บทนำ
เสียงเพลงสนุกสนานจากวงดนตรีสดที่กำลังบรรเลงขับกล่อมแขกเหรื่อภายในงานส่งเสียงแว่วให้ได้ยินเป็นระยะ
ทว่าเสียงแปลกประหลาดชวนน่าค้นหาที่ลอยมากระทบหูนั้นน่าสนใจกว่า
มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวเจ้าของร่างอวบอัดในชุดเดรสสีดำรัดรูปให้เดินเข้าไปใกล้ ลืมคำนึงถึงมารยาทในฐานะแขกคนหนึ่งของงานไปโดยสิ้นเชิง
ดวงตากลมสะท้อนแสงไฟเรืองรองขณะเพ่งมองฝ่าแสงไฟสลัวไปยังเบื้องหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นเล็กน้อยด้วยเพราะกลัวใครจะรู้ว่าเธอแอบเดินเพ่นพ่านไปทั่ว ทั้งที่บริเวณนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของบ้าน
ทางเดินนำไปถึงมุมหักเลี้ยวเล็กน้อย ลึกเข้าไปเป็นที่ปลอดคน และอับสายตาพอให้มีใครแอบเข้ามาใช้พื้นที่หาความสำราญแบบส่วนตัว
อัณตราคาดไม่ผิด เพราะเสียงลมหายใจหอบกระเส่าประสานกันอย่างเร่าร้อนนั้นดังขึ้นอีกรอบ หลังจากมันเงียบหายไป
“อืม...” เสียงทุ้มแหบพร่าแสดงถึงความพึงพอใจแผดคำรามออกมาจากช่องประตูที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้เล็กน้อย
อัณตราเดินเข้าไปแนบแผ่นหลังกับผนังติดประตูบานนั้นทันที พลางเหลียวมองเงาวับแวมที่เดินสวนกันไปมาอยู่ตรงโถงกลางของบ้าน ซึ่งมีคนเดินมารวมตัวกันเพื่อขับร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับเจ้าภาพ
ขณะเสียงเพลงดังขึ้น เสียงสับซอยหนักหน่วงในห้องนั้นก็ดังขึ้นพร้อมกันทันทีราวกับพวกเขารอจังหวะนี้อยู่แล้ว เสียงครางทรมานดังลอดออกมา ทำอัณตราเผลอสะดุ้งเฮือกเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มฝ่ามือ หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด
อัณตรายื่นหน้าให้สายตาข้างหนึ่งกวาดมองเข้าไปในห้องนั้น พอดีกับดวงไฟด้านนอกสาดแสงผ่านวาบเข้ามาให้หญิงสาวได้ผงะ
เสียงอุทานตื่นตระหนกถูกตะครุบด้วยมือทันที หัวใจสาวเต้นรัวให้กับภาพลำเนื้อท่อนใหญ่ที่กำลังจ้วงแทงต่อสู้บุกทะทวงเข้าใส่บั้นท้ายหนั่นเนื้อของสาวสวยจัดใบหน้าคุ้นตา
เป็นไปได้ยังไง!?
อัณตราเบิกตากว้างไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ผู้หญิงที่กำลังแอ่นสะโพกขาวโพลนโต้ตอบ บรรเลงเพลงเร่าร้อนกับเจ้าของร่างสูงใหญ่นั่นคือภรรยาเจ้าของวันเกิด
ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นคือเจ้าของร่างสูงใหญ่นั่นคือคนที่อัณตราก็รู้จักเป็นอย่างดี แม้จะเป็นเพียงใบหน้าด้านข้างแต่หญิงสาวก็จำได้ไม่เคยลืม
บทที่ 1
อัณตราพาร่างอวบอัดในชุดนอนเรียบรื่นเบาสบายลุกขึ้นจากที่นอนแสนนุ่มด้วยอากการงัวเงียระคนอ่อนเพลียเล็กน้อย
หญิงสาวกลับออกจากงานเลี้ยงวันเกิดบิดาแฟนหนุ่มในเวลาค่อนข้างดึกแล้วเนื่องจากต้องรอให้ณกรขับรถมาส่ง
ณกร หนุ่มเจ้าของธุรกิจร้านเพชรอายุมากกว่าอัณตราประมาณห้าปี ทั้งคู่คบหาดูใจกันขณะอัณตราเรียนอยู่ปีสี่ใกล้จบเนื่องจากเพื่อนสนิทแนะนำให้รู้จักต่อ ๆ กันมาอีกที
เวลาเกือบสองปีในฐานะแฟน ณกรทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอย่างดี ไม่เคยล่วงเกินหรือเอาเปรียบให้อัณตรารู้สึกอึดอัด
กระทั่งเหตุการณ์เมื่อคืน...
อาจเพราะอีกฝ่ายนั้นดื่มเข้าไปมาก ทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบเปิดเผยนิสัยด้านมืดออกมาให้อัณตราได้รู้เป็นครั้งแรก ยอมรับว่าตอนนี้ยังตื่นกลัวไม่หาย
กลางดึกเมื่อคืนนี้ ทันทีที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ณกรผู้แสนสุภาพอ่อนโยนในสายตาของอัณตรากลายร่างเป็นหนุ่มหื่นอารมณ์ดุดัน
เขาอ้างว่าตัวเองเมามากอยากได้กาแฟดื่มสักถ้วยเพื่อจะขับรถกลับบ้านได้โดยไม่เผลอหลับกลางทาง
อัณตราไม่ได้ฉุกใจคิดอะไรมาก เธอเชื้อเชิญเขาเข้ามาในบ้านด้วยความเต็มใจ เพราะอีกฝ่ายเข้านอกออกในบ้านเธอเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่ทว่าเพียงก้าวแรกที่พ้นประตูบ้าน ร่างในชุดเดรสรัดรูปถูกมือเรียวสะอาดสะอ้านกระชากเข้าไปตะโบมจูบอย่างไร้มารยาท
ความตกใจทำอัณตราหวีดร้องปกป้องตัวเองด้วยการผลักใสอยู่พักใหญ่
อาศัยความเมาและสติไม่เต็มร้อยดีของณกร จึงทำให้สลัด เขาหลุดออกไปได้ไม่ยากนัก
จากนั้นหญิงสาววิ่งหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำใกล้ที่สุดได้สำเร็จ
เธอยืนตัวสั่นฟังเสียงโวยวายและเสียงทุบประตูอยู่พักใหญ่
‘มึงจะเล่นตัวเรียกราคาอะไรนักหนา กูทนมานานจนจะลงแดงแล้วนะโว้ย!’
ถ้อยคำเกรี้ยวกราดของณกรยังสะท้อนอยู่ในหัว ใบหน้าที่เคยอ่อนโยน และนิสัยสุภาพที่แสดงออกต่อหน้าอัณตราตลอดสองปีนั่นคือหน้ากากที่แสนน่ากลัว
น้ำเสียงโลมเลียแสดงความหื่นกระหายของเขาทำอัณตราขนลุกด้วยความขยะแขยงไม่หาย
ความจริงอัณตราไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณอะไรนัก ตลอดเวลาสี่ปีของการเป็นนักศึกษา เธอมีแฟนมาแล้วสองคน ซึ่งก็เคยกอดจูบกันตามประสาคนรักในแบบเด็ก ๆ ไม่เคยเกินเลยไปมากกว่านั้น ทั้งที่ฝ่ายชายมักออดอ้อนและชวนเตลิดไปจนเกือบกู่ไม่กลับ
แต่ทว่าทุกครั้งที่กำลังเคลิบเคลิ้มจากความต้องการตามธรรมชาติของแฟนหนุ่มอยู่นั้น
ภาพใบหน้าคมเข้มดุดันของใครบางคนก็แทรกเข้ามาในความนึกคิดของอัณตรา จนอารมณ์ปรารถนาร้อนแรงดับมอดลงทุกที
นี่คือสาเหตุหลักที่อัณตรามักถูกตัดสัมพันธ์จากแฟนหนุ่มทุกคน ซึ่งก็รวมถึงณกรด้วยเช่นกัน
ครั้งนี้อัณตราไม่โทษณกร เพราะเธอปฏิเสธคำขอของเขามาหลายรอบแล้ว
ทั้ง ๆ ที่เขาก็แสดงเจตนาจริงจังถึงขั้นจะขอแต่งงาน แต่อัณตราเองที่ไม่สามารถเปิดใจยอมรับใครได้
หญิงสาวโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง และความทรงจำบ้าบอที่วนเวียนอยู่ในใจไม่ยอมเลือนรางไปตามกาลเวลา
ร่างอรชรในชุดนอนเนื้อบางเดินเชื่องซึมเข้าไปในครัว แสงแดดด้านนอกสว่างจ้า ทำสายตาคนเพิ่งตื่นตอนมองเห็นภาพเบื้องหน้าไม่ค่อยชัดนัก
แต่อย่างน้อยอัณตราก็พาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าเค้าเตอร์เตรียมอาหารได้สำเร็จ มือที่กำลังขยี้ตาเพื่อปรับรับแสงอยู่นั้นชะงักไปเล็กน้อยเมื่อกลิ่นหอมบางอย่างโชยเข้าจมูก
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางนึกเอะใจถึงความผิดปกติภายในบ้านตัวเอง
บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังนี้เธออาศัยอยู่กับแม่และสามีใหม่ของนาง ซึ่งทั้งคู่เดินทางไปประชุมต่างจังหวัดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วและมีกำหนดจะกลับในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
พิมพ์พลอย มารดาของเธอแต่งงานใหม่ หลังจากพ่อของอัณตราเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวได้ห้าปี ตอนนั้นอัณตราอายุได้สิบห้าพอดี ช่วงเวลานั้นพิมพ์พลอยเป็นแม่หม้ายที่อายุน้อย หน้าตาจัดว่าสวยโดดเด่น บวกกับเป็นคนขยัน จึงสะดุดตาเจ้าของบริษัทที่เป็นหม้ายมานาน
ธีรัช มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นของตัวเอง ถือว่ามีฐานะค่อนข้างดีพอจะเลี้ยงดูพิมพ์พลอยและอัณตราให้สุขสบายได้แบบไม่ต้องทำงานทำการอะไร
แต่ความที่พิมพ์พลอยเป็นผู้หญิงทำงาน หลังตกลงอยู่กินเป็นครอบครัว เธอขยับตำแหน่งขึ้นมาเป็นเลขาฯ ของสามี ดูแลและติดตามอีกฝ่ายไปทุกที่ ช่วยกันสร้างธุรกิจจนเติบใหญ่ และมักจะปล่อยบุตรสาวให้อยู่บ้านลำพังบ่อยครั้งเพราะเห็นว่าโตแล้ว
อัณตราเข้ากับลุงรัชได้เป็นอย่างดี เขากับอดีตภรรยาไม่มีลูกด้วยกัน ธีรัชจึงรักและเอ็นดูลูกเลี้ยงไม่เคยมีปัญหาหรือทำอะไรให้เธอต้องอึดอัดใจ
บ้านหลังนี้ธีรัชออกแบบและสร้างให้เป็นบ้านชั้นเดียวแต่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง โดยแบ่งเป็นห้องชุดขนาดใหญ่สองฝั่งและมีโถงกลางเชื่อมถึงกัน เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกันได้
ส่วนครัวกลางของบ้านมักถูกพิมพ์พลอยใช้ทำอาหารเป็นประจำ เพราะเธอเป็นคนชอบดูแลคนในครอบครัว โดยเฉพาะบุตรสาวสุดที่รักยิ่งเอาใจใส่ใกล้ชิด แม้จะเดินทางออกต่างจังหวัดคราวละนาน ๆ แต่สองแม่ลูกมักติดต่อกันด้วยช่องทางโซเซียลทุกวัน
ส่วนอัณตรานั้นมักใช้ครัวเล็กซึ่งอยู่ในส่วนห้องชุดของตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่
อัณตราจึงรู้สึกได้ว่าตอนนี้กำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในบ้าน ซึ่งมีเธออาศัยอยู่เพียงคนเดียว
กลิ่นอาหารที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศไม่ควรมีอยู่ เพราะอัณตราเพิ่งตื่นนอน...
เสียงเคลื่อนไหวจากเคาเตอร์ล้างจาน กับเงาสะท้อนที่ปรากฏอยู่บนตู้เย็นขนาดใหญ่นั้นสร้างความตื่นตกใจไม่น้อย
ธีภพ...ผู้ชายในความทรงจำ