ตอนยอมเพื่อแลกรัก
กลุ่มนักธุรกิจนับร้อยต่างพากันทยอยออกจากห้องจัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังนานาชาติและนิทรรศการมันสำปะหลังแห่งชาติประจำปี ในโรงแรมระดับห้าดาวในกรุงเทพมหานคร ซึ่งประเทศไหนเป็นเจ้าภาพในฐานะผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก
“เต๋อ! จะกลับเลยเหรอ พ่อว่าจะคุยอะไรด้วยหน่อย”
ไกรเดช ไวทยาสกุล หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสอง ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมสัมมนา สาวเท้าเร็วกว่าปกติ เพื่อตามเขยป้ายแดงไปให้ทัน เพราะมีเรื่องจำเป็นจะต้องเปิดปากคุยในทันที แม้สถานที่และเวลาจะไม่อำนวยให้ก็ตาม
“ครับ! พอดีผมมีนัดกับลูกค้ารายใหญ่ไว้ที่โรงแรมใกล้ๆ นี้ อีกห้านาทีจะถึงเวลานัดแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน สวัสดีครับคุณพ่อ”
แต่ศตวรรษ ธีระแสงสินไทย นักธุรกิจหนุ่มกลับปฏิเสธพ่อตาทันควัน ก่อนจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วเดินผละไป โดยไม่สนใจสายตาอันผิดหวังระคนขุ่นเคืองเบื้องหลังสักนิด
“อ้าวเฮียไจ้นั่นเอง ผมก็มองอยู่ตั้ง เมื่อเช้าเห็นแวบๆ ไม่ได้เจอกันนานเลย ไปนั่งดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยกลับดีมั้ย ผมกำลังรอคนขับรถอีกชั่วโมงถึงจะมา พอดีงานเลิกเร็วกว่าที่คิดไว้ ขี้เกียจโทรไปเปลี่ยนเวลากับมัน”
ประมุข พลชนะชัยชาญ ที่เพิ่งแยกจากกลุ่มเพื่อน เอ่ยทักทายเพื่อนร่วมวงการที่หันมาเห็นพอดิบพอดี
“ได้ครับเฮีย”
ไกรเดชหันไปหาหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบห้าที่เขาเองก็มักจะเรียก ‘เฮียซ้ง’ จนติดปาก แม้ใจจะไม่อยากไปตามคำเชิญสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะประมุขถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพลในวงการค้ามันสำปะหลังคนหนึ่ง
ทั้งสองจึงเดินตรงไปยังไวน์ เลานจ์ ในโรงแรมที่เพิ่งบริการสำหรับแขกกระเป๋าหนักๆ ไวน์ขวดละเกือบหมื่นถูกเจ้าภาพสั่งมาอย่างไม่ต้องคิดนาน ยำทูน่า กับปลาดิบและกับแกล้มจานละเป็นพันก็ถูกสั่งอย่างไม่คิดเช่นกัน ไกรเดชอดสังเวชตัวเองไม่ได้ ต้องมาตกอยู่กับสภาพที่การเงินฝืนเคืองจนไม่ได้ลิ้มลองของแพงพวกนี้มานานเป็นปีแล้ว
“เฮียไจ้อยากกินอะไรสั่งตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจวันนี้ผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือ นานทีปีหนเราจะเจอกัน มีอะไรก็บอกเล่ากันได้ คนกันเองทั้งนั้น เราอยู่ในวงการเดียวกัน รู้ตื้นลึกหนาบางกันดี ไม่ต้องพูดกันหลายคำหรอก”
ประมุขมักจะไม่ได้เอ่ยสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็อยากจะสื่อให้รุ่นรู้ว่า ปัญหาภายในที่ไกรเดชพยายามเก็บงำเอาไว้นั้น หาได้รอดหูรอดตาเขาไปได้แม้แต่น้อย และคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีจะโอ้อวดหรือปิดบังต่อคนตรงหน้า
“ขอบคุณครับเฮีย ผมเองก็พยายามจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองอยู่ครับ แต่มันก็ยากไม่น้อย”
ประมุขพยักหน้ารับน้อยๆ
“ผมเข้าใจครับเฮีย ถึงได้ออกปากชวนเฮียมานั่งคุยกันไงครับ ยังไงก็อย่าเห็นผมเป็นคนอื่นคนไกลนะ มีอะไรก็บอกได้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรผมยินดีเสมอ”
ประมุขส่งยิ้มน้อยๆ และส่งแววตาอย่างเห็นอกเห็นใจไปให้ประหนึ่งมีจิตอยากช่วยเหลือจริงๆ ทว่าไกรเดชก็ยังพอจะอ่านออกว่าจะต้องเอาอะไรมาแลกกับความช่วยเหลือจากเสี่ยเงินหนารายนี้
“คุณพ่อสวัสดีค่ะ”
ดาราวดี ธีระแสงสินไทย ผู้เป็นลูกสาวคนเล็กรีบยกมือไหว้พ่อที่เดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย
“อ้าว! จะกลับแล้วเหรอ ยังไม่ทันได้คุยอะไรกับพ่อเลย” ไกรเดชพยักหน้ารับไหว้ลูกสาวแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรีบเก็บของเข้ากระเป๋าสะพายเหมือนจะกลับ
“ค่ะคุณพ่อ พอดีพี่เต๋อจะพาไปกินข้าวกับลูกค้าน่ะค่ะ แยมไปนะคะคุณแม่คุณพ่อ”
แล้วก็รีบลุกขึ้นยกมือไหว้พ่อแม่ลวกๆ อย่างรีบเร่ง จนคนพ่อต้องตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะต้องได้เอ่ย
“ตกลงผัวเราว่าไงจะช่วยพ่อหรือเปล่า วันนี้เห็นกันตอนสัมมนาก็บอกว่าจะรีบไปพบลูกค้า เลยไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี พ่อรออยู่นะ แต่งงานมาตั้งสามเดือนแล้วยังไม่เห็นออกปากมาตรงๆ สักครั้ง แยมได้บอกผัวเราให้ช่วยพ่อหรือเปล่า”
ดาราวดีหันมายิ้มแห้งๆ กับพ่อ
“เอ่อ! แยมพูดหลายครั้งแล้วค่ะคุณพ่อ แต่พี่เต๋อกับพ่อพี่เต๋อบอกว่า ตอนนี้การเงินยังฝืดๆ อยู่น่ะค่ะ เลยยังช่วยอะไรคุณพ่อไม่ได้ ไหนจะหมดกับค่าสินสอดค่าจัดงานอีกหลายสิบล้าน แยมเลยไม่รู้จะว่ายังไงค่ะ คุณพ่อลองไปคุยกับพี่เต๋อเองดีกว่านะคะแยมไม่กล้าแล้วล่ะคะ แยมไปนะคะ”
ไกรเดชได้แต่มองตามแผ่นหลังลูกสาวไปอย่างขุ่นเคืองอีกระลอกก่อนจะหันไปหาเมียที่ยืนหน้าแห้งหันมาหาสามีพอดิบพอดี
“ตกลงมันจะไม่ช่วยเราหรือเปล่าวะ”
ไกรเดชโพล่งออกมาดังๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับชุดรับแขกอย่างกลัดกลุ้ม
“ปิ่นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณพี่ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะคะ ตอนนี้ทางพ่อเต๋ออาจจะฝืดเคืองอย่างที่ลูกบอกเราก็ได้ งานแต่งกับค่าสินสอดก็หมดเยอะนะคะ”
ดารา ไวทยาสกุล เมียคนที่สองของเขาปลอบใจอย่างคนอารมณ์เย็น
“โอ๊ย! ฝงฝืดอะไรกัน พวกมันมีเป็นพันๆ ล้าน ขอให้ช่วยแค่สี่ซ่าห้าสิบล้านไม่ทำให้ขนหน้าแข้งมันร่วงหรอก เว้นเสียแต่ว่ามันจะไม่อยากช่วยเท่านั้น เธอไม่ต้องมาแก้ตัวแทนมันหน่อยเลย ยัยแยมก็ไม่ได้เรื่อง มีผัวแทนที่จะสั่งได้ดันให้ผัวกดหัวซะอีก ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
อีกครั้งที่เขาโพล่งออกมาด้วยความหัวเสีย เมื่อเห็นเมียพยายามจะเข้าข้างฝ่ายเขย ดาราถึงกับเงียบกริบในทันที ด้วยรู้ดีว่าสามีไม่ชอบให้ใครขัดใจ
“ไม่ช่วยก็อย่าช่วย กูหาทางของกูเองก็ได้วะ แล้วอย่ามาบ่นว่ากูมีสมบัติให้น้อยก็แล้วกัน”
ว่าแล้วเขาก็คว้ามือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาทันควัน
“เฮียซ้งเหรอครับ ผมไจ้นะครับ”