EP 9

1175 Words
“บังเอิญยังไงคะอา” สาวน้อยเหมือนดาวเริ่มจะเข้าใจในความหมายของอาแล้ว แต่ไม่แน่ใจนัก “ก็บังเอิญที่หนูเดือนตกบันไดทั้งที่ยังท้องโดยไม่มีใครรู้เลย แล้วพี่รงค์ก็ดันมาตกเจ้าวินเนอร์ซึ่งเป็นม้าตัวโปรดของคุณตะวัน และอาไม่เคยเห็นมันเกเรหรือตื่นอะไรมาก่อนเลย พี่รงค์ก็ขี่เป็นประจำด้วย” ทุกคนจ้องหน้าโสรัตน์เป็นตาเดียวกัน เพราะเพิ่งจะได้คิดเรื่องนี้ขึ้นมาตอนเขามาจุดประกายนี่เอง “รัตน์กำลังจะบอกพวกเราว่า คุณตะวันวางแผนทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ” “ไม่ใช่เดือน! ฉันไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอก เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย ฉันแค่คิดว่ามันบังเอิญเกินไป พอพี่รงค์ตายที่ดินก็ดันกลายเป็นของคุณตะวันอีก แล้วไหนจะเรื่องอำนาจการบริหารไร่กับรีสอร์ต คุณตะวันมีสิทธิ์เต็มที่แต่เพียงผู้เดียวอีก ฉันเลยไม่เข้าใจและบอกว่ามันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า” “แล้วตำรวจว่ายังไงล่ะเรื่องหนูเดือนกับเรื่องม้า! มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า!” นพพรเองก็พลอยสงสัยเข้าไปด้วย เพราะทุกอย่างบังเอิญอย่างที่โสรัตน์ว่ามาจริงๆ “ไม่มีอะไรเลย หนูเดือนแท้งเพราะตกบันได พี่รงค์ตายเพราะตกจากหลังม้าแล้วถูกเหยียบถูกลากไปหลายร้อยเมตรร่างกายกระแทกกับของแข็งจนทนพิษบาดแผลไม่ไหว” “ม้าตัวนั้นได้กินยาหรือกินอะไรที่ทำให้มันคึกหรือตกใจบ้างหรือเปล่า” “โอ๊ย!!! ใครจะไปกล้าสงสัยม้าโปรดของคุณตะวันล่ะ หรือถ้ามีก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกว่าเจ้าวินเนอร์กินอะไรลงไปหรือเปล่า หรือถ้ามีอีก ใครกันจะกล้าเอาไปพิสูจน์จนได้ แล้วคิดเหรอว่าคุณตะวันจะปล่อยให้ความจริงนั้นหลุดมาถึงคนภายนอก เสียชื่อฟาร์มม้าใหญ่ที่สุดในประเทศหมดพอดี” “แล้วเราจะทำยังไงได้ล่ะคะอา ถึงจะได้รู้ความจริง” “อย่าถามเลยหนูดาว อาไม่รู้หรอก ไม่กล้าหาด้วย ลำพังที่เขาไม่ไล่อากับคนงานออกจากไร่ก็บุญโขแล้ว คนไม่มีเงินไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอย่างอาจะไปว่าอะไรได้” “แม้จะเป็นน้องของเจ้าของไร่อย่างนั้นเหรอรัตน์” ดุจเดือนไม่เข้าใจว่าทำไมโสรัตน์ถึงไม่ถูกแสงตะวันแต่งตั้งให้ขึ้นมาทำงานในตำแหน่งณรงค์ ทั้งๆ ที่รู้งานดีทุกอย่าง “ฉันกับทางโน้นไม่ค่อยจะได้ใกล้ชิดกันเท่าไหร่หรอก วันๆ ฉันก็ทำแต่งานช่วยพี่รงค์เท่านั้น ไม่กล้าไปคบกับคนรวยๆ เหมือนพี่รงค์หรอก” “แล้วเราจะรู้ความจริงได้ยังไงคะอา ไหนจะเรื่องพี่หนูเดือนท้องอีก ใครเป็นพ่อเด็กคะ หนูดาวได้ยินเพื่อนๆ พี่หนูเดือนคุยกันในห้องน้ำด้วยนะว่าพี่หนูเดือนน่ะรักคุณตะวันมาก” เมื่อสบโอกาสแบบนี้ เหมือนดาวจึงคิดว่าถึงเวลาที่จะเกริ่นให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้สักที “อะไรนะหนูดาว! ไปได้ยินมาจากไหน ยังไงลูก บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ” คนอยากรู้มากกว่าใครเพื่อนก็คือดุจเดือน ผู้เป็นคนตัดสินใจให้ลูกอีกคนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่ลูกสาวอีกคนอาจจะรักมานานแล้ว ถ้าคำลูกพูดมาเมื่อครู่เป็นความจริง “หนูดาวได้ยิน...” เหมือนดาวรีบเล่าเรื่องที่ได้ยินให้ทุกคนฟังทันที ทำเอาแต่ละคนอึ้งไปตามๆ กัน เพราะถือเป็นเรื่องใหม่และไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาก่อนก็ว่าได้ “แล้วรัตน์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างเลยเหรอ ถ้าหนูเดือนมีอะไรกับคุณตะวันจริงๆ ก็ต้องมีคนรู้บ้างสิ” ดุจเดือนถามด้วยท่าทีร้อนรนเพราะอยากรู้ ใจก็ไม่สงบเอาเสียเลย กับการจากไปของลูกสาวที่อาจจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไปเหมือนที่คิดไว้แล้ว “ถ้าให้ตอบ ฉันก็ต้องบอกว่าไม่รู้อีกนั่นล่ะ วันๆ หนูเดือนไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากในไร่กับโรงเรียน บางทีก็ไปอยู่ฟาร์มม้ากับคุณตะวัน แต่อย่าถามนะว่าฉันรู้อะไรระหว่างสองคนนี้หรือเปล่า บอกตรงๆ ว่าไม่!” “หรือว่านายนั่นจะมีอะไรกับพี่หนูเดือน” เหมือนดาวอดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดแบบนี้ “นั่นสิ ถ้าไม่ใช่แล้วเพื่อนๆ หนูเดือนจะรู้แล้วเอามาคุยกันได้ยังไงล่ะ เราต้องไปคุยกับคุณอาทิตย์คุณตะวันให้รู้เรื่องแล้ว หรือเราจะไปบอกตำรวจอีกกันดีล่ะ” ดุจเดือนเองก็คิดอย่างที่ลูกคิด “ใจเย็นๆ สิเดือน! เรายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยนะ จะไปบอกตำรวจได้ยังไงกัน คิดให้ดีๆ ก่อนจะทำอะไรลงไปสิ เดี๋ยวจะเกิดผลเสียมากกว่าดีหรอก” ทว่านพพรกลับต้องเตือนสติเมียที่เริ่มคิดไปกันใหญ่แล้ว “จะเสียอะไรล่ะนพ! ในเมื่อพวกเรายังไม่มีใครรู้ ไม่มีใครบอกตำรวจเรื่องนี้เลย บางทีคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของหนูเดือนอาจจะเป็นคุณตะวันก็ได้” “จริงด้วยค่ะแม่ หนูดาวว่าเราน่าจะไปบอกตำรวจอีกนะคะ” เหมือนดาวเองก็อยากให้แม่ทำแบบนั้น เพราะอยากให้คนที่ทำให้พี่ต้องตายได้รับผลกับการกระทำนั้น “เราไม่มีหลักฐานอะไรอย่าไปปักปำคุณตะวันเลยนะหนูดาว” โสรัตน์กลับไม่เห็นด้วยเลยต้องรีบปรามเอาไว้ก่อน “ไม่มียังไงคะ ก็หนูดาวได้ยินเพื่อนๆ พี่หนูเดือนพูดเต็มสองรูหู เราก็ให้ตำรวจไปถามคนพวกนั้นสิคะ รับรองว่าจะต้องมีคนรู้แน่ๆ ว่าพี่หนูเดือนกับนายตะวันมีอะไรกันหรือเปล่า” สาวน้อยเหมือนดาวทำตาโตเมื่อเห็นหนทางแห่งแสงสว่างที่จะลากคนผิดเข้าคุกแทนพี่ที่ตายไป “ใครจะกล้าบอกตำรวจแบบนั้นล่ะหนูดาว ต่อให้รู้ความจริงก็เถอะ” “ทำไมล่ะรัตน์” ดุจเดือนให้สงสัยจนยั้งปากไม่อยู่ เหมือนดาวเองก็คิดเหมือนแม่ “นั่นสิคะ ทำไมต้องกลัวด้วย ในเมื่อตัวเองพูดความจริง” “โธ่! ใครจะกล้าเล่นกับตระกูล ‘ผลทับทอง’ บ้าง คนทั้งจังหวัดรู้จักมักคุ้นกับคนกลุ่มนี้ ที่ร่ำรวย แล้วก็ช่วยเหลือคนนั้นคนนี้ไม่มีขาด หน้าแล้ง น้ำท่วม ก็ไม่เคยอยู่นิ่ง เอาข้าวของแจกคนไม่รู้เท่าไหร่ ใครจะมาคิดว่าใจบุญแบบนี้จะทำให้คนท้องตายได้ อีกอย่างพูดออกไปเรานี่ล่ะจะเสีย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD