“การหายตัวไปแบบนี้ยิ่งทำให้น่าสงสัยว่าเขาต้องทำอะไรผิด แต่จากการสืบประวัติครอบครัวของแม็กซิมิลเลียน เขาไม่เคยมีประวัติเสียหายหรือเคยก่อคดีอะไรมาก่อนเลย เป็นแค่ช่างซ่อมรถธรรมดา แต่เขามีน้องสาวทำงานอยู่ในโรงแรมที่เกิดเหตุด้วย”
“น้องสาว?”
คิลเลียนหรี่ตา ลีรอยด์มองไปที่ซองเอกสารยับย่นในมืออีกฝ่ายก่อนบอก
“รูปของเธออยู่ในซอง...เอ้อ...ในมือคุณ”
นาวาอากาศเอกหนุ่มรีบคลายมือและดึงรูปหลายใบที่เป็นรอยยับออกมากระทั่งใบสุดท้ายถูกคลี่ออก แม้รอยยับจะทำให้รูปบิดเบี้ยวทว่าใบหน้างามของสาวไทยใต้กรอบเรือนผมเข้มขลับยาวเคลียไหล่ก็ยังงดงามสะกดสายตา
ความทรงจำบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในความนึกคิด เขาเคยพบผู้หญิงคนนี้...คืนนั้น คืนที่เขาพาเลทิเธียไปนั่งในห้องอาหารของโรงแรมพร้อมเพื่อนอีกสองคน คิลเลียนเผลอจ้องใบหน้าในภาพไม่วางตากระทั่งเสียงของลีรอยด์ดังขึ้น
“เธอชื่อมุกมาริน มนัญญา เป็นนักร้องอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม เป็นคนไทยและเป็นน้องสาวของแม็กซิมิลเลียน”
“แต่เธอ...ดูไม่เหมือนพี่ชายสักนิด” คิลเลียนจับสังเกต
“ใช่...เธอแตกต่างจากพี่ชาย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ของเธอเป็นคนไทย แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่มีลูกก็เลยรับแม็กซิมิลเลียนมาป็นบุตรบุญธรรม แม็กซิมิลเลียนไม่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวและเป็นช่างซ่อมรถประมาณสองปีเห็นจะได้ แต่จากที่สืบทราบก็คือเขายังติดต่อกับน้องสาวคนเดียวอยู่เสมอ มุกมารินน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้และบอกเราได้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่ไหน”
ลีรอยด์รู้สึกคอแห้งจนต้องจิบน้ำชาเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเขาและคิลเลียนเหมือนมีความกดดันอวลอยู่โดยรอบ แววตาของนาวาอากาศเอกหนุ่มฉายความขึ้งเคียดออกมาอย่างน่ากลัว
“ขอบคุณมากลีรอยด์”
คิลเลียนเก็บรูปกลับเข้าไปในซอง เขาไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้ำในแก้ว
“ถ้ารอให้ตำรวจเข้ามาสืบคดีผมอาจรู้ช้ากว่านี้ อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”
“คุณยังต้องการอะไรอีกไหม คิลเลียน?” ลีรอยด์ถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด
“ผมขอตารางเวลาทำงานของผู้หญิงคนนั้น...ด่วนที่สุด”
“ไม่มีปัญหา ตอนเย็นนี้คุณคอยรับโทรศัพท์จากผมก็แล้วกัน”
นักสืบหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำก่อนลงมือเฉือนเสต๊กเนื้อในจานโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาสีน้ำเงินดุจห้วงทะเลลึก
มุกมาริน มนัญญา...แม่นักร้องสาวไทยที่คิลเลียนยังจดจำได้ไม่ลืม คืนนั้นถ้าคู่หมั้นของเขาไม่ร้องห้ามก็จะพาหล่อนไปพบผู้จัดการโทษฐานประพฤติตัวไม่เหมาะสม ยิ่งได้รู้ว่าเจ้าหล่อนเข้ามาพัวพันแม้อาจไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังทบเท่าทวีคูณ
เขาต้องหาทางลากคอไอ้ผู้ชายคนนั้นมาเค้นความจริง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนหรือทำเช่นไรทุกวิถีทาง
ร่างเล็กบอบบางในชุดราตรีสั้นสีครีมยังคงนั่งอยู่เพียงลำพังหน้ากระจกภายในห้องแต่งตัวซึ่งเต็มไปด้วยชุดและเครื่องประดับแสนสวยภายใต้แสงไฟนวลตา มุกมารินนั่งกุมโทรศัพท์และหลายครั้งก็ก้มลงมองหน้าจอด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอรอคอยเสียงเรียกเข้าด้วยคาดหวังว่า ใครคนหนึ่ง จะติดต่อกลับมา
“เพิร์ลลี่...เธอมาอยูที่ที่เองหรือจ๊ะ”
เสียงที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าก่อนหันไปยังบุรุษร่างสูงในชุดสูท
“เนส...มีอะไรหรือคะ?” มุกมารินเอ่ยถาม เนส ผู้จัดการห้องอาหารหนุ่มวัยสามสิบห้าซึ่งเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาเป็นอเมริกันผิวสี ผมหยิกหยองทว่ามีบุคลิกอันอบอุ่นและเป็นกันเองในแบบฉบับชาวสีม่วง เนสมองนักร้องสาวชาวไทยวัยยี่สิบสี่ผู้มีน้ำเสียงราวกับนางสวรรค์ด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ฉันตามหาเธอแทบแย่เลยสาวน้อย”
“คืนนี้ฉันหมดคิวร้องเพลงแล้วค่ะ เนส”
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอยังไม่กลับบ้าน เพราะมีแขกวีไอพี รีเควสให้เธอร้องเพลงให้เขาฟังเป็นการส่วนตัวจ้ะ”
“พรุ่งนี้หรือคะ...ถ้าเป็นช่วงบ่ายฉันว่างค่ะ”
“ตอนนี้จ้ะ”
มุกมารินหยุดชะงักขณะกำลังหันกลับไปหยิบกระเป๋าถือ ร่างเล็กบอบบางหันกลับมามองหน้าผู้จัดการอีกครั้ง
“แต่ตอนนี้มันหมดเวลางานของฉันแล้วนะคะ”
“สเปเชี่ยล”
เนสจีบนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขณะมองเธออย่างเว้าวอน
“เขาอยากให้เธอไปร้องเพลงให้เขาฟังที่ห้อง”
“เขาหรือคะ...ไม่ค่ะ เนส!” หญิงสาวปฏิเสธทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “คุณก็รู้ว่าฉันจะไม่ร้องเพลงที่ห้องพักของแขกแบบสองต่อสองโดยเฉพาะแขกผู้ชาย”
“ได้โปรด ที่รัก...นึกว่าช่วยฉันสักครั้ง มันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว”
“แต่ไม่เหมาะสมค่ะ” มุกมารินเน้นเสียงหนัก “คุณจะไล่ฉันออกก็ได้นะคะ แต่ฉันคงจะทำตามความต้องการของแขกไม่ได้จริง ๆ “
“เธอจะไม่โดนไล่ออก แต่คนที่จะโดนไล่ออกคือฉัน”
เนสเสียงอ่อยและนั่นทำให้หญิงสาวเงียบไปในทันที มุกมารินวางกระเป๋าในมือลง เธอเหมือนถูกต่อยเข้าท้องจนจุก แขกคนนั้นเป็นใครถึงมีอำนาจสั่งได้ขนาดนี้