EP.4 สาวใช้คนใหม่
“ว่าแต่ป้าจะให้หนูเป็นสาวใช้ไปอีกนานแค่ไหนคะ”
“ก็จนกว่าจะพูดภาษาท้องถิ่นได้นั่นแหละ ป้าว่าจะให้ไปสมัครเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลที่หมู่บ้านเจมิน ที่นั่นเป็นที่ที่สงบและน่าอยู่มากๆ หนูอยู่ไปสักพักต้องหลงรักแน่ๆ แต่จะเรียกหมู่บ้านก็ไม่เชิงหรอกนะ เพราะที่นี่มีขนาดเทียบเท่ากับเมืองขนาดเล็ก มีบ้านเรือนกว่าพันหลังคาเรือน มีประชากรเกือบสี่พันคน แต่ทุกคนก็ยังเรียกที่นี่ว่าหมู่บ้านเจมินกันอย่างติดปาก”
“ว้าว! หนูอยากไปเที่ยวจังเลยค่ะป้า”
“ถ้าทำตัวดีๆ วันหยุดป้าจะพาออกไปเที่ยว”
“เย้!” ภัครติร้องด้วยความดีใจพลางกระโดดโลดเต้นไปมา
จันทร์เพ็ญเห็นท่าทางของหลานสาวก็ได้แต่ยิ้มขันด้วยความเอ็นดู ทว่าบรรยากาศอบอุ่นระหว่างป้าหลานก็มีอันต้องสะดุดลง เมื่อเสียงทุ้มห้วนจากทางด้านหลังดังขึ้น
“เสียงดังอะไรกัน!”
“ท่านชีค” จันทร์เพ็ญหน้าเสียเมื่อเห็นผู้เป็นนาย “ขอโทษค่ะ ดิฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้” หญิงวัยกลางคนรีบเอ่ยขอโทษ ก่อนจะหันไปดึงแขนหลานสาวซึ่งยังคงยืนนิ่งมองผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างไม่รู้ว่าภัยกำลังจะมาเยือน
ทุกคนในคฤหาสน์ต่างก็ยำเกรงจนแทบจะเรียกได้ว่ากลัวชีคฮัยฟาอ์กันทั้งนั้น นั่นเพราะเขาพูดน้อย ยิ้มยาก ชอบทำหน้าตาบูดบึ้ง เมื่อกอปรกับใบหน้าอัปลักษณ์ยิ่งทำให้เขาเหมือนอสูรร้าย
แม้ทุกคนจะรู้ว่าชีคฮัยฟาอ์เป็นคนใจดีมีเมตตา ช่วยเหลือดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ทุกคนจะสำนึกในบุญคุณ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ไม่ว่าท่านชีคจะย่างกรายผ่านไปที่ใด ทุกคนต่างหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ รีบก้มหน้านิ่ง หลบตา หากเป็นเด็กก็ถึงกับร้องไห้กระจองอแงด้วยความหวาดกลัว เรียกได้ว่าไม่มีใครกล้าจ้องมองใบหน้าของเขา เพราะกลัวว่าจะเห็นรอยแผลเป็นแสนอัปลักษณ์
แต่ดูหลานสาวจอมซนของเธอสิ นอกจากไม่มีท่าทางหวาดกลัวแล้ว ยังกล้าสบตาท่านชีคฮัยฟาอ์อีกด้วย ตาย! ตาย! ตาย! ถ้าท่านชีคเกิดไม่พอใจขึ้นมาจะทำยังไง อายุขนาดเธอใช่ว่าจะหางานใหม่ได้ง่ายๆ เสียด้วย เมื่อคิดดังนั้นจันทร์เพ็ญก็รีบกระซิบบอกหลานสาวทันที
“ยายหนูขอโทษท่านชีคเร็วเข้า”
“ขอโทษทำไมคะป้า เราไม่ได้เสียงดังมากมายอะไรเสียหน่อย”
“ยายหนู!”
จันทร์เพ็ญแทบเป็นลมเมื่อได้ยินหลานสาวตอบออกมาเช่นนั้น “ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะท่านชีค หลานสาวของดิฉันยังเด็กนักจึงทำเรื่องเสียมารยาท ดิฉันผิดเองค่ะที่ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนจนกลายเป็นเด็กไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำแบบนี้”
ชีคหนุ่มนิ่งเฉย ดวงตาข้างซ้ายที่ปราศจากแผ่นหนังสีดำปิดบังจ้องมองไปยังหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ตัวเล็กอ้อนแอ้น ยายเด็กกะโปโลเป็นหลานสาวของจันทร์เพ็ญนี่เอง หญิงไทยส่วนใหญ่ผิวขาวเหลือง แต่เด็กสาวคนนี้ผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตมีแววฉลาดซุกซน อีกทั้งกล้าที่จะจ้องมองใบหน้าเขาอย่างไม่หวาดกลัว ผมดำขลับถักเปียสองข้างยาวจดเอว น่าจะเป็นคนสวยหากไม่มีรอยดำเปื้อนใบหน้าจนมอมแมมเช่นนั้น
เห็นผู้หญิงคนนี้แล้วพานทำให้คิดถึงน้องสาวของเขาทั้งสองคน ซึ่งบัดนี้แต่งงานออกเรือนมีความสุขกันไปหมดแล้ว
“แม่หนูคนนี้พูดถูกแล้ว ในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษ ที่ฉันถามไม่ได้จะจับผิด ฉันแค่อยากรู้ว่าเหตุใดจึงเสียงดัง มีเรื่องอะไรน่าสนุกอย่างนั้นหรือ” เขาเลิกคิ้วข้างซ้ายขึ้น ก่อนจะมองท่าทางเหลอหลาของแม่ครัวจันทร์เพ็ญที่ยืนอ้าปากกว้างราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาพูดออกไป
อันที่จริงเขาไม่ค่อยพูดคุยหรือทำความสนิทกับใครแม้แต่คนในคฤหาสน์ ทว่าหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เธอมองเขาเหมือนมนุษย์เดินดิน ไม่ใช่เจ้าชีวิตหรืออสูรร้ายอย่างที่คนอื่นมอง
“ป้าบอกว่าจะพาหนูไปเที่ยวในหมู่บ้านเจมินค่ะท่านชีค”
“งั้นหรือ น่าสนุกดีนะ”
ชีคหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ไพล่สองแขนไปทางด้านหลัง ดวงตาคมมองหญิงสาวตรงหน้าเนิ่นนาน นานเสียจนภัครติรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรงแทบกระโจนออกมานอกอก
“ค่ะ”
หญิงสาวก้มหน้างุด ความกล้าหาญเมื่อครู่หดหาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอกล้าที่จะมองใบหน้าเจ้าของคฤหาสน์โดยตรง กล้าที่จะมองบาดแผลนั่นโดยไม่หวาดกลัว แต่แล้วทำไม...เธอกลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาพราวระยับข้างนั้น
“หลานสาวชื่ออะไร” เขาเอ่ยถามแม่ครัวจันทร์เพ็ญ ทว่าสายตากลับจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวไม่วางตา
“ชื่อภัครติค่ะท่านชีค เรียกยายหนูสั้นๆ ว่าภัคก็ได้ค่ะ” จันทร์เพ็ญตอบโดยพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ซึ่งก็ยากเย็นเสียเหลือเกิน
“เคยได้ยินชื่อคนไทยมาหลายชื่อ แต่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย แปลว่าอะไรเหรอ ภัครติ” คราวนี้ชีคหนุ่มจงใจเอ่ยถามเจ้าของชื่อ
หญิงสาวจำต้องเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเพื่อตอบคำถาม “ภัครติ แปลว่า โชคดีในความรักค่ะ”
“งั้นหรือ”
ชีคหนุ่มขยับมุมปากคล้ายจะยิ้ม แต่ก็หยุดไว้เพียงเท่านั้น ถ้าหญิงสาวคนนี้เต็มไปด้วยความโชคดีในความรัก เขาคงตรงกันข้ามกับเธออย่างสุดขั้ว เพราะเขาเป็นคนที่โชคร้ายในความรักมาโดยตลอด
ชีคฮัยฟาอ์ค่อยๆ ถอนสายตาจากใบหน้ามอมแมมอย่างยากลำบาก เด็กกะโปโลคนนี้มีอะไรดีถึงได้ตรึงสายตาของเขาให้หยุดนิ่งอยู่ที่เธอได้นานเพียงนี้ หุ่นรึก็ผอมแห้ง ไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งตรึงใจชาย ใบหน้าหมดจดมิได้แต่งแต้มสีสันชวนมองเลยสักนิด ผมที่ควรจัดทรงสวยงามก็กลับยุ่งเหยิง อีกทั้งยังมีเศษใบไม้ติดตามผม บ่งชัดว่าแสนซนไม่น้อยเลย เสื้อผ้าเรียกได้ว่ามอซอแตกต่างจากผู้หญิงที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขาโดยสิ้นเชิง
ชีคหนุ่มบังคับสายตาให้มองไปทางอื่นก่อนจะก้าวยาวๆ เดินผ่านหญิงต่างวัยทั้งสองไป ทำให้ชายโต๊บดิ้นไหมทองไหวลู่ไปตามแรงลม สะบัดพลิ้วสัมผัสแขนของหญิงสาว จังหวะนั้นเธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากชีคหนุ่ม ทำให้ภัครติอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา
“โอ๊ย ป้าจะเป็นลม”