“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ ปล่อย!”
“หึหึ... ปล่อยข้างในหรือปล่อยข้างนอกดีล่ะ อูย... ของจริงนะนี่”
“ไอ้บ้า! ไอ้คนผีทะเล ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”
อินถวากรีดร้องขนหัวขนตัวลุกพรึบไปทั้งร่าง เพราะฝ่ามือใหญ่นั้นยังกอบกุมเต้าอวบของเธอไม่ปล่อย แรงบีบเคล้น คำพูดเย้ายั่ว และท่าทางก้มดมผิวแก้มของเธอ ไม่ใช่ผีแน่ แต่เป็นคนที่ชีกอที่สุด คนชีกอที่บังอาจมาแตะต้องของสงวนของเธอตั้งแต่แรกพบ
“ปล่อยทำไมล่ะ ที่เธอมองฉันเมื่อกี้ รู้นะ... หมายความว่ายังไง เราไปปล่อยกันเลยดีกว่า ฉันจะได้ช่วยสำรวจดูไงว่าเธอมีจุดไหนที่ต้องทำเพิ่มหรือทำลดบ้าง แต่... เอิ่ม... ที่ฉันเห็น”
ดวงตาคมเข้มกวาดไล้ไปทั่วไปหน้าของอินถวาก่อนจะไล่ลงมาตามลำคอระหงและลงไปหยุดอยู่ที่เนินอก พร้อมกับออกแรงบีบคลึงเคล้น ก่อนจะพูดต่อ “และที่ฉันกำลังจับอยู่นี่ไม่ต้องทำเพิ่มหรอกนะ แต่ที่ไม่เห็นก็ต้องพิสูจน์”
อินถวากรีดร้องอย่างหยุดไม่ได้เมื่อฝ่ามือนั้นร่ายเวทมนตร์เข้าใส่ เพราะเธอไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร นี่คือความจริงที่ต้อนรับเธอตั้งแต่แรกก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ลี หรือว่าทั้งหมดนี้เธอยังหลับฝันอยู่บนเครื่องบิน แต่แรงบีบหยอกเย้าพร้อมปลายนิ้วที่เคลื่อนมาสู่ยอดอกก่อนจะขยี้เบาๆ นี่ไม่ฝันแน่
“กรี๊ดดดดด... ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! ลุงฉีช่วยหนูด้วย ลุงฉี!”
ร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าเธอมากๆ พยายามจะรั้งเธอเข้าไปยังปีกอาคารมืดทึบที่เขาเพิ่งโผล่ออกมา แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาพาเธอเข้าไปได้เด็ดขาด ตัวช่วยเดียวก็คืออาฉี
“คุณชายครับ ปล่อยเธอเถอะครับ คุณเหมยอิงรอเธออยู่”
ดวงตาสีเขียวมรกตของไรเฟิลกรอกมองบนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร ชูมือขึ้นราวกับเธอคนนี้เป็นของร้อนก่อนจะกำแน่นแบบผู้ใหญ่ถูกขัดใจ เพราะใจนั้นไม่อยากปล่อยดอกไม้แสนสวยดอกนี้เลยสักนิด แต่ชื่อของ ‘เหมยอิง’ ทำให้เขาจำยอม เพราะคุณเหมยอิงที่อาฉีบอกนั้นก็คือแม่นมของเขาเอง ในคฤหาสน์ลีนี้มีผู้หญิงอยู่ 2 คนที่เขาจะเกรงใจ นั่นคือ ‘คุณนายเชอร์รี่’ ผู้เป็นแม่ และอีกคนก็คือเหมยอิงที่เป็นแม่นมเท่านั้น นอกนั้นใครก็อย่ามาขัดใจ
และเพียงแค่ร่างกายเป็นอิสระ อินถวารีบวิ่งไปหลบด้านหลังของอาฉีอย่างเร็ว ใบหน้าตื่นตระหนกซุกอยู่ที่แผ่นหลังไม่กล้าแม้แต่จะเยี่ยมหน้าออกมามองความหล่อเหลาปานเทพบุตรนั้น เพราะเธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะไม่ปล่อย กลัวว่าเขาจะจับ จะบีบ จะเคล้นคลึง จะบี้บดปลายยอดอย่างเมื่อครู่ และกลัวใจตัวเองที่สุดว่าจะสมยอม เพราะโรคของเธอกำลังกำเริบ
“เห็นแก่คุณเหมยอิงนะ ไม่อย่างนั้น... เสร็จแน่ ว่าแต่ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน”
อินถวาหูผึ่งเมื่อได้ยินคำทิ้งช่วงของเขา ‘ระวัง’ เขาจะให้เธอระวังอะไร ระวังความกลัดมันของเขา หรือว่าระวังโรคของเธอจะกำเริบ ทว่าสิ่งที่คนหล่อพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปกลับทำให้อินถวาร่างแข็งราวกับถูกสตาฟไว้ที่ข้างตึกนี้
“ที่นี่น่ะ ‘ผีดุ’ นะ เตือนด้วยความหวังดี เดี๋ยวจะหาว่ามาอยู่ใหม่แล้วไม่เตือน”
เสียงหัวเราะจากเทพบุตรผีทะเลยังดังให้ได้ยินแม้ร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์นั้นจะหลบเลี่ยงเข้าไปภายในแล้วก็ตาม แต่เธอล่ะ อินถวาหน้าแหยซีดเหลือสองนิ้วเมื่อหันมองอาฉี เพราะเธอต้องการคำอธิบาย เธออยากรู้ว่าที่นี่ผีดุจริงตามที่ผีทะเลสุดหล่อนั่นบอกหรือเปล่า แล้วผีที่ฮ่องกงนี้กลัวอะไร กลัวพระไหม หรือว่ากลัวผ้ายันต์เหมือนอย่างที่เธอเห็นอาจารย์เซียนใช้แปะหน้าผากผีในภาพยนตร์จีน
ทันทีที่พบคุณเหมยอิง ‘คุณแม่บ้านใหญ่’ แห่งคฤหาสน์ลี อินถวาไม่เก็บความสงสัยในสิ่งที่อยากรู้ เพราะเมื่อเธอถามจากอาฉี อาฉีก็บ่ายเบี่ยงให้เธอสอบถามจากคุณเหมยอิงเอง เธอจึงสอบถามถึง ‘คำเตือน’ ด้วยความหวังดีแบบพิลึกๆ นั่นกับคุณเหมยอิงทันที ทว่าคุณแม่บ้านใหญ่กลับทำสีหน้างุนงงพร้อมเหลือบสายตาขึ้นสบกับอาฉีอย่างต้องการคำอธิบาย
อาฉีจึงก้าวเข้าไปใกล้พร้อมกับสนทนาเป็นภาษาจีนอย่างแผ่วเบา จนอินถวาอดคิดไม่ได้ว่าเพราะนั่นอาฉีไม่อยากให้เธอฟังรู้เรื่อง แต่เธอเป็นคนเสียหายนะ อาฉีควรจะบอกให้หมด แต่คุณเหมยอิงที่มีสีหน้าตกใจ ดวงตารีเล็กเบิกขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทั้งยังกระพือพัดผ้าไหมสีขาวส่งลมใส่ใบหน้าตนเองราวกับจะเป็นลม นั่นก็ทำให้อินถวาพอใจขึ้น เพราะท่าทางแบบนี้ย่อมหมายความว่าอาฉีเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณเหมยอิงฟังแล้ว
“คุณชายเธอก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นแหละจ้ะ ผีมีที่ไหนกัน ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งนานก็ยังไม่เคยเจอเลยนะ”
“แต่นายผีทะเลนั่นบอกแบบนี้จริงๆ นะคะ เขายังบอกว่า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
คุณเหมยอิงที่ใช้พัดปิดบังใบหน้าที่เธอดูรู้ว่ากำลังยิ้มอยู่ ยิ่งทำให้อินถวาแปลกใจ เพราะอีกเรื่องที่เธออยากรู้ก็คือ คุณชายผีทะเล ที่หล่อเริศไปจนถึงยุโรปนั้นเป็นใครกัน เขาทำหน้าที่อะไรในคฤหาสน์ลี อาฉีกับคุณเหมยอิงถึงได้เรียกเขาว่า ‘คุณชาย’ และทำไมคุณเหมยอิงถึงได้ขำขันในสิ่งที่คนผีทะเลนั้นทำกับเธอ ถ้าเธอจะเรียกร้องความชอบธรรมให้กับตัวเองตั้งแต่วันแรกที่มาถึง คุณเหมยอิงจะจัดการให้เธอได้หรือไม่
“ผีน่ากลัวๆ ไม่มีหรอกจ้ะ จะมีก็แค่ผีทะเลอย่างที่หนูบอกนั่นแหละ”