บทที่ 8 ถอยทัพ

1528 Words
บทที่ 8 ถอยทัพ หลังจากกินปิ้งย่างกันเสร็จฉันก็ออกปากอาสาจะมาส่งกวินที่หอพัก เพราะเกมและเข็มจะไปซื้อของที่ห้างกันต่อ ทุกอย่างเลยลงตัวเหมาะเจาะอย่างที่คาดหวังไว้โดยไม่ต้องออกแรงพูดให้เหน็ดเหนื่อย หอพักของกวินอยู่ข้างมอซึ่งอยู่ซอยถัดไปจากคอนโดฯ ของฉันพอดี มันเลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ค่อนข้างลงล็อกในการอาสาไปส่งคุณเนื้อคู่เพราะมันเป็นทางที่ฉันต้องขับผ่านอยู่แล้ว “ถึงแล้วค่า” เมื่อเข้าเกียร์พีพร้อมกับเบรกมือที่ดึงขึ้น ฉันจึงเอ่ยเสียงสดใสและหันไปหาคนข้างกายที่ยังคงทำหน้านิ่งตั้งแต่หย่อนกายนั่งลงบนเบาะ “ขอบคุณครับ” กวินเอ่ยบอกทั้งที่ใบหน้าไม่ได้หันมา มือหนาคว้าหมับจับที่ประตูรถและพยายามเปิดออก แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะฉันกดล็อกที่ปุ่มข้างตัวเอาไว้ จนทำให้เขาหันกลับมามองด้วยสีหน้ามึนตึงขมวดคิ้วขั้นสุด “เปิดประตูให้หน่อยครับ” “เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป” “...” “อย่าลืมตอบข้อความพี่ด้วยน้า เดี๋ยวคืนนี้พี่จะทักไปหา พี่ขอทำรายงานก่อนแล้วเดี๋ยวจะรีบทักไปเลย” ฉันบอกด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงกิจวัตรที่เพิ่งเพิ่มเข้ามา นั่นก็คือการพูดคุยกับคนข้างกายคนนี้ทุกคืน “พี่ณินครับ ผมขอยืนยันคำเดิมนะ ว่าผมไม่ได้ชอบพี่” ไอ้เด็กนี่... “รู้แล้ว ๆ จะย้ำทำไมนัก รู้ว่าไม่ชอบ พี่ก็ถึงได้พยายามจีบอยู่นี่งาย” “คือผมมีคนที่ชอบแล้วอะ ผมชอบเขาคนนั้น ผมเลยไม่คิดจะเผื่อใจที่จะชอบใครอีก” ทว่าคำตอบประโยคนั้นทำเอาฉันแน่นิ่งชะงักค้าง ปากที่กำลังเปล่งคำพูดกลายเป็นเพียงแรงลมเบา ๆ ไร้ถ้อยคำเอ่ยเอื้อน “เอ่อ...” “พี่เข้าใจผมใช่ป้ะ ผมขอโทษนะพี่แต่ผมมีคนที่ชอบแล้วจริง ๆ ผมชอบเขา ผมเลยอยากมั่นคงแค่กับเขาอะ” “…” ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เหมือนกับว่าตอนนี้ถูกสาปให้เป็นหินจนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ เจ็บจุกชะมัด...เหมือนโดนต่อยหน้ากลางสี่แยกยังไงก็ไม่รู้ “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” คำพูดถัดมาทำให้ฉันได้สติ ฉันกะพริบตาถี่รัวก่อนจะหันไปกดปุ่มปลดล็อกที่ข้างประตูฝั่งคนขับ ซึ่งหลังจากนั้นก็ทำให้กวินเปิดประตูและเดินลงไปทันที ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อบนรถใต้หลังคาคันนี้หลงเหลือเพียงตัวฉันและจิตวิญญาณของตัวเองที่ล่องลอย ฉันพยายามตั้งสติและนึกทบทวนกับคำพูดของกวินเมื่อครู่ จนกระทั่งได้คำตอบที่ชัดเจนว่ากวินไม่มีทางชอบฉันได้เลยจริง ๆ ให้ตาย...นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่โดนผู้ชายเท เอ่อ...ไม่สิ ไม่ใช่ เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกผู้ชายเมิน แถมยังโดนตอกหน้ากันโต้ง ๆ ว่าเขาไม่มีทางชอบฉันได้อีก “ไอ้เด็กบ้านี่...วันนี้ไม่เห็นค่าฉันใช่มะ ได้...ได้เลย! เดี๋ยววันหน้าฉันจะมาใหม่ให้แกจำไม่ลืมเลย ไอ้เนื้อคู่!” หลายวันผ่านไป ขนมเจ้าดังหลายถุงอยู่ในมือทั้งสองข้างจนแขนปวดร้าวไปหมด ทันทีที่ตัวรถจอดสนิทอยู่หน้าหอพักของกวิน ฉันก็รีบหอบหิ้วถุงขนมที่เพียรต่อคิวยาวเหยียดมาร่วมชั่วโมง โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพราะตั้งใจอยากมาเจอหน้าเนื้อคู่นี่แหละ ฉันส่งข้อความบอกกวินว่าตอนนี้ได้ยืนรออยู่หน้าหอพักของเขาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยังไม่ได้ตอบแถมยังไม่มีการเปิดอ่านเลยสักนิด นั่นจึงทำให้ฉันเลือกหาที่นั่งรอระหว่างเจ้าตัวตอบกลับ แต่ทว่าจังหวะที่กำลังเดินไปยังโต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้หน้าตึกสูงใหญ่ หางตาของฉันดันสังเกตเห็นรถบิ๊กไบค์คุ้นตาที่กำลังขับแล่นเข้ามา ฉันยืนนิ่งสนิทอยู่ข้างรถยนต์ของตัวเอง สายตาก็ทอดมองไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของกวินที่ตอนนี้กำลังขับมายังหอพัก หากแต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้ฉันชะงักไปชั่วขณะ เพราะเบาะท้ายนั้นมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ “โมจะขึ้นไปด้วยกันป้ะ หรือจะรออยู่ตรงนี้” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน โดยที่มุมปากได้รูปหยัดโค้งส่งให้กับเธอคนนั้น “ไม่อ่า เดี๋ยวเรารอตรงนี้ รีบขึ้นไปเอาของเถอะ เดี๋ยวพวกเราไปเรียนสาย” “งั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวเรารีบไปรีบมา” “รับทราบฮะ!” “ฮึ...รอแป๊บนะครับคุณตำรวจ” กวินยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะยกมือขึ้นยีเรือนผมนุ่มของผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางสนิทสนม ทุกการกระทำล้วนแต่อยู่ในสายตาของฉันทั้งหมด และทุกคำพูดก็ล้วนแต่เข้าสู่โสตประสาทแทรกซึมเข้ามายังกล่องความรู้สึก จนทำให้ร่างกายชาวาบมึนตึงไปชั่วขณะ สารภาพตรง ๆ เลยว่าฉันกำลังอิจฉาผู้หญิงคนนั้น...หมั่นไส้และหงุดหงิดจนอยากเข้าไปแทรกกลางให้รู้แล้วรู้รอด แต่อย่างไรแล้วก็ต้องหักห้ามใจเพราะฉันไม่มีสิทธิ์ “พี่เข้าใจผมใช่ป้ะ ผมขอโทษนะพี่แต่ผมมีคนที่ชอบแล้วจริง ๆ ผมชอบเขา ผมเลยอยากมั่นคงแค่กับเขาอะ” คำพูดของกวินในวันนั้นย้อนหวนกลับมาส่งผลทำให้ฉันตระหนักได้ว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง และคำพูดของกวินก็คือความจริงที่ฉันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อุตส่าห์หายหน้าไปหายตาตั้งเกือบอาทิตย์ เพราะคิดว่าจะกลับไปตั้งหลักแล้วค่อยกลับมาตามจีบไอ้เนื้อคู่คนนี้ใหม่ แต่พอกลับมาดันเจอภาพบาดตาบาดใจให้หัวใจช้ำเล่นซะงั้น ชีวิตไอ้ณิน... ช่วงที่ฉันกำลังกดสายตามองผู้หญิงคนนั้น แต่จู่ ๆ เธอก็หันหน้ามาทางฉันพอดิบพอดี เราสองคนสบประสานจ้องมองกัน ฉันมองเธอคนนั้นด้วยความเรียบนิ่ง ขณะที่ภายในใจถูกสาดสุมไปด้วยความอิจฉาโดยไม่มีความยินดีเลยแม้แต่น้อย ผิดกับเจ้าหล่อนที่ชะงักไปเล็กน้อยแต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีเธอกลับส่งยิ้มบาง ๆ กลับมา พร้อมกับดวงตาหวาน ๆ ที่หยัดโค้งด้วยความเป็นมิตร ยัยนั่นยิ้มให้ฉันเหรอ? ให้ตาย...ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันฉันยังรู้สึกหวั่นไหวเลยแฮะ ยอมรับเลยว่าเธอคนนั้นทั้งน่ารักและมีเสน่ห์มากจริง ๆ ฉันมั่นใจว่าสายตาที่ฉันมองเจ้าหล่อนนั้นไม่เป็นมิตรและเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดขั้นสุด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ทำให้แรงโทสะในใจค่อย ๆ มอดดับและกลายเป็นไอเย็น ๆ ลูบโลมแทน “มาแล้ว รอนานไหมโมนา” เสียงของกวินที่ดังแทรกทำให้ฉันและเธอคนนั้นได้สติ เราสองคนผละสายตาออกจากกัน แต่ทว่าความนิ่งงันของเธอคนนั้นกลับทำให้กวินหันหน้ามองมาที่ฉันที่กำลังยืนอยู่ กวินชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าบ่งบอกชัดว่าแปลกใจและตกใจที่เห็นฉันอยู่ที่นี่ หากให้เดากวินก็คงยังไม่เห็นข้อความที่ฉันส่งไปบอกเขานั่นแหละ ฉันยกยิ้มบาง ๆ ส่งกลับไป เก็บกลั้นความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ให้อยู่ในส่วนลึกที่สุด หลังจากนั้นก็หมุนตัวและเดินกลับขึ้นไปบนรถ โดยไม่ลืมหอบหิ้วถุงขนมกลับไปด้วยเช่นกัน แพ้ยับเยินจนแทบไม่เหลือแรงหายใจ...ประโยคนี้สามารถสะท้อนถึงความรู้สึกของฉันได้ดีที่สุด ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ กระทั่งตัดสินใจสตาร์ตรถและขับเคลื่อนมันออกไป ติ๊ง! ติ๊ง! แรงสั่นและเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเบาะข้างกายดังขึ้น ฉันจึงอาศัยจังหวะที่ตัวรถกำลังจอดรอสัญญาณไฟจราจรหยิบมันขึ้นมาดู ซึ่งก็เป็นการตอบกลับมาจากกวินหลังจากที่ฉันส่งข้อความไปหาเขาเมื่อราว ๆ ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา MESSAGE - GaviN (2) GaviN : ขอโทษครับ ผมไม่ทันเห็นข้อความ GaviN : แต่คนที่พี่เห็นคือคนที่ผมเคยบอกว่าผมชอบเขา เธอคนนั้นแหละครับ NINja : จ้า พี่เข้าใจแล้ว ข้อความที่ได้รับกลับมาคือสิ่งที่ทำให้ฉันทั้งเจ็บและจุก แต่แล้วฉันก็ทำได้เพียงส่งความยินดีกลับไป ก่อนจะตัดสินใจกดปิดหน้าจอเพราะไม่อาจหาญพอที่จะอ่านทวนประโยคนั้นซ้ำ ๆ โอเค เข้าใจแล้ว... คราวนี้ได้เวลาถอยทัพกลับมาตั้งหลักแล้วจริง ๆ สินะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD