บทที่ 5
ระหว่างที่นางกำลังเตรียมจัดงานเลี้ยงยินดีให้กับสามีที่เพิ่งมีพระราชโองการประกาศออกไปว่าเขาจะได้เป็นเจ้าเมืองคนใหม่ที่อายุน้อยที่สุด คนที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้น
“ท่านพี่ฝูอิง”
“หรงหรงน้อยพี่กลับมาแล้ว” เสียงหวานเอ่ยอีกทั้งรีบวิ่งเข้ามาโอบกอดน้องสาวคนเดียวอย่างแสนรักใคร่
ฝูหรงยืนแข็งค้างทำตัวไม่ถูก ที่นี่ไม่มีทั้งพ่อสามีและแม่สามีอยู่ รวมถึงสามีของนางที่ต้องเข้าไปรายงานตัว มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่อยู่ที่จวนตระกูลรั่วแห่งนี้
“ทำไมถึงได้ทำหน้าเช่นนั้นเล่าหรงหรง เจ้าไม่ดีใจอย่างนั้นหรือที่พี่กลับมา พี่กลับมาแล้ว”
คำถามของพี่สาวฝูหรงไม่รู้จะตอบเช่นไรในตอนนี้ และนางก็ไม่เข้าใจด้วยว่าคำว่ากลับมานั้นท่านพี่หมายความเช่นไร
“ท่านพี่มาได้อย่างไรเจ้าคะ”
ฝูอิงพี่สาวของของนางหันมายิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“พี่หนีออกมาจากที่นั่น เมื่อรู้ว่าไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้ ก็เลยกลับมาหาเจ้า กลับมาหาทุกคน"
ฝูหรงพยักหน้าเบาๆ พยายามกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นภายในใจ นางรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากความสงบสุขที่เพิ่งค้นพบในชีวิตใหม่
“ท่านพี่ แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป” นางยังอดที่จะกังวลแทนพี่สาวไม่ได้
“พี่ต้องการกลับมาอยู่กับครอบครัวในที่ ๆ พี่ควรอยู่และพี่หวังว่าจะได้รับการต้อนรับจากทุกคน รวมถึงเจ้าด้วย หรงหรง”
ฝูหรงมองพี่สาวด้วยสายตาสับสน นางไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร ครอบครับที่พี่สาวของนางหมายถึงครอบครับใด ครอบครัวของสกุลฝู หรือครอบครัวสกุลรั่ว
เมื่อสามีและครอบครัวของเขากลับมาจากงานราชการ นางจะต้องบอกพวกเขาอย่างไร
“ท่านพี่ ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าตอนนี้ข้าเป็นภรรยาของรั่วหยางจิ้น และข้าต้องรับผิดชอบหน้าที่ของข้า"
พี่สาวของนางยิ้มแต่มีแววตาเศร้า "พี่รู้หรงหรง พี่ไม่ได้มาขัดขวางชีวิตเจ้าหรอก พี่แค่อยากอยู่ใกล้ๆ กับครอบครัวและรับผิดชอบในสิ่งที่พี่ทำพลาดไป ขอเพียงเจ้าและหยางจิ้นให้อภัย”
ฝูหรงพยักหน้าเบาๆ แต่ในใจยังคงมีความกังวล นางไม่รู้ว่าหากสามีของนางรับรู้เรื่องนี้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพบว่าพี่สาวของนางกลับมา
ในเย็นวันนั้น เมื่อรั่วหยางจิ้นกลับมาถึงจวน ฝูหรงจึงได้โอกาสบอกเขาเรื่องที่เกิดขึ้น
“ท่านพี่ มีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องบอก”
รั่วหยางจิ้นมองหน้าภรรยาอย่างสงสัย “เรื่องอะไรหรือ”
“พี่สาวข้า...นางกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดอย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความหนักหน่วงในหัวใจของตน
รั่วหยางจิ้นหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าไม่ต้องห่วง” เสียงของเขาสงบนิ่ง แต่ฝูหรงกลับรู้สึกกังวล
ในเรื่องของความรัก ความบังเอิญแทบจะไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีผู้คนคอยวางแผนและทำให้มันเกิดขึ้น นั่นคือเขาเอง เขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังบทละครทุกฉากและวางแผนการทั้งหมดอย่างละเอียดรอบคอบ เขาอดทนและเตรียมแผนการไว้อย่างลับๆ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาหวัง ไม่ว่าอย่างไรคนที่เข้าพิธีแต่งงานกับเขาต้องเป็นนางเท่านั้น
รั่วหยางจิ้นรู้ดีว่าความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย ตอนที่บิดาของเขาบอกว่าจะให้หมั้นหมายกับบุตรสาวของสกุลฝู เขานั้นปรารถนาให้ชื่อหญิงสาวที่บิดาเอ่ยออกมานั้นคือ
ฝูหรง
คนที่เขาหลงรักตั้งแต่ไปบ้านของท่านอาจารย์ของเขา แต่ชื่อที่บิดาเขาเอ่ยออกมากลับเป็นฝูอิงบุตรสาวคนโตของท่านอาจารย์
เรื่องแต่งงานย่อมต้องตบแต่งตามที่บิดามารดากำหนด แต่เจ้าสาวนั้นเขานี่ล่ะจะเป็นคนกำหนดเอง จึงร้องของไปว่าอย่าเพิ่งบอกใครว่าเจ้าสาวของเขาคือผู้ใด เพราะอย่างไรในยามนั้นฝูอิงก็ยังไม่ได้เข้าพิธีปักปิ่นเสียด้วยซ้ำ รอประกาศวันแต่งงานเลยเสียดีกว่า
เมื่อเห็นบุตรชายไม่มีทีท่าแข็งขืนที่ต้องแต่งงานตามคำสั่งของผู้ใหญ่ รั่วเจินหวิ้นจึงยอมตามใจ
รั่วหยางจิ้นจึงไม่เคยปฏิเสธการหมั้นหมายระหว่างของตระกูล เมื่อสั่งให้ไปเยี่ยมเยี่ยนคู่หมายเขาก็ไปตามหน้าที่ด้วยท่าทีนิ่งเฉย จนฝูอิงเป็นฝ่ายหนีหน้าเขาทุกคราวที่เขาไป ทิ้งให้เขานั่งอ่านตำราและดื่มน้ำชาที่ศาลาเพียงลำพัง เมื่อเห็นถึงเวลาสมควร รั่วหยางจิ้นก็จะขอลากลับ เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่บิดาสั่งให้ไปหาคู่หมาย
ด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจทำทุกอย่างให้แผนการลุล่วง เขาเชื่อว่าในที่สุดคนที่ต้องเข้าพิธีแต่งงานย่อมเป็นนางคนที่เขารัก ไม่มีทางเป็นผู้อื่นไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมานั้น ไม่ว่าจะเป็นการอดทน รอคอย หรือวางแผนการทั้งหมด ล้วนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เขาปรารถนา
และในที่สุดเขาก็สมหวัง เขาทำทุกอย่างให้ฝูอิงเป็นฝ่ายจากไป แล้วนางกลับมาทำไม
ลูกเขยคนนี้ พอจะเป็นพระเอกที่รี้ดจะเอ็นดูมั้ยเน้อ