“ใช่คนเดียวกันรึเปล่าวะ เอ! หรือว่าไม่ใช่” อเล็กซิสที่กำลังเดินหาเจ้าของโทรศัพท์เครื่องที่อยู่ในมือ ทำหน้าไม่แน่ใจเมื่อรูปที่เขาเปิดขึ้นมาดูกับผู้หญิงที่เขากำลังยืนมองอยู่ตอนนี้บางมุมก็เหมือนจะใช่ แต่มองอีกทีก็เหมือนจะไม่ใช่ ด้วยผู้หญิงที่เขากำลังจ้องมองอยู่ตอนนี้ดูสวยกว่าคนในรูปมาก จึงทำให้ไม่มั่นใจจนต้องเดินเข้าไปใกล้เพื่อมองให้ชัดๆ แต่
“กรี๊ด...! ไอ้โรคจิต” แก้วมุกดาที่รู้ตัวว่ากำลังถูกมองก็กรีดร้องขึ้นมาทันที ก็ดูท่าทางเขาน่าไว้ใจซะที่ไหน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ร้องขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้น ก็ถูกอีกฝ่ายยื่นมือมาปิดปากไว้ซะก่อน
“จะแหกปากทำซากอะไรฮะยัยเบื๊อก” อเล็กซิสต่อว่าอย่างหัวเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนขอร้องให้มาตามหาเจ้าของมือถือเครื่องนี้ล่ะก็ คนอย่างอเล็กซิสไม่ยอมมาทำอะไรแบบนี้เด็ดขาด
“แออ้ออ่อยอั๊นอิไออ้า (แกก็ปล่อยฉันสิไอบ้า)” แก้วมุกดาบอกเสียงอู้อี้ด้วยกำลังถูกเขาปิดปากเอาไว้ เธอที่กำลังทำงานพิเศษรายได้ดีด้วยการรับจ๊อบจากบรรดาเมียหลวงให้ตามเก็บรูปสามีที่แอบนอกลู่นอกทาง แต่จู่ๆ ก็มาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้ตกใจกลัวอยู่ไม่น้อย อดคิดไม่ได้ว่าเธออาจจะกำลังถูกปองร้ายหรือฆ่าปิดปากจากผู้ชายที่เธอตามเก็บรูปอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ ดังนั้นจึงพยายามหาทางรอดให้ตัวเองด้วยการตั้งสติและทำใจไม่ให้กลัว แต่...
“หา! เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ จะอ่อยฉันเหรอ ขอโทษนะอย่างเธอน่ะต่อให้แก้ผ้าตรงหน้าฉันยังต้องคิดดูก่อนเลย” อเล็กซิสที่เห็นท่าทางของเธอแล้วจึงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจที่เธอพูด
“อ๊าย ไอ้อาอ๊ก อั๊นออกอ้าไอ้อ่อยไอ้ไอ้อ่อย อ่อยอิโอ๊ย (อ๊าย ไอ้ลามก ฉันบอกว่าให้ปล่อยไม่ได้อ่อย ปล่อยสิโว้ย)” ถึงแก้วมุกดาพยายามตะคอกเสียงใส่อย่างโมโหแต่มันก็ยังฟังอู้อี้อยู่ดี อเล็กซิสจึงได้ทีแกล้งพูดขึ้นอีก
“พูดอะไรของเธอ อ่อยๆๆ อยู่ได้ นี่ตกลงจะอ่อยฉันให้ได้เลยใช่ไหม” อเล็กซิสส่ายหน้าทำท่าราวกับกำลังเอือมระอานักหนา ทั้งที่ความจริงคนที่น่าเอือมระอาน่าจะเป็นเขาเองมากกว่า
“เออ” ในเมื่อพยายามพูดไปก็เหนื่อยเปล่า แก้วมุกดาจึงตอบรับไปด้วยเสียงกระแทกกระทั้น
“ยอมรับแล้วใช่ไหมยัยผู้หญิงหน้าไม่อายกล้าอ่อยผู้ชายกลางวันแสกๆ” (เอ่อ...แล้วมีกฎบัญญัติข้อไหนห้ามอ่อยผู้ชายกลางวันเนี่ย) อเล็กซิสทำหน้าล้อเลียนกับการตอบรับของเธอ แต่เมื่อเห็นสายตาราวกับจะเผาเขาให้เป็นจุณได้ในตอนนี้ เขาจึงเลิกล้อเล่น
“เออๆๆ ปล่อยก็ได้แต่ห้ามกรี๊ดอีกนะ บอกตรงๆ เสียงกรี๊ดๆ ของเธอทำเอาฉันประสาทจะกิน พรุ่งนี้ระบบขับถ่ายจะรวนรึเปล่าก็ไม่รู้” อเล็กซิสยอมปล่อยมือจากปากสวยๆ ของเธอและมันก็
“กรี๊ด...!” แก้วมุกดากรีดร้องเสียงดังทันทีที่ปากของเธอเป็นอิสระ แต่ที่กรี๊ดครั้งนี้ไม่ใช่อะไร แต่เพราะเจ็บใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าอ่อยครั้งแล้วครั้งเล่า
“เอ้าเฮ้ย! จะกรี๊ดอีกทำไมวะเนี่ย” เสียงสั่นประสาทของเธอทำเอาอเล็กซิสเริ่มหัวเสียขึ้นมาอีกครั้ง
“หืม! ไอ้ผู้ชายเฮ็ง... นึกว่าหล่อตายแหละ ฉันก็ไม่เอาไอ้แก่เ*******ูอย่างแกเหมือนกันนั่นแหละ ชิ! คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน ก็แค่ผู้ชายแก่ๆ ตัณหากลับ มีดีก็แค่กระเป๋าหนักแต่ไม่มีสมอง คิดแต่จะเอาเงินฟาดหัวผู้หญิง แต่ขอโทษต่อให้รวยกว่านี้ฉันก็ไม่เอา ไอ้เฒ่าหัวงู ไอ้ลามก ไอ้แก่จอมหื่น ไอ้” ยังไม่ทันที่เธอจะร่ายยาวต่อให้จบอเล็กซิสก็แทรกขึ้นมา
“ถ้าขืนเธอยังด่าฉันอีกคำล่ะก็ ปากจัดๆ ของเธอได้โดนฉันจูบจนขาดใจแน่ยัยหน้าจืด คนอะไรไม่สวยแล้วยังปากเปราะ” เกิดมาก็เพิ่งเคยถูกผู้หญิงด่ายาวขนาดนี้ ไม่แปลกที่เขาจะโมโหบ้าง ก็ปกติมีแต่ผู้หญิงเข้ามาออดอ้อนออเซาะพูดจาหวานหูให้ฟังตลอด แต่กับผู้หญิงคนนี้มีแต่ด่ากับด่า นี่ขนาดเพิ่งเจอหน้ากันไม่ทันไรเธอยังด่าเขาแทบไม่ซ้ำคำ
“นี่ มีสิทธิ์อะไรมาเรียกฉันหน้าจืด ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ไอ้เ*******ู” แก้วมุกดาชี้หน้าเอาเรื่องพร้อมกับคิดในใจ ‘ถึงฉันจะไม่แต่งหน้า แต่ฉันก็สวยแบบมีสไตล์เป็นของตัวเองย่ะ’
“ก็แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันเ*******ูฮะยัยหน้าจืด ยัยลูกเป็ดขี้เหร่ ยัยผู้หญิงปากเปราะ” อเล็กซิสต่อว่าด้วยความขุ่นเคืองไม่แพ้กัน ‘อย่างฉันเนี่ยนะแก่ ผู้ชายอย่างฉันเนี่ยนะเฒ่าหัวงู ชิ! ตาถั่วชะมัด ยัยลูกเป็ดตัวร้าย’
“คำนี้มันก็เหมาะกับคุณที่สุดแล้วนี่ เห็นเด็กในชุดนักศึกษาหน่อยไม่ได้ มาทำชีกอใส่ ฉันเห็นนะว่าคุณแอบถ่ายรูปฉันด้วยน่ะ อ๊าย! อย่าบอกนะว่ากล้องนั่นส่องทะลุเสื้อผ้าได้ กรี๊ด...! ไอ้ลามกฉันจะฆ่าแก กล้าดียังไงมาดูของของฉัน ฉันจะควักลูกตานายซะ อย่าอยู่เลยไอ้แก่” หลังจากที่คิดเองเออเองเสร็จสรรพ แก้วมุกดาก็พุ่งเข้าทำร้ายอีกฝ่ายอย่างทันท่วงทีชนิดที่เขาไม่มีโอกาสได้แก้ต่างให้ตัวเอง ทำได้แค่ล็อคแขนเธอเพื่อปกป้องใบหน้าหล่อๆ ของตัวเองให้รอดพ้นจากกรงเล็บของเธอ
“แหกตาดูก่อนสิว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันของใคร แล้วก็หยุดทำร้ายร่างกายอันมีค่าของฉันสักที ไม่อย่างนั้นฉันจะกดเธอลงพื้น แล้วก็ทำอย่างที่เธอกล่าวหามันตรงนี้เลย” อเล็กซิสบอกด้วยใบหน้าถมึงทึง ตอนนั้นเองที่ทำให้เธอได้หยุดมอง
“นี่มันโทรศัพท์ฉันนี่ คุณไม่ใช่เ*******ู” อเล็กซิสยิ้มอย่างโล่งใจ เมื่อในที่สุดเธอก็เข้าใจอะไรสักที แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่เพราะประโยคต่อมา “แต่นายมันเป็นไอ้หัวขโมย นายขโมยมาจากเพื่อนฉันใช่ไหม บอกมานะว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มาอยู่นี่ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่านายทำร้ายเพื่อนฉัน อย่าอยู่เลยไอ้เ*******ูขี้ขโมย” ว่าแล้วเธอก็กระโจนเข้าใส่คนที่กลายเป็นหัวขโมยแบบไม่รู้ตัว
“เฮ้ย! ยัยเพี้ยนนี่ทำบ้าอะไรของเธอวะเนี่ย โธ่เว้ย! วุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นจริงๆ เลย” อเล็กซิสสบถอย่างหัวเสียพลางจับข้อมือเธอไว้ก่อนจะยื่นโทรศัพท์เจ้าปัญหาใส่ในมือ โดยไม่ลืมหยิบกระดาษเล็กๆ อีกแผ่นซึ่งมีข้อความสั้นๆ จากสุดที่รักเพื่อนที่เธอพูดถึงใส่พร้อมกันไปด้วย
“เลิกพล่ามแล้วเอานี่ไป จะได้ต่างคนต่างไปสักที ผู้หญิงอะไรน่ารำคาญชะมัด ลาแล้วลาลับขออย่าได้พบได้เจอกันอีกเลยไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน” อเล็กซิสเดินตึงๆ ออกไปอย่างไม่ใยดี
“เดี๋ยว” หลังจากได้อ่านข้อความที่เพื่อนฝากมาอย่างรวดเร็ว แก้วมุกดาจึงจำต้องเรียกเขาไว้
“จะเอาไงอีกฮะแม่คุณหรือว่าไม่เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ฉันไม่สนด้วยแล้ว น่ารำคาญชะมัด” เขาหันมาพูดใส่หน้าอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นเร็วๆ เดือดร้อนให้เธอต้องวิ่งตามเพราะช่วงขาที่ต่างกัน
“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าไม่เชื่อ”
“เชื่อหรือไม่เชื่อฉันก็ไม่สนแล้ว แล้วก็เลิกตามฉันสักทียัยลูกเป็ดขี้เหร่” อเล็กซิสว่าพลางก้าวยาวๆ เพื่อหนี ในขณะที่เธอก็วิ่งตามอย่างไม่ลดละ ประหนึ่งหญิงสาวที่กำลังตามง้อขอความรักจากผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่
“นี่ จะรีบเดินไปตามควายรึไงเนี่ย หยุดมาคุยกันก่อนสิ” เธอวิ่งตามด้วยความกระหืดกระหอบ
“หยุดให้โง่น่ะสิ ฉันไม่มีอะไรจะคุยแล้ว เพราะฉันจะไม่ยอมประสาทเสียเพราะเธออีกเด็ดขาด เฮ้ย! แล้วจะตามมาทำไมนักหนาวะเนี่ย”
“ถ้าไม่อยากให้ตาม คุณก็ให้ฉันไปกับคุณด้วยสิ” คำขอโต้งๆ ของเธอทำเอาเท้าทั้งสองของเขาถึงกับหยุดชะงัก ยังผลให้คนที่ตามมาติดๆ ผงะหน้าทิ่มกับแผ่นหลังผึ่งผายของคนตรงหน้าเต็มๆ แน่นอนว่าตอนนี้เธอคงไม่มีเวลาโวยวาย
“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ” เขาค่อยๆ หันมาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเองหูฝาดไปรึเปล่า
“ขอไปด้วยนะ” เธอบอกพลางส่งยิ้มหน้าเป็น ก่อนจะต้องยิ้มค้างเพราะถูกตัดเยื่อใย
“ไม่มีทาง อะไรทำให้เธอคิดว่าฉันจะพาผู้หญิงน่ารำคาญอย่างเธอติดรถไปด้วย ฝันไปเหอะ” เขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะหันหลังก้าวออกไปจากตรงนั้นอีกครั้ง