ตอนที่ 1 ฉันจำอะไรไม่ได้
“ฉิบหายแล้ว เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” เสียงหวานใสอุทานเบาๆ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไม่ใช่ของเธอ
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ฉัน..... จำอะไรไม่ได้เลย”
“ผมเชื่อ”
ชมพูแพรมองไปยังร่างสูงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมหน้าต่าง เขาอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันเอวสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ดวงตาคมมองจ้องมาที่เธอ
หญิงสาวมีอาการมึนงง เธอจำได้ว่าเมื่อคืนออกมาผับแถวคอนโดใหม่เพื่อฉลองที่เธอย้ายออกมาจากบ้านกับเพื่อนสนิทที่ทำงานที่เดียวกัน แต่ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ
“ไม่ต้องคิดเยอะ ที่นี่ก็ห้องพักในผับนั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เอาไว้ค่อยคุยกัน ผมต้องไปทำงานแล้ว คุณมีอะไรข้องใจก็ติดต่อผมไปตามนามบัตรนี่ก็แล้วกัน เป็นเบอร์ส่วนตัวของผมเอง” ร่างสูงเดินมาวางนามบัตรลงบนเตียง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาในสภาพที่พร้อมออกไปทำงาน
“อ้อ.....อย่าลืมหายากินด้วยล่ะ เมื่อคืนผมไม่ได้ป้องกัน” เสียงทุ้มหูกล่าวจบก็เปิดประตูห้องเดินออกไป
ชมพูแพรหน้าเหวอ เธอมัวแต่อึ้งจนลืมถามอะไรหลายอย่าง แต่ก็รวบรวมสติแล้วพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ต้องนิ่วหน้ากับอาการเจ็บระบมไปทั่วตัว โดยเฉพาะตรงส่วนนั้น ก็แน่สิ ครั้งแรกของเธอนี่ แถมกับใครก็ไม่รู้ แล้วพูดหน้าตาเฉยว่าไม่ได้ป้องกันอีกต่างหาก
หญิงสาวเบะปากก่อนจะกัดฟันลุกขึ้น เดินช้าๆ ไปที่ห้องน้ำ แต่เมื่อเธอเห็นสภาพตัวเองผ่านกระจกก็ต้องร้องกรี๊ดออกมา คนตัวเล็กตกใจจนแทบจะร้องไห้ แต่ก็ต้องรวบรวมสติแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วรีบออกจากห้องไปโดยไม่ลืมหยิบนามบัตรนั้นไปด้วย
“หายไปไหนมา อีบ้า สภาพอย่างกับโดนโทรม” พศินเพื่อนสาวร่างชายส่งเสียงแหวใส่เธอหลังจากชมพูแพรก้าวเข้ามาในห้องทำงาน
“อีบ้า เว่อร์ไปย่ะ” หญิงสาวบอกเพื่อนพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เหล่ผู้ชายแป๊บเดียว หันมาอีกที ยัยนี่มันหายไปไหนก็ไม่รู้” ปรางค์วลัย เพื่อนสาวแท้อีกคนที่ไปด้วยกันบ่นเธอเบาๆ
“เอาน่า ไว้ตอนพักค่อยคุย ฉันเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก” ชมพูแพรพูดเบาๆ ก่อนจะหันมาเปิดคอมพิวเตอร์แล้วหยิบเอกสารที่ตั้งบนตรงมุมโต๊ะมาเปิดแล้วเริ่มตั้งสมาธิในการทำงาน
ชมพูแพร หรือ ชมพู หญิงสาวหน้าตาหมวยแต่ดวงตากลมโต เธอเป็นลูกเสี้ยวจีนจึงมีผิวขาวสว่างแบบคนจีนไม่ใช่ขาวเหลืองแบบคนไทยทั่วไป หญิงสาวเป็นคนตัวเล็ก สูง 165 เซนติเมตร ตามแบบมาตรฐานหญิงสาวทั่วไป และด้วยความที่เธอเรียนโรงเรียนเอกชนมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่เคยตัดผมสั้นเลย ชมพูแพรไว้ผมยาวถึงบั้นเอวมาตั้งแต่เด็กจนโต ด้วยความที่ผมของเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อน และตรงปลายผมเป็นลอนตามธรรมชาติ เธอจึงดูเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต
“อะ ไหนเม้าท์มา หายไปไหนมา” พศิน หรือพินนี่ รีบถามชมพูแพรหลังจากที่รีบกินข้าวแล้วมาหาที่นั่งหลบมุมเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน
“ก็ ตื่นมาก็อยู่บนเตียงกับใครก็ไม่รู้ ในห้องที่ผับนั่นแหละ” เสียงหวานใสบอกเล่าเบาๆ
“.....วันไนท์เหรอวะ” ปรางค์วลัยถามอย่างตกใจ
“ก็คงงั้นว่ะ แต่เขาก็ทิ้งนามบัตรไว้นะ”
“เดี๋ยวๆ ห้องที่ผับเหรอ แต่ที่ผับนั้นไม่มีห้องวีนะ ได้ข่าวว่าห้องเดียวที่มีคือห้องพักของเจ้าของผับ” พศินพูดเสียงดังเมื่อนึกขึ้นมาได้หลังจากรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
“ไอ้ชมพู แกนอนกับเจ้าของผับเหรอวะ” ปรางค์วลัยถามเพื่อนหน้าตาตื่น
“ฉันจะรู้ไหมล่ะ” ชมพูแพรเองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกัน
“แล้วเอายังไงต่อ” พศินถามเพื่อนพลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“ก็ไม่เอาไง ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว ฉันกินยาไปแล้วด้วย” หญิงสาวตัวเล็กบอกอย่างพยายามไม่คิดอะไรมาก
พศินกับปรางค์วลัยได้แต่ส่ายหน้ากับความเด๋อด๋าของเพื่อน ชมพูแพรเป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าใครจะมองก็สะดุดตา แต่หญิงสาวเป็นคนที่โก๊ะ ซุ่มซ่าม จึงเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของกลุ่มที่ต้องคอยห่วงเธออยู่ตลอด
“ไปเหอะ ได้เวลาแล้ว วันนี้ช่วงบ่ายฉันมีส่งงานวิจัย” หญิงสาวตัวเล็กยกข้อมือมาดูนาฬิกา ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วชวนเพื่อนกลับขึ้นห้องทำงาน
ทั้งสามคนทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เข้างาน 9 โมงเช้า และเลิกงาน 4 โมงเย็น แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงเช้าของแต่ละวันก็ต้องเร่งรีบไม่ต่างกับคนอื่น เพราะสถานที่ทำงานตั้งอยู่ในแหล่งรถติดพอดี
“สวัสดีค่ะหมอหนึ่ง”
“สวัสดีครับ ผมขอเวลา 10 นาที แล้วเรียกคิวได้เลยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
ชยกร หรือ หนึ่ง คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เขาเป็นหมอเฉพาะทางด้านปอด ในช่วงเวลาปกติที่ชายหนุ่มอยู่โรงพยาบาลก็จะอยู่ในมาดของคุณหมอหนุ่มผู้แสนใจดีและอบอุ่น แต่ในเวลาหลังเลิกงานเขาจะกลายเป็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ชายมาดเข้มที่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นคนเดียวกัน และเป็นเจ้าของผับดังย่านใจกลางเมือง
ร่างสูงแวะบอกเจ้าหน้าที่พยาบาลก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะถอดเปลี่ยนหน้ากากอนามัย แล้วหยิบแฟ้มประวัติคนไข้ขึ้นมาดู ไม่นานพยาบาลก็เรียกคิวคนไข้แล้วเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ อาการเป็นยังไงครับ”
เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยถามคนไข้อย่างเป็นกันเอง รอจนคนไข้บอกอาการจบก็ดูแฟ้มประวัติแล้วเขียนสั่งยาลงไป ก่อนจะรันคิวคนต่อไป
ตลอดช่วงเช้าชยกรใช้เวลาในการรักษาคนไข้ จนกระทั่งเที่ยงกว่า เขาถึงปิดรับคิวและขอตัวลงไปพักกลางวัน
ชายหนุ่มเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ผิวขาวสะอาดราวกับไม่เคยถูกแสงแดด ใบหน้าหล่อเหลาสวมแว่นตาที่รับกับใบหน้าเขาเป็นอย่างดี
“ไง ไอ้หมอหนึ่ง”
บ่ากว้างถูกตีไม่เบานัก ก่อนที่ผู้เข้ามาทักทายจะลากเก้าอี้ออกจากโต๊ะ แล้วนั่งลงพร้อมกับจานข้าวในมือ
“ไงไอ้หมอเมฆ” เขาทักทายเพื่อนเสียงเหนื่อยหน่าย
“เมื่อคืนหายไปเลยนะมึง” เมฆา เพื่อนสนิทที่รู้ทุกเรื่องของชยกรแซวน้ำเสียงล้อเลียน
“หายห่าอะไรล่ะ อยู่ในห้องนั่นแหละ”
“แล้วสาวน้อยขาวจั๊วะคนนั้นอะ”
“.....”
“ไม่ตอบเว้ยเห๊ยย ได้กินหรือยังวะ” เมฆาถามเบาๆ อย่างรู้นิสัยเพื่อนดี
“พูดมาก”
“แปลกๆ นะเนี่ย ปกติไม่เคยปิดบังเพื่อน”
“พูดมาก กินข้าวไป” เขาพูดแล้วตักข้าวเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเมฆาคาดคั้นเอาจากเพื่อนไม่ได้ก็เลยยอมเปลี่ยนเรื่องแล้วนั่งกินข้าว ก่อนที่ในช่วงบ่ายต้องขึ้นตรวจคนไข้ต่อ
หลังจากได้เวลาเลิกงาน ชยกรนั่งพักสายตาด้วยความเหนื่อยล้า ชายหนุ่มหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ในช่วงเย็นของเมื่อวานเมฆามาขอไปที่ผับด้วย ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเมฆาเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตน รู้นิสัยของเขามากที่สุด จนเมื่อมาถึงที่ผับเขาก็ปล่อยเมฆาไว้ข้างล่าง ส่วนเขาก็ขึ้นมาที่ห้องทำงานเหมือนปกติ
จนกระทั่งทำงานเสร็จและตั้งใจจะลงไปหาอะไรดื่ม ชายหนุ่มออกมาจากห้องทำงาน เขายืนมองบรรยากาศข้างล่างอยู่ที่บันได ดวงตาคมกวาดมองไปเรื่อยๆ แต่ก็ไปสะดุดกับหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่ง ดูเหมือนเธอมากับกลุ่มเพื่อนของเธอ ความตัวเล็กน่ารักบวกกับผิวที่ขาวจนแม้แต่ความมืดยังไม่สามารถปกปิดมันเอาไว้ได้ ทำให้เธอสะดุดตาเขา
ขายาวก้าวลงมาข้างล่างช้าๆ ตั้งใจจะเดินผ่านบริเวณที่กลุ่มของพวกเธอยืนอยู่ แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เป้าหมายของเขาถือแก้วหมุนตัวมาทางเขาพอดี เขาจึงตั้งใจเดินไปชนเธอ
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ เป็นอะไรไหมคะ” หญิงสาวถามเขาเสียงอ้อแอ้
“ไม่เป็นอะไร แต่เสื้อผมเป็นครับ ชุดของคุณก็เป็น” มือหนาจับเสื้อตัวเองที่เปียกเหล้าที่หกใส่ แล้วชี้ที่ชุดเดรสสีขาวของหญิงสาวที่เปียกเช่นกัน
“เอ่อ.....”
หญิงสาวตัวเล็กยังมึนอยู่ เธอเมาค่อนข้างมาก ดวงตาคมมองไปยังเพื่อนของหญิงสาวก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังเต้นอย่างเมามันก็ยิ้มมุมปาก
“ผมมีเสื้ออยู่ข้างบนชั้นสอง ไปเอาเสื้อมาเปลี่ยนเถอะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อ๊ะ.....”
เสียงปฏิเสธไม่เป็นผล เมื่อร่างเล็กปลิวไปตามแรงดึง ที่จับต้นแขนของเธอแล้วออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยเธอก็ปลิว ก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะเปลี่ยนมาเป็นโอบเอวเล็กแล้วพาเธอเดินไปด้วยกัน
“ไปไหนคะ”
“ไปห้องทำงานผมครับ มีเสื้อเชิ้ตอยู่ คุณก็เอาเสื้อไปใส่ด้วย มันเปียก ชุดคุณเป็นสีขาว เดี๋ยวจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน”
“เห็นไปไหนคะ”
“นี่คุณดื่มไปเยอะเหรอ”
“ไม่เยอะค่ะ แต่จำไม่ได้”
“.....”
ชยกรขมวดคิ้วเล็กน้อย ลองปล่อยมือออกจากเอวเล็ก แล้วก็เป็นเหมือนที่เขาคิด ร่างบอบบางเซจนแทบจะยืนไม่อยู่ จึงพาหญิงสาวเดินไปยังห้องพักส่วนตัวของเขา
“คุณเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในห้องน้ำเถอะ” ร่างสูงพาหญิงสาวเดินมาส่งที่หน้าประตูห้องน้ำ มือเอื้อมหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กับกางเกงขายาวที่แขวนอยู่ใกล้ๆ เอามายื่นใส่มือเธอแล้วผลักให้หญิงสาวก้าวเข้าไปข้างใน
มือหนาเอื้อมหยิบเสื้อเชิ้ตอีกตัวมาวางไว้บนเตียง แล้วปลดกระดุมเสื้อตั้งใจจะถอดมันออกเพื่อเปลี่ยนตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อมีเสียงเปิดประตูห้องน้ำ
“ถอดชุดไม่ได้ ว้าว คุณหุ่นดีจัง” เสียงหวานใสดังอู้อี้แทบฟังไม่รู้เรื่อง
เท้าเล็กเดินเซเข้ามายืนตรงหน้าร่างสูง ดวงตากลมโตมองไปที่รูปร่างของเขาแล้วก็ทำตาโต เธอมองเขาด้วยแววตาชื่นชมแล้วเอ่ยปากออกไป มือเล็กเผลอยกขึ้นมาแตะบนกล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้องเขาอย่างไม่รู้ตัว
“ชอบเหรอ”
“ชอบสิ ใครจะไม่ชอบคนหุ่นดีล่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับมองเขาตาแป๋ว แต่แววตาหยาดเยิ้มจากฤทธิ์แอลกอฮอล์โดยไม่รู้ตัว
“อยากได้ไหมล่ะ” ชยกรถามแล้ววางมือทาบลงบนมือเล็ก
“อะไรคืออยากได้ อยากได้ไปไหน”
ชายหนุ่มสบตาเธอเพื่อสำรวจว่าเธอใสซื่อจริงๆ หรือแค่เรียกร้องความสนใจ แต่เมื่อดวงตากลมโตไม่มีแววความพิศวาสในนั้นก็ต้องยอมรับว่าหญิงสาวใสซื่อจริงๆ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ชยกรบอกเธอเสียงนุ่ม
“ถอดไม่ได้”
“ทำไมถอดไม่ได้”
“ก็ซิปมันอยู่ข้างหลัง”
คนตัวเล็กหันหลังให้เขาดู ดวงตาคมกวาดมองแล้วก็ต้องลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวเนียนสว่างปรากฏอยู่ตรงหน้า ชุดที่เธอใส่มันแทบไม่ได้ปิดอะไรเลย เพราะมันสั้นแค่โคนขา ที่สำคัญมันเป็นเดรสคล้องคอ ข้างหลังจึงคว้านลึกจนเกือบถึงเอว
ฝ่ามือหนายกขึ้นแตะไปที่แผ่นหลังขาวเนียนแผ่วเบา ก่อนที่จะเลื่อนไปปลดกระดุมของสายที่คล้องลำคอระหงออก มันเลื่อนหล่นลงไปด้านหน้าโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้คว้าเอาไว้เพราะความเมา
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกๆ เขาอยากจับร่างเล็กกดลงกับเตียงใจจะขาด แต่ดูจากท่าทางแล้วหญิงสาวน่าจะยังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย จึงไม่อยากทำร้ายเธอ
“ดีจัง ถอดได้แล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า” คนตัวเล็กหมุนตัวแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจคนแปลกหน้าที่กำลังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ชยกรพยายามอดกลั้นความรู้สึกของตัวเองที่มันกำลังพุ่งขึ้นสูงอย่างที่ไม่เคยเป็น เขายกมือลูบใบหน้าตัวเองแล้วนั่งลงบนเตียง มือควานหาบุหรี่ที่ชอบวางเอาไว้ข้างเตียงขึ้นมาจุดสูบ
“ใส่กางเกงไม่ได้ หลวมมากเลย”
ไม่นานร่างเล็กบอบบางกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาเพียงตัวเดียว พร้อมกับชูกางเกงให้เขาดู
“เดินมานี่” เสียงนุ่มที่เริ่มเจือความแหบพร่าสั่งเธอเบาๆ
หญิงสาวตัวเล็กเดินเข้ามายืนตรงหน้าเขาอย่างว่าง่าย เอวเล็กถูกจับรวบเอาไว้แล้วดึงเข้าหาร่างกายสูงใหญ่ เธอยืนอยู่ตรงกลางหว่างขาของเขา ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างชื่นชม
“คุณหล่อจัง มีแฟนหรือยัง”
“ยัง ชอบเหรอ”
“อื้อ ชอบมากเลย”
“อยากได้ไหม”
“อยากได้สิ”
“ให้ เอาไหม”
“เอา”
“ห้ามกลับคำพูดนะ”
“ทำไม.....อ๊ะ”
เสียงหวานใสขาดหายไปเมื่อร่างของเธอปลิวขึ้นไปอยู่บนเตียง ดวงตากลมโตมองเขา มันไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในนั้น จนเมื่อร่างสูงขยับกายขึ้นมาบนเตียง ภายในห้องก็ร้อนระอุ เสียงคำรามปนเสียงครางสะอื้นดังสนั่นไปทั่วห้อง แต่มันไม่ได้เล็ดลอดออกไปแม้แต่แอะเดียว