ตอนที่ 9 ปั่นป่วนในเรือนสมุนไพร
ทุกการกระทำของเหล่านักเรียนหนุ่มสาวล้วนถูกตัวตนปริศนาที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้อาคมล่องหนจับตามองเอาไว้เรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว
ตึก ตึก ตึก ตึก
‘คิก คิก ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าพวกนักเรียนปลาซิวปลาสร้อยแสนอ่อนด๋อยไร้ฝีมือเอ๊ยยย คิดว่าจะมาวางแผนจับข้าผู้นี้น่ะมันยังเร็วไป 100 ปีเว้ย หุ หุ’ ตัวตนปริศนาที่ได้เข้ามาอยู่ในโรงเรือนที่ 8 แล้ว คิดเยาะเย้ยขึ้นมาภายในใจขณะที่กำลังขุดเอาสมุนไพรหายากทั้งหลายยัดใส่เข้าไปในย่ามอย่างสบายใจเฉิบ
‘ไอ้วิญญาณลมตดนั่นถ้าคิดจะแอบก็แอบให้มันเนียนๆ หน่อยสิเห้ย! คิดว่าเข้าไปแอบอยู่ในซอกผมแดงๆ นั่นแล้วจะหลบสายตาของข้าได้งั้นหรอฟะ ฮ่า ฮ่า ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ดีกว่า’
‘ส่วนไอ้เด็กนักเรียนสองคนที่กำลังแอบซุ่มอยู่ตรงนั้นด้วยกันก็ดันเผลอหลับไปอีก งานหมูเลยล่ะเว้ยของบอก ก๊าก ฮ่า ฮ่า ฮ่า’ ตัวตนปริศนายังคงขุดสมุนไพรออกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรภายใต้อาคมล่องหนของตน
ฟุบ ฟุบ ฟุบ
“โธ่เว้ย ไอ้เจ้ามนุษย์บื้อรีบตื่นสักทีสิเฟ้ย บทเรียนนี้มันสำคัญมากนะเฟ้ย” เมฆจิ๋วยังคงพยายามอย่างสุดฤทธิ์เพื่อใช้ตัวนุ่มฟูของตนกระทุ้งเข้าใส่ใบหน้าของหนุ่มผมแดงหวังให้ตื่นขึ้นมาเรียนวิชาอาคมสุดแสนจะสำคัญต่อ
“งื้ม งื้ม คิก คิก ฮ่า ฮ่า” ชาไทยยังคงนอนหลับฝันหวานต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาได้ง่ายๆ
“…”
“อ่า~ เอาล่ะเห็นแก่ความโง่เง่าของไอ้พวกนี้งั้นวันนี้ข้าจะจัดโปรโมชันขโมยสมุนไพรหายากมันให้หมดทั้งสามโรงเรือนเลยก็แล้วกัน ข้าจะแสดงฝีมือให้เห็นเองว่าไอ้พวกเด็กไร้น้ำยาพวกนี้ก็คงไม่เท่าไหร่ล่ะว้า~”
ตัวตนปริศนาที่จัดการขโมยสมุนไพรหายากภายในโรงเรือนที่ 8 จนหมดสิ้นไม่เหลืออะไรต่อแล้วก็ได้คลุมร่างกายเอาไว้ด้วยอาคมล่องหนอีกครั้งแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ามีความสุขสุดๆ มุ่งหน้าสู่โรงเรือนที่ 9 ทันที
(โรงเพาะชำเรือนกระจกหลังที่ 9)
ผึบผับ ผึบผับ
ตึก ตึก ตึก ตึก
“หยุดดดน๊าาา!” ฮารุโหวกเหวกโวยวายวิ่งตามนกยักษ์หัวดื้อต่อไป
“วู้หู้ว~ ออกมาซะสิเจ้าโจรขโมยชุดชั้นในขี้ขลาดข้าสดายุผู้นี้จะเป็นผู้ที่กำราบเจ้าให้จมดินเอง แกว๊ก!” นกยักษ์สีเขียวมรกตยังคงบินไปมาพูดท้าทายอย่างต่อเนื่องส่งเสียงก้องกังวานเสียงดัง
“หยุดนะสดายุ! กลับเข้ามาในกำไลซะ! ไม่งั้นมันจะเรียกการดักซุ่มงั้นเหรอเจ้าบ้า กลับเข้ามาซะ!” ฮารุก็ยังคงวิ่งตะโกนไล่ตามนกยักษ์เพื่อที่จะจับเข้ามาในกำไลอีกครั้ง
“โธ่เฟ้ยเจ้าพวกนี้! ให้ตายเหอะคิดว่าถ้าส่งเสียงดังอย่างนั้นคนร้ายมันจะเดินดุ่ยๆ ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราหรือไงฮะ ไอ้นกติ๊งต๊อง” แพรววาสุดจะทนที่ห้ามทั้งสองไม่ได้จึงร่วมตะโกนด้วยซะอย่างงั้น
“ย๊ากกก!!”
‘ก๊าก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้เด็กสาวพวกนี้ก็ตลกดีเหมือนกันนะเนี่ย หึ หึ ถ้าข้าขโมยสมุนไพรเหล่านี้เสร็จเมื่อไหร่ก็จะขอไปแอบลูบไล้จับสัมผัสผิวขาวๆ เนียนๆ ของเจ้าพวกนั้นสักทีน๊า~’ ตัวตนปริศนาเดินทางมาถึงหน้าโรงเรือนที่ 9 เรียบร้อยแล้ว
“อยู่ไหนฟร้าเจ้าโจรขโมยชุดชั้นในหน้าไม่อายถ้าแน่จริงก็ปรากฏตัวออกมาซะสิ” นกยักษ์สีเขียวมรกตตะโกนส่งเสียงท้าทายออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อย
‘คิก คิก ดี ดี ข้าก็อยู่นี่แล้วไงไอ้นกโง่ตัวเขียว ต่อให้มีแสงจันทร์สาดส่องลงมาก็ตามยังไงอาคมล่องหนของข้าก็สุดยอดที่สุ…แผละ!?’ ตัวตนปริศนาที่กำลังเดินเข้ามาภายในโรงเรือนที่ 9 ได้เผลอเหยียบลงไปบนอะไรบางอย่างจนเกิดเสียงดังขึ้นมา
จิ๊ดดด~ แผละ!? ปุ๋ง!
วาบบบ
“…อะ เอ๋!?” ตัวตนปริศนาถูกคลายอาคมล่องหนออกจนเผยร่างที่แท้จริงออกมา
สาเหตุที่ทำให้ตัวตนปริศนาถูกเปิดเผยตัวตนออกมาได้ก็คือ หนูหิมพานต์หรืออีกชื่อหนูสายรุ้ง ที่ฮารุได้แอบอัญเชิญออกมาไว้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาภายในโรงเรือนแล้ว โดยใช้ให้เหล่าหนูหิมพานต์ที่มีสันสันแตกต่างกันไปถึง 7 สี คอยเข้าไปซุกตัวแอบซุ่มเอาไว้อยู่ในกองสมุนไพรและใต้พื้นดินแม้ว่าพวกหนูส่วนมากจะแอบกัดแทะรากของสมุนไพรหายากที่อยู่ใต้พื้นดินก็ตาม
เมื่อหนูหิมพานต์ถูกสัมผัสเข้ากับอาคมอะไรก็ตามแต่ ก็จะทำการสลายอาคมนั้นลงโดยแลกกับการเสียสละชีวิตของตัวมันเองแม้จะฟังดูน่าเศร้าที่พวกมันมีชีวิตอันแสนสั้นแต่พวกมันก็มีข้อดีคือการแพร่พันธุ์ที่รวดเร็ว ด้วยเหตุผลนี้เองพวกมันจึงเป็นแหล่งอาหารพื้นฐานและเป็นผู้ที่อยู่ในจุดล่างสุดของห่วงโซ่อาหารในหิมพานต์ไปโดยปริยาย
“หือ!?”
ทุกสายตาจับจ้องไปยังต้นกำเนิดเสียงเผยให้เห็นเป็นร่างของชายแก่สูงอายุฟันดำขลับหนวดเคราเฟิ้มสีเทาสกปรกที่มีเส้นผมบางๆ บนหัวเพียงไม่กี่เส้น มีเพียงย่ามและเสื้อผ้าที่ทำมาจากกระสอบป่านที่ขาดวิ่นห่อคลุมปกปิดอวัยวะตรงบริเวณที่ลับเพียงเท่านั้น
“เยี่ยมติดกับดักเข้าจนได้สินะเจ้าหัวขโมย ฮ่า ฮ่า” ถึงแม้หนูหิมพานต์จะถูกอัญเชิญและถูกเหยียบโดยบังเอิญจนสามารถคลายอาคมล่องหนได้แต่ฮารุก็พึงพอใจในผลลัพธ์เป็นอย่างมาก
“เอ๋ เจ๋งไปเลยนี่ฮารุ” แพรววากล่าวบอกอย่างประหลาดใจ
“อะ อะไรกันฟะอาคมล่องหนสุดไร้เทียมทานของข้าสลายหายไปได้ยังไงกันวะ” ชายแก่หัวล้านบ่นออกมาอย่างไม่พอใจเพราะอาคมล่องหนที่เป็นอาคมที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดกลับถูกคลายออกอย่างง่ายดายด้วยหนูสีฟ้าตัวเล็กๆ เพียงตัวเดียวเท่านั้น
“เอาล่ะ! ทีนี้แกจะโดนไม่ใช่น้อยแน่ไอ้หัวขโมยสมุนไพร!” แพรววาตะโกนพร้อมกับชี้นิ้วไปทางชายแก่ปริศนา
“แกว๊ก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดเจ้าก็ยอมเปิดเผยตัวต่อหน้าข้าผู้นี้แล้วสินะ เจ้าโจรแก่ขโมยชุดชั้นใน!” สดายุบินพุ่งโฉบเข้าใส่ชายแก่หัวล้านทันทีที่อาคมล่องหนสลายออกจนหมด
สดายุนกยักษ์มรกตบินโฉบเข้าใส่ทั้งจิกทั้งข่วนแต่ก็ไม่อาจทำอะไรชายแก่หัวล้านได้ เพราะทันทีที่ร่างจริงถูกเปิดเผยก็ใช้อาคมเพื่อป้องกันตัวเองทันที
เคล้ง!
“ไปเลยหนูหิมพานต์” ฮารุกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วสั่งการหนูหิมพานต์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ใต้ดินให้โผล่ตัวขึ้นมาโจมตีชายแก่หัวล้าน
แน่นอนว่าต้องมีตัวที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของฮารุอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีที่มีหนูหิมพานต์หลายสิบตัวพุ่งออกมาจากใต้พื้นดินเข้าจู่โจมเกาะแกะและกัดแทะสร้างความวุ่นวายให้แก่ชายแก่หัวล้าน ทำให้อาคมป้องกันที่ปกคลุมร่างกายหายไปสิ้น
จิ๊ด! จิ๊ดดด!
“หลบไปฮารุ! ย๊ากกก เอาไปกินซะ! หมัดพิภพพฤกษา!” แพรววาไม่พูดพร่ำทำเพลงตะโกนเสียงดังออกมาพร้อมกับใช้มือต่อยออกไปในอากาศ ไปยังทิศทางที่ชายแก่หัวล้านยืนอยู่
ทันใดนั้นพื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงเสียงดังหวั่นไหวเป็นที่มาจากการเคลื่อนไหวมารวมกันของเหล่ารากไม้รากสมุนไพรเส้นเล็กๆ หลายร้อยเส้นภายใต้โรงเรือนแห่งนี้จนมีขนาดยาวใหญ่เทียบเท่ากับต้นมะพร้าวแทงทะลุออกมาจากใต้พื้นดินเตรียมตัวพุ่งเข้าใส่ชายแก่หัวล้าน
ครืน! ครืน!
“เหวอ~ นี่สินะสาเหตุของแผ่นดินไหวที่เธอเป็นคนทำเมื่อตอนบ่าย สุดยอดไปเลยแพรววา!” ฮารุกระโดดหลบกำปั้นรากไม้จากคำตะโกนแจ้งบอกของแพรววา
ครืน! ครืน! เคล้ง!
“ยั๊ก! ยั๊ก! กระจอกหน่าก็แค่วัชพืชอ่อนแอทำอะไรข้าไม่ได้หรอกไอ้หนู” ชายแก่หัวล้านใช้มีดสั้นอาคมเหวี่ยงไปมาเพื่อปัดป้องรากไม้ที่พุ่งเข้าใส่อย่างง่ายดาย
“หน็อย เอาไปกินจนกว่าจะพอใจซะไอ้แก่หัวล้าน ย๊ากๆ!” แพรววารัวหมัดต่อยออกไปในอากาศพร้อมกับกลุ่มก้อนรากไม้ที่ก่อตัวเป็นรูปกำปั้นหลายสิบหมัดพุ่งเข้าใส่ชายแก่หัวล้านอย่างรวดเร็ว
ฟึบ ฟึบ
แม้ว่าอาคมล่องหนจะหายไปแล้วแต่ฝีมือการใช้อาคมโจมตีและการต่อสู้ของชายแก่หัวล้านก็ยังคงมีมากพอที่จะใช้หยุดการโจมตีด้วยอาคมหมัดพิภพพฤกษาของแพรววาที่รัวกระหน่ำใส่และการโจมตีก่อกวนจากอากาศของนกยักษ์สีเขียวมรกตได้
“เหอะ! อย่าคิดว่าของพรรค์นั้นจะทำอะไรข้าได้เลย ข้าจะให้ดูอาคมหุ่นพยนต์ของข้าเป็นขวัญตาก็แล้วกัน สุนัขซากศพ!” ชายแก่หัวล้านหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามาแล้วควักเอาหุ่นตุ๊กตารูปสุนัขที่ทำมาจากดินเหนียวออกมาจากย่าม 5 ตัวก่อนจะโยนมาทางนักเรียนหญิงทั้งสองคน
เพล้ง
เมื่อหุ่นดินเหนียวตกถึงพื้นก็แตกออกปรากฏเป็นร่างของสุนัขขนาดใหญ่ที่ร่างกายมีแผลเหวอะหวะส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจนแสบจมูกวิ่งกระโจนเข้าใส่นักเรียนหญิงทั้งสองคน โดยที่ชายหัวล้านไม่ต้องสั่งการด้วยซ้ำ
โฮ่ง! โฮ่ง!
เพราะด้วยพื้นที่ที่ได้เปรียบกว่าในโรงเพาะสมุนไพรทำให้แพรววาสามารถใช้อาคมการควบคุมรากไม้ของตนเพื่อปัดป้องการโจมตีจากสุนัขซากศพที่พยายามพุ่งเข้ามาโจมตีเธอได้อย่างไม่อยากเย็นนัก
ส่วนสุนัขซากศพที่เหลือเมื่อได้เห็นสีสันชวนสะดุดตาจากเหล่าหนูหิมพานต์ที่วิ่งยั้วเยี้ยไปมาอยู่ ก็ได้เข้าขย้ำกัดกินเหล่าหนูจิ๋วอาคมจนหมดสิ้นด้วยความบ้าคลั่ง
โฮ่ง! โฮ่ง! กรรร!
“ย๊ากกก ออกไปนะเว้ยไอ้พวกหมาบ้าน่ารังเกียจ!” แพรววารัวหมัดอาคมใส่อากาศ รากไม้ที่ก่อร่างเป็นกำปั้นพุ่งเข้าใส่สุนัขซากศพได้สำเร็จ!
เอ๋ง!
“แกว๊ก!”
“ร้องเอะอะอยู่ได้ทำอะไรสักอย่างสิเจ้านกติ๊งต๊อง” แพรววาตะโกนออกมา
“หน็อยข้าก็กำลังจะจัดการไอ้หัวล้านโรคจิตอยู่นี่ไงเล่ายัยบื้อหัวขาว” สดายุไม่มีทีท่าว่าจะสามารถจัดการหัวขโมยสมุนไพรได้เลยเพราะด้วยฝีมือที่ห่างชั้นกันเกินไปแม้มันจะได้เปรียบเรื่องขนาดตัวก็ตาม
สดายุยังคงคอยรังควานสร้างความวุ่นวายให้แก่ชายหัวล้าน ส่วนฮารุที่ไม่มีทักษะเกี่ยวกับการต่อสู้เลยทำได้เพียงแค่วิ่งหนีไปมาอย่างทุลักทุเลจนเสียหลักสะดุดรากไม้เส้นเล็กๆ ที่โผล่ขึ้นมาพ้นเนินดินล้มหน้าคะมำไถลลงไปกับพื้น เปิดช่องว่างให้แก่สุนัขซากศพเน่าเหม็นทั้งสองตัวที่ไล่ตามมากระโจนเข้าใส่หวังจะขย้ำคอเพื่อปิดชีพหญิงสาว
โฮ่ง! โฮ่ง! กรรร!
“กรี๊ดดด”
“เกลียวหินอาคม!”
กรี๊ดดด! ปัก ปัก ปัก ตู้มมม!
“ไม่เป็นไรนะฮารุ! แพรววา! หือ!? นกยักษ์!? แล้วก็ไอ้โรคจิตหัวล้าน!?” หัวหน้าห้องที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าออก รีบวิ่งมาหลังจากสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวของผืนดินก่อนหน้า ก็ได้ใช้อาคมพลังจิตควบคุมหินที่อยู่ใกล้ๆ เข้าขวางทางการโจมตีของสุนัขซากศพที่หวังรุมทึ้งสาวญี่ปุ่นได้อย่างฉิวเฉียด
“เอ๊ะ!? ขอบใจมากยาหยี” ฮารุประคองตัวลุกขึ้นมาได้สำเร็จ
“ช่วยไว้ได้ฉิวเฉียดไปเลยหัวหน้าห้อง! นกยักษ์นั่นเป็นสัตว์อัญเชิญของฮารุน่ะ ส่วนตาแก่หัวล้านโรคจิตตรงนั้นน่ะคือคนร้ายตัวจริงที่เข้ามาขโมยสมุนไพร!” แพรววาตะโกนบอกเพื่อนสาวที่เพิ่งมาถึง
“กรอด หน็อยไอ้พวกเด็กแสบวันนี้แหละพวกแกไม่รอดแน่ข้าจะทำลายโรงสมุนไพรทิ้งให้หมดไปเลย! อสรพิษจองจำ!”
ฟ่อ!!
ชายแก่หัวล้านเปลี่ยนรากไม้เส้นเล็กๆ ที่ตกอยู่ตามพื้นให้กลายเป็นงูพิษหลายสิบตัวพุ่งเข้าใส่พันธนาการร่างของนกยักษ์ จนมันตกลงมาที่พื้นได้ในที่สุด
ตุบ!
“เหอะ! เตรียมตัวตายไปซะไอ้นกเวร” ชายแก่หัวล้านง้างมีดอาคมที่ออร่าแผ่พุ่งออกมาเข้าใส่นกยักษ์ที่ตกลงมานอนขยับไปไหนไม่ได้เพื่อหวังจะปลิดชีพให้สิ้น
“เกลียวหินอาคม!”
ปัก ปัก ปัก!
ก่อนที่ชายแก่หัวล้านจะได้ทำตามที่หวังไว้ ยาหยีก็ได้ใช้อาคมพลังจิตของเธอควบคุมหินให้พุ่งเข้าใส่ขัดขวางการกระทำของเขาได้สำเร็จ
“แค่ก ยัยโง่ถ้าอยากตายมากนักข้าจะสนองให้ก็ได้ ถุย!”
“…เกลียวหินอาคม!” ยาหยีใช้อาคมพลังจิตของเธออีกครั้งจนทำให้ชายแก่หัวขโมยถึงขีดสุด
ปัก ปัก ปัก!
“หึ๊ย ไอ้พวกเด็กเปรต! ตอนแรกก็กะว่าจะปล่อยไปเพราะเห็นว่าหน้าตาดีใช้ได้อยู่หรอกแต่บังอาจมาใช้อาคมโง่ๆ ใส่ข้าซะได้งั้นก็เตรียมตัวตายเป็นคนแรกไปซะยัยโง่ ย๊ากกก!” ชายแก่หัวล้านละมือออกจากนกยักษ์ที่นอนดิ้นอยู่ จากนั้นจึงพุ่งใช้มีดฟัดเข้าใส่ยาหยีด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว
ขวับ ฉับ ฉับ
ยาหยีที่ถูกเพ่งเล็งโดยชายแก่หัวล้านถอยหลังกระโดดหลบใบมีดที่พุ่งเข้าหาได้อย่างพลิ้วไหว โดยที่ยังสามารถใช้อาคมของตัวเองตอบโต้กลับไปได้
ฮึบ ฮึบ
“คิดจะหนีไปถึงไหนกันยัยเด็กเปรต ข้าจะใช้มีดอาคมสุดโปรดเล่มนี้ระบายอารมณ์ใส่ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าให้เละจนพรุนไปเลย!” ชายแก่หัวล้านวิ่งไล่ต้อนยาหยีอย่างบ้าคลั่งแม้จะดูเหมือนว่า เขาจะเป็นฝ่ายที่เหนื่อยเองเสียมากกว่า
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองแสดงให้ดูซะสิ ย๊ะ!” ยาหยีใช้ทักษะการต่อสู้ประชิดขัดขวางการโจมตีด้วยคมมีดที่เข้าหาได้ทั้งหมด อีกทั้งยังใช้หมัดที่ห่อหุ้มไปพลังจิตซัดเข้าไปที่กลางท้องของชายแก่หัวขโมยจนเขาสำลักเลือดสีแดงเข้มคำโตออกมา
แผละ
“อั๊ก แค่ก แค่ก เจ้าจะไปได้อีกสักกี่น้ำกันวะ!” ชายแก่หัวล้านไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พุ่งเข้าใส่สาวแว่นตากลมอีกครั้ง
“ถอยออกมาเร็วยาหยี!” รัมย์ที่วิ่งมาถึงพอดีก็ได้ขวางขวดแก้วขนาดเท่านิ้วโป้งที่บรรจุของเหลวสีแดงสดอยู่ข้างในโยนออกไปโดนตัวชายแก่อย่างแม่นยำอย่างกับจับวาง
เพล้ง!
“อ๊ากกก!” ชายแก่หัวล้านตะโกนร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดจากฤทธิ์อันแสบร้อนของของเหลวภายในขวดแก้วและยังส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วอีกด้วย
“สำเร็จ! เป็นไงล่ะเจ้าหัวขโมย แฮ่ก แฮ่ก” รัมย์มาสมทบได้ทันเวลาพอดี
“แฮ่ก แฮ่ก พวกเอ็งคราวนี้แหละข้าจะไม่ปล่อยให้มีมาใครขวางทางข้าได้แม้แต่คนเดียว!” ชายแก่หน้าแดงก่ำเผยเส้นเลือดปูดโปนเห็นชัดบนใบหน้า ที่ตอนนี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้แล้วจึงใช้มีดสนิมเขรอะที่มีอาคมชั่วร้ายพวยพุ่งออกมาแทงเข้าใส่กลางหน้าอกของตัวเอง
ฉึก!
ครืน ครืน!
ร่างของชายแก่ค่อยๆ ขยายสูงใหญ่ขึ้นจนเกือบจะเท่าโรงเรือน รวมทั้งมัดกล้ามเนื้อพองฟูขึ้นและเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำคล้ำ นัยน์ตากลายเป็นสีแดงก่ำสะท้อนแสงและมีเขี้ยวโค้งยาวงอกออกมา
ตอนนี้ร่างกายนี้ไม่เหลือเค้าโครงของชายแก่ผอมกะหร่องอีกต่อไปแล้วแต่กลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนในอดีตกาลเรียกขานกันว่า ‘ยักษ์’
โครม!
ขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของยักษ์ผิวม่วงดำทำให้อาคารเรือนกระจกเกิดความเสียหายจนเศษชิ้นส่วนกระจกแตกละเอียดหล่นลงมากระจัดกระจายตามพื้น
แพรววาใช้เส้นใยรากไม้เข้าคลุมรอบตัวเองและฮารุเพื่อป้องกันเศษกระจกและซากปรักหักพังที่โค่นลงมาได้ทันพอดิบพอดี ยาหยีที่ถูกแรงดันอากาศจากการกลายร่างเป็นยักษ์ของชายแก่หัวล้านดันร่างกายจนลอยกระเด็นไปกระแทกกับพื้น
“โฮกกก” ร่างกายที่ใหญ่โตคำรามออกมาดังก้องไปทั่วสวนหลังสถาบัน
“ยาหยี ระวัง!” รัมย์ที่เห็นเพื่อนของตนเองกำลังจะถูกเท้าของร่างขนาดใหญ่ยักษ์เหยียบจึงตะโกนเตือน แต่ยาหยีที่กำลังตกตะลึงอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขยับตัวได้จึงทำได้เพียงใช้พลังจิตต่อต้านแรงอาคมอันมหาศาลที่กำลังกดทับตัวของเธออยู่
ตุบ!
“…อั๊ค!” ยาหยีกระอักเลือดออกมาเพราะไม่สามารถทนแรงที่กดทับร่างกายได้ไหว…
ตึก ตึก ตึก ตึก
“กรงเล็บสะบั้นเศียร!”
เสียงเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นก่อนที่จะมีประกายแสงสีดำฟาดผ่านท่อนขาขนาดใหญ่สีม่วงที่กำลังกดทับสาวหัวหน้าห้องอยู่ ขาสีม่วงข้างนั้นถูกตัดออกจนลอยกระเด็นไปไกล
ฉับ! ตู้ม!
“นะ นิว! นายมาช่วยพวกเราไว้ได้ทันพอดีเลย!” รัมย์แปลกใจปนดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่มหางเสือผิวแทนวิ่งกระโจนเข้ามาใช้ทักษะอาคมตัดขาของยักษ์ผิวม่วงได้สำเร็จ
“เงียบไปซะ! มันยังไม่จบแค่นี้หรอกรีบๆมาแบกยัยแว่นนี้ออกไปไกลๆซะ พวกแกอยู่ตรงนี้ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาข้าเปล่าๆ” นิวสั่งหนุ่มร่างเล็กผมหยิกให้มาประคองสาวหัวหน้าห้องที่นอนหมดสภาพอยู่ออกไปจากพื้นที่ปะทะพร้อมกับตั้งท่าเตรียมจู่โจมต่อ
“ย๊ากกก!” นิวฟาดฟันกรงเล็บเข้าใส่ร่างนั้นอย่างดุดัน
นิวเข้าโจมตียักษ์ผิวม่วงอย่างไม่หยุดหย่อนแต่ทุกครั้งที่ร่างของยักษ์ตนนี้เกิดรอยแผลก็จะสมานตัวเองได้อีกครั้ง แต่การกระทำของนิวก็ยังเป็นการสร้างโอกาสที่ดีที่จะใช้เปิดช่องว่างให้พวกเพื่อนๆหลบหนีออกมาจากจุดที่อาจเกิดอันตรายได้สำเร็จ
โฮกกก
“แฮ่ก แฮ่ก ไอ้เวรเอ๊ยเป็นอมตะหรือไงวะ!” ดูเหมือนว่าสิ่งที่หนุ่มผมส้มทำลงไปจะไม่ได้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากนักเพียงแค่สามารถชะลอการอาละวาดของยักษ์ผิวม่วงได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
นิวทั้งหลบการโจมตีที่สวนกลับมาและโต้กลับไปได้แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ สถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆเมื่อยักษ์ผิวม่วงใช้แขนขนาดใหญ่ที่บรรจุอาคมเอาไว้ทุบลงมาที่พื้นด้านล่างโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจทำให้นิวไม่มีทางเลือกต้องวิ่งเข้าไปหลบในจุดอับสายตาเพื่อไม่ให้เจ้ายักษ์อารมณ์ฉุนเฉียวตนนี้มองเห็นได้นั่นก็คือการกระโจนเข้าไปเกาะที่ขาของมันเอง
แต่ก็ยังคงซวยซ้ำซวยซ้อนเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เป็นใจ นิวไม่สามารถควบคุมแรงของตนจึงกระโดดขึ้นมาเกาะอยู่ตรงส่วนลึกของต้นขาของเจ้ายักษ์ผิวม่วง
“ฟุดฟิด …อุ๊บเวรเอ๊ย!” นิวชายหางเสือถึงกับต้องใช้มือปิดจมูกของตนเองเพราะกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงตรงบริเวณใจกลางของต้นขาทั้งสองข้างที่โชยออกมานั้นช่างสาหัสสากรรจ์จนถึงขนาดที่สามารถล้มช้างได้ทั้งตัว
ตุบ! แอ่ก!
นิวที่เพิ่งจะหาทางกระโดดขึ้นไปเกาะที่ต้นขาของยักษ์ผิวม่วงได้สำเร็จก็ต้องร่วงตกลงมาสู่พื้นด้านล่างอีกครั้งเสียแล้ว อีกทั้งยังต้องรอรับกำปั้นขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งลงมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย
ตู้มมม!…?
จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดปริศนาดังขึ้นตรงบริเวณใบหน้าของยักษ์ผิวม่วงพร้อมกับกองเลือดสีแดงข้นที่แตกกระจายออกไปทั่ว
นิวที่รู้ตัวได้ในทันทีว่าผู้ที่ทำอย่างนี้ได้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นนั่นก็คือหนุ่มหล่อเจ้าสำอางเพื่อนร่วมชั้นของตน องอาจนั่นเอง!…ความช่วยเหลือจากผู้หลับใหลมาถึงแล้ว!