สองปีก่อน
“นังพาย แกมานี่สิ มาขัดรองเท้าให้ฉันหน่อย”
เสียงแหลมเล็กที่เต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดของ สุพรรษา รัตนชัย ดังกึกก้องขึ้น และมันก็มักจะดังแบบนี้ในทุกๆ วัน
“ค่ะ พี่สุ”
ร่างเล็กสมส่วนของ พาขวัญ คนใจซื่อ หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาตามเสียงเรียก
“ฉันสั่งแกกี่รอบแล้วนังพาย ฮึ!” นิ้วเรียวของสุพรรษาจิ้มหน้าผากมนของพาขวัญแรงๆ จนดวงหน้ารูปไข่หงายไปด้านหลัง “อย่าเรียกฉันว่าพี่อีก ฉันไม่ใช่พี่ของแก จำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย!”
“ตะ...แต่ว่าคุณพ่อกับคุณแม่สั่งให้พายเรียกพี่สุว่าพี่...”
พาขวัญยังอธิบายไม่ทันจบ ก็ถูกตบจนใบหน้างดงามสะบัด เส้นผมสีดำขลับที่ถูกมัดด้วยยางสีดำหลุดกระจายสยายเต็มแผ่นหลัง
“แล้วนั่นก็พ่อแม่ของฉัน แกห้ามมาสะเออะเรียกว่าพ่อว่าแม่เด็ดขาด จำเอาไว้นังขี้ข้า!”
พาขวัญน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ ร่างของหล่อนสั่นสะท้านอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของสุพรรษา หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดสุพรรษาถึงได้จงเกลียดจงชังหล่อนนัก ทั้งๆ ที่หล่อนก็คอยรับใช้และเอาอกเอาใจเป็นอย่างดีเสมอมา รับใช้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในตระกูลรัตนชัย จนกระทั่งตอนนี้... ที่สุพรรษาบินมาเรียนต่อที่กรีซ แต่กระนั้นหล่อนก็ยังไม่สามารถทำให้สุพรรษาถูกใจได้
เพราะอะไรกัน
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา แกมันก็แค่เด็กสลัมที่พ่อกับแม่ของฉันซื้อมาอุปการะเอาไว้เท่านั้น ดังนั้นอย่าเผยอคิดจะขึ้นมาเทียบกับฉันเด็ดขาด”
“พาย...พายไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ”
สุพรรษาแค่นยิ้มหยัน มองอีกฝ่ายอย่างเกลียดชัง
“คิดว่าฉันโง่นักหรือไงนังพาย สายตาที่แกมองคุณลาซแฟนฉันน่ะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่”
ดวงหน้านวลที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา กลีบปากอิ่มสีแดงสดสั่นระริก
“ไม่...พาย...พายไม่เคยคิดแบบนั้น...”
“อีตอแหล!”
สุพรรษาไม่อาจจะหักห้ามอารมณ์โกรธเอาไว้ได้อีก ฝ่ามือจึงตวัดลงบนใบหน้าของพาขวัญอีกหลายครั้ง จนแก้มนวลแดงชอกช้ำเป็นรอยนิ้ว
“ได้โปรด...อย่าตีพายเลย...พี่...คุณสุ...อย่าค่ะ...”
ไม่ว่าพาขวัญจะวิงวอนขอความเมตตาแค่ไหน แต่สุพรรษาก็ไม่หยิบยื่นให้เลย เพราะหล่อนยังคงตบตีไม่หยุดมือ จนกระทั่งลาซาลอสแฟนหนุ่มปรากฏตัวขึ้นนั่นแหละ ถึงได้ยอมหยุดเกรี้ยวกราด
“สุ คุณทำอะไรน่ะครับ พอเถอะ”
ลาซาลอสคว้ามือเล็กของแฟนสาวเอาไว้ และพยายามเตือนสติ
“มีเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันแบบนี้ด้วยครับ”
สุพรรษารีบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเพื่อให้ตัวเองดูเป็นนางฟ้าในทันที
“ก็อี...น้องพายน่ะสิคะ ทำให้สุโมโห”
ลาซาลอสปรายตามองหญิงสาวที่ร้องไห้ตาแดงก่ำ
“เธอทำอะไรให้สุโกรธอีกล่ะ พาขวัญ”
พาขวัญส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำจากนิ้วมือของสุพรรษาไปมา กลีบปากอิ่มยังคงสั่นระริก
“พาย...พายไม่ได้...”
“อย่ามาตอแหล แกบอกฉันว่าจะแย่งคุณลาซไปจากฉัน” สุพรรษาโกหกคำโตโดยไม่มีแม้แต่ความละอายใจ
พาขวัญเบิกตากว้าง ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่...ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่...”
แต่ถึงแม้หล่อนจะพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดของลาซาลอสอย่างไร แต่ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มก็เต็มไปด้วยความชิงชังหล่อนเสียแล้ว
ลาซาลอสคงเกลียดหล่อนมากขึ้นอีกแล้วสินะ...
พาขวัญเจ็บช้ำจนหัวใจอาบไปด้วยหยาดโลหิต
“จะไปไหนก็ไปพาขวัญ อย่ามายืนอยู่ตรงนี้อีกเลย”
กรามแกร่งของลาซาลอสขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว และเมื่อยังเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมขยับไปไหน เอาแต่ร้องไห้ เขาจึงต้องเค้นเสียงกระด้างออกมาขับไล่อีกครั้ง
“หรือว่าอยากถูกตบถูกตีอีกล่ะ”
พาขวัญช้อนดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตามองผู้ชายตรงหน้า ความเย่อหยิ่ง ถือตัวของเขาทำให้หล่อนปวดใจเหลือเกิน... ลาซาลอสคงเชื่อในสิ่งที่สุพรรษาพูดทั้งหมด
ในที่สุดหล่อนก็จำต้องก้มหน้าเดินจากไปทั้งๆ ที่ความเสียใจยังคงกัดกินใจ
สุพรรษามองตามร่างอรชรของพาขวัญที่เดินจากไปด้วยความสะใจ ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยเกลียดใครเท่ากับพาขวัญมาก่อนเลย เพราะตั้งแต่พ่อกับแม่รับอุปการะพาขวัญ หล่อนก็กลายเป็นหมาหัวเน่า ทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อแม่ ความดีของพาขวัญก็จะออกมาจากปากของพวกท่านเสมอ หล่อนเกลียดแสนเกลียดพาขวัญที่สุด
“เห็นฤทธิ์เดชของนังพายหรือยังล่ะคะ บีบน้ำตาเก่ง ชอบทำตัวเป็นคนดี ทั้งๆ ที่ร้ายกาจยังกับแม่มด”
ลาซาลอสไม่ได้โต้ตอบอะไรกับเรื่องที่ได้ยิน แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน
“ใกล้ได้เวลาแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
แม้จะยังใส่ไฟพาขวัญไม่ได้มากอย่างที่คิดเอาไว้ แต่สุพรรษาก็ไม่อยากทำลายบรรยากาศระหว่างตัวเองกับแฟนหนุ่ม
“ค่ะ”
สุพรรษารีบควงแขนลาซาลอสอย่างประจบประแจง พลางพิงหน้ากับต้นแขนกำยำ
“ว่าแต่วันนี้คุณลาซจะพาสุไปดูหนังเรื่องอะไรคะ”
“เดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ”
หางเสียงของลาซาลอสแข็งกระด้างแปลกหูไป แต่สุพรรษาก็ไม่ติดใจอะไร หล่อนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“แหม คุณลาซชอบทำให้สุตื่นเต้นเสมอเลยนะคะ”
ทั้งคู่เดินออกมาจากตัวบ้านสองชั้นที่เป็นบ้านพักของสุพรรษา โดยมีพาขวัญแอบมองตามไปทั้งน้ำตา