บทที่ 2 ตัดขาดความสัมพันธ์

1583 Words
“กลับมาแล้วเหรออันเหมย ทำงานมาทั้งสัปดาห์เหนื่อยมากไหม” นางจางหลานกลับมาเตรียมอาหารมื้อเย็นให้สามีและลูกชายทั้งสองเอ่ยถามด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าลูกสาวที่ไม่ได้เจอมาทั้งสัปดาห์ “ไม่เท่าไรค่ะแม่ พ่อกับพี่ใหญ่ยังไม่กลับมาอีกเหรอ” “อืม ทั้งสองขึ้นเขาไปเก็บกับดักสัตว์ป่า คงอีกสักพัก กลับมาเหนื่อย ๆ เข้าไปอาบน้ำก่อนสิ กว่าแม่จะทำอาหารเย็นเสร็จคงจะอีกนาน” ครึ่งปีแล้วที่ลูกสาวของเธอไปทำงานในโรงงานยาสูบ แรก ๆ มู่อันเหมยยังคงกลับบ้านทุกวัน แต่เมื่อสามเดือนก่อนกลับมาขออยู่หอพักพนักงาน อ้างว่าเหนื่อยกับการเดินทางและต้องตื่นเช้าจนเกินไป เมื่อเห็นว่าลูกเหนื่อยกับการเดินทางและต้องตื่นเช้าเพื่อไม่ให้เข้างานสายจึงได้อนุญาตให้อยู่หอพักพนักงาน “เดี๋ยวฉันมานะแม่” มู่อันเหมยเมื่อรู้ว่าพ่อกับพี่ชายยังไม่กลับมาและไม่ได้อยู่กับลูกชายบ้านเฉินจึงคิดจะทำบางอย่าง เมื่อบอกกล่าวกับแม่เธอจึงรีบเดินออกจากบ้านมาทันที “พี่ใหญ่เฉิน” เฉินหยางคุนกำลังเดินกลับบ้านกลับมีเสียงเรียกเขาไว้ เมื่อหันมามองก็เป็นว่าที่ภรรยาของตนเอง เขาไม่ใช่คนหวาน ติดจะเย็นชาจึงไม่รู้ว่าต้องทำสีหน้าอย่างไรเมื่อเจอหญิงสาวตรงหน้า จึงมีเพียงใบหน้าเย็นชาหันกลับมามอง “ฉันขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวหน่อยได้ไหม เรื่องการแต่งงานระหว่างบ้านรองมู่และบ้านเฉินของคุณ” น้ำเสียงที่ส่งไปนั้นช่างห่างเหินนัก ทำให้เฉินหยางคุนรู้สึกเจ็บแปลบไม่น้อย จึงทำเพียงพยักหน้าตอบกลับ และเดินไปทางที่ไม่มีผู้คนหรือชาวบ้านสัญจร เพื่อไม่ให้ว่าที่ภรรยาของตนนั้นอับอายหรือถูกนินทาว่ามานัดพบกับเขา ทันทีที่มาถึง มู่อันเหมยไม่รีรอ พูดความต้องการของตนเองออกมาทันที “ฉันต้องการยกเลิกสัญญาหมั้นหมายระหว่างสองบ้าน ฉันมีคนรักแล้ว และเราอยู่ด้วยกัน” คล้ายกับฟ้าผ่ากลางใจ ใบหน้าเย็นชาของเฉินหยางคุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าครู่เดียวก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม “ครอบครัวคุณรู้เรื่องนี้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมา เขาเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของหญิงสาวตรงหน้าเพียงคนเดียว บวกกับท่าทางที่นิ่งเฉยเขาจึงมั่นใจว่าบ้านรองมู่ไม่รู้ว่าลูกสาวคนรองมาเจรจายกเลิกสัญญากับเขาด้วยตนเอง “คุณรักผู้ชายคนนั้น” “ใช่ค่ะ เราทั้งสองคนรักกันมาก อีกอย่างฉันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว คุณควรจะหาภรรยาที่ดีกว่าฉัน ชื่อเสียงของฉันในหมู่บ้านก็ไม่ดีเท่าไร ยังมีหญิงสาวหลายคนที่อยากแต่งเข้าบ้านเฉิน...” “ซึ่งหนึ่งในนั้นไม่ใช่คุณ” เฉินหยางคุนสวนกลับทันควัน ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้านั้นรังเกียจเขามากแค่ไหน แตกต่างจากเขาที่หลงรักเธอตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากที่เขากลับมาอยู่บ้าน “เช่นนั้นก็ทำตามใจตนเองเถอะ หากคิดว่าผู้ชายคนนั้นรักคุณจริง สำหรับผม ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะบริสุทธิ์หรือไม่ หากผมรักผมไม่มีวันรังเกียจและด้อยค่าของเธอเพียงเพราะเธอไม่บริสุทธิ์” กล่าวจบเขาเดินจากมาทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ในเมื่อเธอเลือกแล้ว เขาจะรั้งไว้ทำไม หลังจากนั้นสัญญาแต่งงานระหว่างสองบ้านถูกยกเลิกโดยเฉินหยางคุน เขาไม่บอกเหตุผลว่าทำไม แต่บ้านรองมู่เข้าใจว่าเรื่องนี้คงต้องเกี่ยวกับมู่อันเหมย แม้ว่ายกเลิกสัญญาแต่งงานกับบ้านเฉินมาร่วมสามเดือน แต่คนรักของเธอไม่มีทีท่าเลยว่าจะจดทะเบียนสมรสหรือไปพูดคุยกับครอบครัวเธอเพื่อจะสู่ขอ จนวันหนึ่งมู่อันเหมยมีอาการผิดปกติจึงตัดสินใจไปตรวจที่อนามัยแห่งหนึ่งจนรู้ว่าตนเองท้อง ทันทีที่กลับมาบอกคนรัก เธอคล้ายกับโดนฟ้าผ่ากลางใจ เขาไม่เพียงไม่ดีใจแต่กลับตำหนิหาว่าเธอไม่ยอมกินยาคุมกำเนิด ซึ่งยาคุมกำเนิดนั้นหาง่ายเสียที่ไหนกันล่ะ “ไปเอาออกซะ พี่ยังไม่พร้อม” คำตอบที่เย็นชาเปล่งออกมาคล้ายจะตัดขั้วหัวใจของมู่อันเหมยให้ขาดจากกัน “นี่ลูกของเรานะ พี่กล้าทำลายลูกเหรอคะ” เธอไม่คิดเลยว่าชายที่แสนจะอ่อนโยนก่อนหน้านี้จะกล้าใจร้ายให้เธอทำลายเลือดเนื้อของตนเอง “ก็พี่บอกว่ายังไม่พร้อม ครอบครัวเธอก็ยังไม่รู้เรื่องของเรา ยังมีครอบครัวพี่อีกล่ะ ทางที่ดีไปเอาออกซะ” ว่านปี่หมิงยังยืนยันเช่นเดิม จะให้เขารับเรื่องนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขามีลูกและภรรยาอยู่แล้ว อีกทั้งเขาไม่เคยคิดจริงจังกับมู่อันเหมยเลย กล่าวจบชายหนุ่มรีบเดินออกมาจากห้องพักและไปหาสหายเพื่อหาเรื่องตั้งวงดื่ม เรื่องนี้ทำให้เขากลุ้มใจจริง ๆ พลอยไม่อยากเห็นหน้ามู่อันเหมยด้วยเช่นกัน ทันทีที่ว่านปี่หมิงเดินจากไป มู่อันเหมยกอดตนเองร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ทว่าเธอยังคิดว่าเขาคงจะยังไม่พร้อมจริง ๆ แต่จะให้เธอทำลายลูกนั้นเป็นไปไม่ได้ ในใจนั้นคิดว่ารอให้เขาอารมณ์เย็นกว่านี้ก่อนค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง ตลอดสองวันที่ผ่านมาเธอลาหยุด และว่านปี่หมิงก็ไม่กลับบ้านเช่นกัน ทำให้เธอยังไม่พบหน้าคนรักและยังไม่ได้คุยกันต่อเรื่องลูก วันนี้เมื่อครบกำหนดต้องทำงานเธอจึงกลับมาที่โรงงานด้วยใบหน้าที่อิดโรย เมื่อเข้ามาในโรงงาน เธอมองไปยังจุดพักผ่อนคราวนี้ใจเธอแทบสลายจริง ๆ ชายคนรักนั่งอยู่กับหญิงสาวหน้าตาดี และยังมีเด็กน้อยอายุประมาณสามขวบนั่งอยู่ด้วย ทั้งสามคนต่างก็พูดคุยหยอกล้อกันด้วยเสียงหัวเราะ หากไม่ตาบอดคงมองออกว่านั่นคือภรรยาและลูกของเขา ใจที่แตกสลายทำให้มู่อันเหมยเดินออกมาจากโรงงานโดยไม่รู้ตัว เวลานี้เธอคิดเพียงว่าอยากไปจากภาพตรงหน้าให้เร็วที่สุด มู่อันเหมยไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นเดินมาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร จะเข้าหมู่บ้านก็ไม่กล้า กลัวว่าครอบครัวจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ห้องก็ไม่อยากกลับเพราะกลัวคำตอบที่ได้รับ “อันเหมยคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เฉินหยางคุนออกมาทำธุระจึงลางานในคอมมูน ไม่คิดว่าจะเจอกับมู่อันเหมยที่เดินใจลอยจนไม่รู้ว่าเขามายืนดักหน้าไว้ มู่อันเหมยเลือกที่จะไม่ตอบ เธอยังคงเดินไปเรื่อย ๆ เมื่อเห็นโรงแรมของรัฐ เธอจึงเลือกที่จะเข้าไปใช้บริการ เธอต้องการที่จะหลับไปเพื่อตื่นมาแล้วสิ่งที่เห็นก่อนหน้านั้นให้เป็นเพียงแค่ความฝัน เฉินหยางคุนเห็นดังนั้นจึงไม่ตามเข้าไป ทำเพียงขมวดคิ้วคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวบ้านรองมู่กันแน่ สุดท้ายจึงกลับไปทำธุระของตนเองต่อ ทว่าในใจนั้นอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ วันต่อมามู่อันเหมยคืนห้องพักจากนั้นจึงกลับไปยังโรงงาน เพราะเมื่อวานนี้เธอขาดงานโดยไม่มีเหตุผล ทันทีที่เข้ามาในโรงงาน สายตาของเพื่อนร่วมงานมองเธอคล้ายกับเยาะเย้ย ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร จนสหายของเธอเดินเข้ามาพูดคุยบางอย่าง “เขาลาออกแล้วนะ เมื่อวานเมียและลูกมารับ ฉันได้ข่าวว่าเมียเขาอยากได้ลูกชาย เลยมาเอ่ยขอร้องให้สามีกลับไปทำงานที่บ้าน” ในสมองของมู่อันเหมยได้ยินเพียงคำว่าลูกเมีย และเขาลาออกไปแล้ว ร่างบางของเธอจึงซวนเซเล็กน้อย ไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริง “ฉันกลับก่อนนะเสี่ยวฟาง” สมองของเธอสั่งการให้รีบกลับไปยังห้องพักที่อยู่ด้วยกันกับคนรัก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ทว่าเมื่อมาถึง กลับไม่พบข้าวของเครื่องใช้ของคนรักเลย นี่แสดงว่าเขาทิ้งเธอกับลูกไปแล้ว กลับไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงของเขา มู่อันเหมยคล้ายกับคนเสียสติ เธอนึกถึงวันเก่า ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่อยู่ด้วยกันกับว่านปี่หมิง เธอนอนคู้ตัวบนเตียงกอดตนเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด แม้ว่าเพื่อนสนิทอย่างเสี่ยวฟางจะมาเคาะห้องเรียกอย่างไร เธอไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาเปิด คล้ายกับสมองของเธอไม่รับอะไรแล้ว มู่อันเหมยจมอยู่กับความเศร้าจนเวลาผ่านไปอีกวัน สุดท้ายสิ่งที่เธอคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืออ้อมกอดและรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัว เมื่อคิดได้ดังนั้น มู่อันเหมยจึงเดินออกมาจากห้องอีกครั้ง ในเวลานี้สภาพของเธอไม่ต่างอะไรกับซากศพเดินได้ ทว่าจุดหมายปลายทางของเธอกลับไม่ใช่หมู่บ้านที่ทุกคนรออยู่ แต่กลับเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ที่มีหน้าผาสูงชัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD