บทที่ 1 : 50 %
วันนี้เรียกได้ว่าเป็นวันที่ซวยที่สุดของสาวน้อยที่มีนามว่า เมลดา หรือ เมย์ เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากเธอจะได้รับข่าวร้ายเรื่องผู้อุปการะทุนการศึกษาที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุรถยนต์แล้ว ยังต้องมารองรับอารมณ์ของลูกค้านางแบบสาวต่างชาติที่ไม่พอใจกับการให้บริการของเธอจนต้องถูกหัวหน้าแม่บ้านโรงแรมหรูเรียกไปตักเตือนเป็นการใหญ่
เมลดา อ้าปากค้างเมื่อนางแบบสาวเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึงสองแสนบาท จากการที่เธอเผลอทำกระเป๋าแบรนด์หรูราคาเฉียดล้านของเจ้าหล่อนตกสระว่ายน้ำอย่างไม่ตั้งใจ จำนวนเงินที่เธอต้องชดใช้นั้นถ้าเทียบกับเงินเดือนในฐานะพนักงานพาสทามแล้วไม่ใช่น้อยๆ แต่ถ้าหากเธอไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายก็ต้องเข้าโรงพักไปเคลียร์ปัญหาให้จบ
“ว่าไงเมย์ จะยอมจ่ายเงินสองแสนแล้วจบเรื่องราวหรือว่าไปโรงพักกันดี”
หัวหน้าแม่บ้านสาววัยกลางคนที่มีนามว่าภัทรีถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะที่จ้องใบหน้างดงามที่ถอดสีของสาวรุ่นน้องด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ
“เมย์ไม่อยากติดคุกค่ะพี่ภัท อีกแค่เดือนเดียวเมย์ก็จะเรียนจบแล้ว ถ้าเมย์มีคดีความเกรงว่าจะมีผลต่อการทำเรื่องจบ แต่ตอนนี้เมย์ไม่มีเงินมากมายถึงสองแสน พี่ภัทช่วยพูดให้เธอลดราคาให้หน่อยได้ไหมคะ”
อย่าว่าแต่สองแสนเลย ตอนนี้แค่สองพันก็ไม่มี เนื่องจากได้จ่ายค่ารายงาน และค่าเช่าหอพักไปหมดแล้ว ความหวังที่จะประทานชีวิตให้รอดก็คืองานพิเศษในช่วงเวลาว่าง เป็นแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมหรูแห่งนี้ซึ่งจะจ่ายเธอเป็นรายชั่วโมง รวมๆกันทั้งสัปดาห์แล้วก็คงได้สักหลักร้อยปลายๆถึงหลักพันต้นๆเท่านั้นเอง
“กระเป๋าเขาตั้งเฉียดล้านเลยนะเมย์ เรียกแค่สองแสนเพื่อจบเรื่องก็ถือว่าน้อยมากแล้ว เอาแบบนี้ไหมเดี๋ยวพี่จะลองปรึกษากับผู้จัดการดู”
ภัทรีรู้สึกหนักอกหนักใจแทนสาวรุ่นนี้ เพราะอีกคนเป็นถึงลูกค้าระดับวีไอพี หากโมโหเอาเรื่องโรงแรมขึ้นมาต้องเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งเป็นแน่ เพราะเธอเป็นถึงนางแบบสาวชื่อดังระดับโลก ส่วนอีกคนก็เป็นเด็กสาวต่างจังหวัดผู้น่าสงสารและกำลังจะคว้าใบปริญญาไปฝากครอบครัวที่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างมีความหวังในเร็ววันนี้ แล้วแบบนี้นางจะทำลายอนาคตของเด็กสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งได้ยังไงกัน
“ขอบคุณมากค่ะพี่ภัท”
เมลดายกมือไหว้หัวหน้าแม่บ้านด้วยความดีใจ เธอหวังอยู่ลึกๆว่าผู้จัดการจะช่วยหาทางออกที่ดีให้กับเธอได้ เพราะยังไงก็คงต้องจบเรื่องนี้ให้เร็ว เนื่องจากไม่ต้องการให้โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นข่าวในด้านลบนั่นเอง
และก็เป็นอย่างที่เธอหวังไว้จริง เมื่อหัวหน้าแม่บ้านต่อสายหาผู้จัดการโรงแรม และพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งก็ได้บทสรุป
“ทางผู้จัดการจะให้เมย์ทำเรื่องยืมเงินในส่วนสวัสดิการของพนักงานโรงแรม แต่มีข้อแม้ว่าต้องจ่ายเงินคืนภายในหนึ่งเดือน”
“หนึ่งเดือน!”
เสียงหวานอุทานออกมาพลางเบิกตาโต เพราะแม้จะมีทางออก แต่ก็หนีไม่พ้นต้องจ่ายเงินคืนอยู่ดี แถมยังมีเวลาหาเงินมาคืนแค่หนึ่งเดือน แล้วแบบนี้เธอจะไปหาเงินจำนวนมากนั้นได้ที่ไหนกัน
“ใช่เมย์ แต่ถ้าไม่คืนตามเวลาที่กำเนิด ทางโรงแรมอาจจะดำเนินคดีกับเมย์นะ”
ภัทรียังคงแจงรายละเอียดกับเธอด้วยความหวังดี อีกใจก็เอาใจช่วยให้เธอผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายนี้ไปให้ได้
“ค่ะพี่ภัท เมย์จะพยายามหาเงินมาชดใช้คืนให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดค่ะ”
เธอไม่เสียเวลาคิดที่จะตอบไปแบบนั้นทั้งที่ยังจนหนทาง ไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมากมายในเวลาอันสั้นนั้นได้จากไหนเหมือนกัน
…………………………………………..
อีกด้านหนึ่ง…บนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรู
นางแบบสาวที่เพิ่งเดินทางกลับขึ้นมาถึงในห้องพักหรูโยนธนบัตรไทยที่เพิ่งได้รับมาลงบนโต๊ะหน้าโซฟาเตี๊ยๆ ราวกับมันเป็นเศษเงินไร้ค่า ท่ามกลางสายตาคมกริบของชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร รูปร่างสง่างามในเสื้อคลุมอาบน้ำซึ่งกำลังเอนหลังพิงผนังโซฟา พร้อมควงแก้วไวน์ในมืออย่างทอดอารมณ์
“อะไร”
เสียงทุ้มเลิกคิ้วถามสั้นๆเป็นภาษาอังกฤษพลางเงยหน้ามองไปที่นางแบบสาว คู่ควงคนใหม่ที่เขาหอบหิ้วมาจากอเมริกา
“ค่าทำความสะอาดกระเป๋าค่ะวิลเลียม พอดีเมื่อกี้ซาร่าไปเดินเล่นข้างล่างมาแล้วเจอแม่บ้านซุ่มซ่ามทำกระเป๋าของซาร่าตกน้ำ เธอก็เลยชดใช้ค่าเสียหายให้ค่ะ”
นางแบบสาวตอบเสียงใส พร้อมกับเดินมาทรุดลงข้างๆชายหนุ่มแล้วก็โน้มใบหน้าสวยๆที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงแนบเข้าหาอกกว้างกำยำอย่างออดอ้อน
“แล้วนี่คุณอาบน้ำแล้วเหรอคะ ทำไมไม่รอซาร่าก่อนละคะ ซาร่า…”พูดยังไม่ทันจบเสียงทุ้มต่ำก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เท่าไหร่?”
“คะ?”
“เงินที่คุณให้แม่บ้านชดใช้คุณเท่าไหร่”
วิเลียมถามซ้ำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก เพราะจำนวนเงินตรงหน้านั้นสำหรับคนที่ทำงานเป็นแม่บ้านไม่ใช่น้อยๆ
“ทำไมเหรอคะ ก็แค่สองแสนบาทไทยเอง แต่กว่าจะยอมชดใช้ก็ทำท่าอิดออดไม่ยอมจ่ายง่ายๆ ต้องถึงขั้นขู่แจ้งความเธอถึงจะยอมจ่าย”
“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าตามผมมาแล้วอย่าสร้างปัญหา เพราะผมไม่ชอบความวุ่นวาย ถ้าเกิดคุณอยากได้กระเป๋าใบใหม่ก็แค่บอกผม ไม่เห็นต้องไปทะเลาะกับแม่บ้านให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย”
ชายหนุ่มตำหนิการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ เพราะก่อนเดินทางมาที่นี่ก็ได้ทำข้อตกลงกับเธอไว้แล้ว
“คุณหงุดหงิดอะไรคะวิลเลียม คนทำผิดเป็นแม่บ้านนะคะไม่ใช่ฉัน คุณจะมาแสดงท่าทางอารมณ์เสียเหมือนฉันเป็นคนผิดแบบนี้ไม่ได้!”
นางแบบสาวผละออกจากอกกว้าง แล้วโวยวายขึ้นมาราวกับคนที่ไม่เคยถูกขัดใจมาก่อน และที่เธอกล้าแสดงกิริยาแบบนี้กับเขาเพราะตอนนี้เธอเป็นดาวเด่นของวงการนางแบบระดับโลก เรียกได้ว่าไฮโซและมหาเศรษฐีหนุ่มมากมายต่างหมายปองและต้องการควงเธอทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด เพราะความมั่นใจนั้นใช้ไม่ได้กับบุรุษที่ร่ำรวยและมีเสน่ห์เหลือล้นอย่างวิลเลียม
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อผมซื้อคุณมาด้วยเงิน และถ้าผมหมดความพึงพอใจในตัวคุณเมื่อไหร่ ผมก็จะเฉดหัวคุณออกไปห่างๆตอนไหนก็ได้!”
ชายหนุ่มว่าพลาง กระแทกแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแรงๆ ร่างสูงสง่าพยุงตัวลุกขึ้นแล้วก้าวตรงไปที่ห้องนอนใหญ่ โดยไม่สนใจร่างเซ็กซี่เย้ายวนของนางแบบสาวอีกต่อไป
“คุณจะทำกับซาร่าแบบนี้ไม่ได้นะคะวิลเลียม! อย่าเดินหนีซาร่านะ ไม่อย่างนั้นซาร่าจะกรี๊ดให้ดู”
แม้จะขู่ไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจหรือเหลวแลจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย สร้างความเจ็บใจให้กับนางแบบสาวจนต้องกำหมัดแน่น พร้อมกับกระทืบเท้าแรงๆอย่างขัดใจ
ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธเธอมาก่อน วิลเลียมเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เมินความสวยเย้ายวนของเธอ เขาไม่เอาใจ ไม่ตามใจ และไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากเวลาที่ต้องการเซ็กส์จากเธอ และทุกครั้งที่เขามีอะไรกับเธอก็ไม่ลืมที่จะจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินก้อนโต ซึ่งการกระทำของเขาทำให้เธอเกือบจะหมดความมั่นใจในตัวเองหลายต่อหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะแอบมีใจให้เขาแล้วละก็ เธอจะไม่ทนให้เขาทำร้ายจิตใจเหมือนอย่างทุกวันนี้แน่!
“ถ้าอยากไปงานกับผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ถ้าไม่อยากไปก็รออยู่ที่ห้องนี้แหละ”
เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาทั้งที่ไม่ยอมหันหลังมามอง ทำให้นางแบบสาวต้องรีบปรับอารมณ์ แล้วก้าวยาวๆตามเขาเข้าห้องไปในทันที เธอไม่มีเวลาเสียใจ ไม่มีเวลางอน เพราะหากพลาดโอกาสนี้เธอก็อาจจะไม่ได้ออกงานกับเขาอีก
…………………………………………………