหมุบหมิบต่อว่าเขาใต้ผ้าห่มหนาๆ ริมฝีปากอิ่มเต็มเม้มแน่น “ปุ!...” วิคเตอร์โยนเสื้อเชิ้ตสีเข้มของตัวเองไปบนเตียงนอน เพื่อให้คนสวยได้สวมใส่
“คุณอยากสนิทกับผมมากกว่าที่เป็นอยู่ไหมล่ะครับ จะสนิทแนบเนื้อขนาดไหนผมก็ยินดีจะบริการ” เขาเอ่ยเสียงกระหึ่ม อารมณ์หนุ่มพุ่งปรู๊ดจนติดฝ้าเพดาน แค่คิดถึงช่วงเวลาแสนหวานระหว่างตัวเองกับฑิฆัมพรบนเตียง!
“บ้า! ใครเขาต้องการกันเล่า ฟ้าไม่ได้อยากสนิทสนมกับคุณหรอกนะวิคเตอร์ ฟ้าไม่อยากอยู่กลางวงล้อมของมาเฟียไปชั่วชีวิต ชีวิตคนปกติคุณไม่รู้จักหรอกค่ะว่าพวกเขามีความสุขกันขนาดไหน ไม่ต้องอยู่แบบเสี่ยงๆ และต้องคอยระวังตัวตลอดเวลา”
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นางฟ้า ผมเกิดมาผมก็เป็นแบบนี้แล้วนี่ ผมก็ต้องอยู่แบบนี้ไปชั่วชีวิตแหละ จะให้ผมเปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้คงจะไม่ทัน ไอ้ที่ผมเป็นมาเฟียผมไม่ใช่คนหรอกหรือยังไงครับ ผมมีอำนาจ มีเงิน ผมก็สามารถมีความสุขได้ในแบบของผม ซึ่งคุณปฏิเสธความเป็นตัวตนของผมไม่ได้หรอกครับ เพราะ...คุณจะต้องทนและยอมรับกับมัน”
“ไม่! ฟ้าจะไม่ทน ฟ้าไม่ต้องการวิถีชีวิตที่เสี่ยงกับลูกปืน กับอันตรายรอบด้าน”
“มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก ผมเปลี่ยนมาทำธุรกิจถูกกฎหมายตอนนี้ เพียงแค่ในอดีตตระกูลผมมีอิทธิพลกับคนทั่วโลกแค่นั้น มันเลยฝังอยู่ในเส้นเลือดของมาริน เราไม่เคยทำร้ายใครก่อน... ถ้าเขาหวังดีกับองค์กรของเรา แต่ถ้าใครมาร้าย ผมก็ต้องตอบโต้ในแบบฉบับของผม ในเมื่อมันหมายถึงศักยภาพของมารินที่ผมต้องปกป้องรักษาเอาไว้ สืบทอดให้กับรุ่นต่อๆ ไป ซึ่งอาจจะเป็นลูกของเราก็ได้ในอนาคตใครจะรู้ จริงไหมนางฟ้า?”
“เราสองคนไม่มีอนาคตร่วมกันหรอกค่ะวิคเตอร์ มันมีแต่อนาคตของฟ้า กับอนาคตของคุณ! ในเมื่อเราอยู่บนถนนคนละทาง” เธอเถียงคอเป็นเอ็น ไม่สนใจหน้าตึงๆ ของฝ่ายตรงข้ามและความไม่พร้อมของตัวเอง
“ดูเหมือนคุณจะมั่นใจมากไปหน่อยนะนางฟ้า คุณลืมไปแล้วรึ...ว่าตอนนี้คุณอยู่ใต้ความคุ้มครองของผม บนน่านฟ้ารัสเซีย! แล้วอย่างนี้คุณจะหนีรอดอุ้งมือของผมไปได้ยังไง” วิคเตอร์รินไวท์ลงแก้วอีกครั้ง เขายกแก้วไวท์ขึ้นดื่มอักๆ เพื่อลดความร้อนรุ่มในร่างกาย ก่อนจะเอ่ยหยันๆ ทั้งตัวเองและฑิฆัมพรถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน
“ฟ้า...ฟ้ายอมตายหากคุณข่มเหงฟ้า คุณจะได้แต่ร่างกายที่ไร้ลมหายใจ” เธอกัดฟันตอบเสียงเคร่ง เกร็งตัวแน่นหากเขาเข้ามาจู่โจม เธอก็จะขอสู้สุดชีวิตให้เธอตายไปเสียดีกว่า จะต้องตกเป็นรองวิคเตอร์ มาริน
“คุณคงเกลียดผมมากเลยสินะ นางฟ้า” เสียงอ่อนๆ ของเขาเอ่ยถามจนเธอรู้สึกใจเสีย แต่หากเธออ่อนลงเขาจะใช้วิธีนี้โน้มน้าวจนเธออาจจะใจอ่อน
“ใช่! ฟ้าไม่เคยรังเกียจใคร เท่าคุณมาก่อนเลย วิคเตอร์!” เธอตะโกนตอบ เพื่อให้เขารู้ว่าเสน่ห์ล้นเหลือที่เขามี ใช้กับเธอไม่ได้ผล
“ฮ่าๆ... แต่ไอ้คนที่คุณเกลียดคนนี้ กำลังจะเป็น ‘ผัว’ คุณ ทีนี้พอจะเปลี่ยนความรู้สึกได้หรือยังคนสวย ต่อให้คุณมีปีกคุณก็บินหนีผมไปไม่พ้นหรอกครับ”
“หลงตัวเอง บ้าอำนาจ! ในโลกนี้คงไม่มีใครเป็นคนบ้าเหมือนคุณ สมัยนี้ไม่ใช่สมัยยุคหินเหมือนเมื่อก่อนนะคะ ที่ถูกใจชอบใจใครก็ทุบหัวลากเข้าไปในถ้ำ เราเป็นมนุษย์มีอารยธรรมสูงส่งกว่านั้นเยอะ แต่คุณกลับลากทุกสิ่งกลับไปสู่ที่จุดเดิม บ้าสิ้นดี!” เธอสบถเสียงกร้าว รีบสวมเสื้อผ้าบนกายเปล่าเปลือยแบบทุลักทุเล ใต้โปงผ้าห่ม
“ผมไม่ได้ทุบหัวคุณนี่ นางฟ้า ผมแค่อุ้มคุณขึ้นเครื่องบิน เหินฟ้าไปครองรักกันที่มอสโก แค่นั้นเอง... แค่นี้สูงพอไหมทูนหัว เหนือแผ่นดินเป็นพันๆ ไมล์” วิคเตอร์ยักหัวไหล่ เขายิ้มกว้างส่งให้ฑิฆัมพรเมื่อเธอโผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่มและหน้าหวานบึ้งตึงเธอถลึงตาใส่และเคี้ยวฟันกรอดๆ มองสบตาเขาแบบไม่คิดจะหลบ...
ฮิวล์กระวนกระวายผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่ติดที่ เมื่อถึงเวลาสำคัญแต่เจ้าสาวคนสวยยังไม่ออกมาจากห้องแต่งตัว เขาตัดสินใจขึ้นไปตาม เมื่อมาถึงประตูห้องปิดสนิทจึงได้แต่เดินวนไปวนมาหน้าห้อง ก่อนจะตัดสินพังประตูห้องแต่งตัว เมื่อพยายามเคาะเรียกคนข้างในจนเจ็บมือ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในซักที ความเป็นห่วงเกาะกุมอยู่ในหัวใจจนเขาสิ้นความอดทน จึงไม่รอเวลาอะไรอีกเมื่อสัญญาณอันตรายกรีดร้องดังอยู่ในหัวสมอง
“พังเข้าไปเลย!!” ฮิวล์ร้องสั่งทีมช่วยเหลือ หลายคนพุ่งตัวเข้าไปกระแทกประตูเสียงดันสนั่น พวกเขาใช้เวลากว่า15นาทีกว่าที่ประตูหนาๆ จะเปิดอ้าออก
“ปัง!” บานประตูเปิดอ้า เขารีบถลันเข้าไปข้างในคนแรกและกวาดสายตามองหาคนที่ต้องการจะเจอสุดหัวใจ ความรู้สึกหน่วงๆ ในใจพุ่งเข้าสู่หัวใจ เมื่อห้องกว้างเงียบฉี่! ไร้สัญญาณตอบรับ
ช่างแต่งหน้าที่ถูกพันธนาการดีใจสุดชีวิต พวกเขารีบร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อพวกเขาทั้งหมดรับรู้ว่ามีคนเข้ามาภายในห้องได้สำเร็จ แต่เสียงที่ดังผ่านผ้ามัดปากออกมาดัง...
“อู้อี้!ๆ...” เสียงดังคลุกคลักในตู้ใบใหญ่ ภายในห้องกว้างมีแต่อุปกรณ์แต่งตัวแต่ไม่มีผู้คน
“ฟ้า! ฟ้าครับ” ฮิวล์ป้องปากเรียกเสียงก้อง
“นาย!”
“มีอะไรรึ?” ฮิวล์หมุนตัวมามองทีมการ์ดที่วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“พวกเราตรวจกล้องวงจรปิดแต่ทุกตัวแล้วครับ มันเสียทุกตัว!! ผมว่ามันไม่ปกติแล้วล่ะครับ”
“อืม...หาฟ้าในห้องนี้สิ ทุกซอกทุกมุม! อาจจะเจอเบาะแสบ้าง มันน่าจะมีอะไรบางอย่างที่เหลืออยู่ ผมจะลงไปชี้แจงผู้มีเกียรติทั้งหลายถึงสาเหตุว่างานวันนี้ต้องยกเลิกเพราะอะไร ช่วยตรวจสอบให้ละเอียดด้วยล่ะ ไม่เว้นแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”
“พลั่ก!” เสียงดังสนั่นเมื่อหนึ่งในนั้นใช้เท้าถีบประตูตู้จนมันเปิดผ่างออกมา ทุกคนที่ถูกมัดกลิ้งหลุนๆ ออกมาจากตู้ หล่นกองแอ่งแม้งอยู่หน้าตู้ใบใหญ่