เจ้านายกับลูกน้อง
“ ผมกลับก่อนนะครับ ”
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน แถมยังโซเซเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปไม่น้อย ทำให้เก้าอี้ล้มลงส่งเสียงโครมคราม เคราะห์ดีที่เสียงดนตรีบนเวทีบรรเลงอยู่เขาจึงไม่เป็นจุดสนใจมากนัก
“ ไหวไหมวะพิธาน ” หมอพิรัช พี่ชายส่งเสียงถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าคมสันพยักพเยิดหงึกหงัก
“ ไหว แต่ถ้าผมอยู่ตรงนี้อีก ผมไม่ไหวแน่ ขอตัวนะพี่ ขอตัวนะครับ ”
พูดจบก็หันไปลาผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะก่อนจะผลุนผลันเดินออกจากงานและตรงไปที่รถในทันที
เขาเปิดประตูเข้าไปสตาร์ทรถ ก่อนจะนั่งหลับตาพิงเบาะอย่างเหนื่อยล้าเหลือเกินก่อนจะพึมพำบางอย่างเบา ๆ
“ ผมรักคุณอันดา ผมรักคุณ ”
วันนี้เป็นงานแต่งงานของเธอ งานแต่งของอันดากับปราบ งานแต่งของผู้หญิงที่เขารักกับเพื่อนพี่ชายที่เคารพ ก็ว่าทำใจได้แล้ว ก็ว่าควรยินดีที่เธอได้สมหวังในความรักกับคนที่รัก แต่มันไม่ใช่เลย เขายังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นเธอจับมือไปกับผู้ชายคนอื่น ผู้ชายที่ไม่ใช่เขา และไม่มีวันจะเป็นเขาอีกแล้ว ตลอดไป
นั่งอยู่ในรถนานเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าแขกเหรื่อบางส่วนเริ่มทยอยเดินออกมาแล้ว พิธานจึงรีบขับรถออกมาจากที่นั่นเพื่อ กลับบ้าน ระหว่างทางต้องขับผ่านร้านกาแฟ “ บายเฟรนด์ ” ที่เป็นของเขาซึ่งเดิมทีหุ้นกับเพื่อน แต่สุดท้ายเพื่อนแต่งงานและไปอยู่ต่างประเทศ เขาจึงต้องรับช่วงกิจการเป็นเจ้าของอย่างเต็มตัว
แต่ทำไมในร้านเปิดไฟ หรือพนักงานลืมปิด..
พิธานเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าร้าน ก่อนจะเดินไปที่ประตูกระจกด้านหน้า ลองเลื่อนดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อค หรือว่าจะเป็นขโมย !
ชายหนุ่มพยายามเรียกสติที่โดนแอลกอฮอล์แย่งชิงไปให้กลับมาคงที่ ถ้าเป็นขโมย แล้วมันจะอาจหาญถึงขนาดเปิดไฟเลยเหรอวะ แต่ก็นั่นแหละ ประมาทไม่ได้ ถึงเขาจะสูงใหญ่ถึงเมตรแปดสิบห้า ร่างกายแข็งแรงเพราะเข้าฟิตเนสอยู่เสมอก็เหอะ ควรหาอาวุธสำรองไว้ดีกว่า
พิธานค่อยเลื่อนประตูกระจกแล้วเดินเข้าไปอย่างเงียบกริบ หันไปหยิบขวดน้ำหวานด้านหลังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ก่อนจะค่อย ๆ สาวเท้าไปข้างหน้ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ แต่เพราะไฟในร้านเปิดไว้แค่ดวงเดียวและเป็นไฟที่ประตูทางเข้า ทำให้บริเวณนี้มืดสลัว เห็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่พื้น
“ เปิดไฟดีกว่า ” เสียงพึมพำพร้อมลุกขึ้นยืนและหมุนตัวหันกลับมาเพื่อจะไปเปิดสวิตซ์ไฟอย่างรวดเร็ว ทำให้ชนร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้มลงเขม้นมองอยู่เต็มแรง
“ โอ๊ย ! ” เสียงร้องด้วยความตกใจจากทั้งสอง แต่คนถูกชนเพียงยืนนิ่ง ๆ เพราะตัวใหญ่ราวยักษ์วัดแจ้ง ส่วนคนชนนั้นสูงเพียงเมตรหกสิบแถมยังผอมบางเสียเหลือเกิน เลยกระเด็นออกไปเพราะปะทะกับร่างแกร่งเต็มรัก ขณะกำลังจะหงายหลังแขนแข็งแรงก็เอื้อมมาคว้าเอวคอดไว้ได้ทัน
“ มีน ! ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ เจ้านายเหรอคะ มีนตกใจหมด ”
“ ใช่ ผมเอง มาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ ”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนมันออกช้า ๆ เมื่อหายตื่นเต้นก็พบว่าตัวเองเบียดชิดอยู่กับร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้านาย เบียดจนแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจ !
เธอค่อย ๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดเขา ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ
“ เอ่อ ขอโทษค่ะ คือมีนทำกุญแจห้องหายน่ะค่ะ พอออกจากงานแต่ง พี่อันดาก็เลยลองย้อนกลับมาดูที่ร้าน เผื่อจะทำหล่นไว้ ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อ “ อันดา ” แววตาของพิธานก็ไหววูบ คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนคนพูดรู้สึกผิด เจ้านายหลงรักอันดาซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของเธอมาก และอันดาก็เคยมาทำงานที่นี่เช่นเดียวกับมีนา แต่สุดท้ายพี่อันดาก็ไม่ได้เลือกเจ้านาย พิธานไม่พูดอะไร เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นิ่งจนหญิงสาวอึดอัด
“ แล้วเจ้านายมาทำอะไรคะ ”
“ ผมก็พึ่งออกจากงานแต่งเหมือนกัน กำลังจะกลับบ้าน เผอิญเห็นไฟในร้านเปิดเลยแวะมาดู ”
“ มีนขอโทษนะคะที่ทำให้เจ้านายตกใจ ” เขาส่ายหน้า
“ ไม่เป็นไร แล้วเจอหรือยังกุญแจ ”
“ ยังค่ะ ว่าจะไปเปิดไฟให้สว่างกว่านี้ ”
“ ไปสิ เดี๋ยวผมช่วยหา ”
หญิงสาวลุกไปเปิดไฟให้ส่องสว่างเพิ่มขึ้น ชายหนุ่มเดินก้ม ๆ เงย ๆ อยู่บริเวณนั้นก่อน มีนาเดินไปสมทบ
“ นี่ไง ใช่หรือเปล่า ”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนจะชูพวงกุญแจที่วางซุกอยู่มุมหนึ่งของเค้าน์เตอร์ขึ้น มีนาหันไปมองแล้วยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“ ใช่ค่ะ ” เธอรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วยกมือขอบคุณเขา
“ ขอบคุณเจ้านายมากเลยนะคะ มีนสะเพร่าจริง ๆ เลย ไม่รู้ทำหล่นไว้ยังไง ” เขาส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“ ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่มายังไง ”
“ ขับมอเตอร์ไซค์มาค่ะ ”
“ อ้าวเหรอ สงสัยผมไม่ทันสังเกตเลยไม่เห็นรถคุณ แล้วนี่ไปงานอันดาก็ไปคนเดียว ? ” เจ้านายถาม เธอพยักหน้ารับ
“ ค่ะ ”
“ เหมือนอันดาเคยเล่าให้ฟังว่ามีนมีแฟนไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ แล้วนี่มันก็ดึกแล้วนะ สามสี่ทุ่ม เป็นผู้หญิงขับไปขับมาคนเดียวแบบนี้อันตรายนะ ทีหลังควรบอกให้แฟนมาส่ง ”
เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา ก่อนจะเอ่ยตอบอึกอัก
“ เขาไม่ว่างน่ะค่ะ ”
“ งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับเถอะ เดี๋ยวผมขับรถตามไปส่ง ” เธอรีบส่ายหน้า
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีนไปเองได้ นี่มันก็ดึกแล้ว เจ้านายกลับบ้านเถอะค่ะ ” เขายิ้ม
“ ตอนแรกผมก็ว่าจะกลับบ้าน แต่คิดไปคิดมาว่าจะนั่งคิดอะไรเงียบ ๆ ที่นี่สักพัก มีนกลับไปก่อนเถอะ ”
เธอเงยหน้ามองเขา ในใจก็นึกสงสาร เขาคงเจ็บปวดมากที่ต้องเห็นผู้หญิงที่รักแต่งงานไปกับชายอื่น เธอเห็นใจเขา เลยตัดสินใจพูดให้กำลังใจออกไป
“ เจ้านายอย่าคิดมากนะคะ สู้ ๆ ค่ะ ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ โอเค ขอบคุณมากนะสำหรับกำลังใจ ” เธอพยักหน้าก่อนส่งยิ้มให้เขาแล้วออกมาจากที่นั่นเพื่อตรงกลับห้องพักในทันที
พิธานยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ร้าน คิดถึงเธออีกแล้ว คิดถึงอันดาเหลือเกิน ที่แห่งนี้เธอเคยทำงานอยู่ เขายังจำทุกกิริยา ทุกรอยยิ้ม ทุกอณูที่เป็นเธอได้ทุกอย่าง เธอยังอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ และมันก็คงเป็นได้เพียงความทรงจำเท่านั้น
เขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม เขาจะรักใครได้อีกหรือเปล่า เพราะหัวใจของเขามันให้เธอไปหมด หายไปหมดแล้ว
เขายืนหลับตาความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นในหัวใจ ก่อนเดินไปที่หลังเค้าน์เตอร์ เปิดตู้สำรวจเครื่องดื่มว่าพอจะมีอะไรย้อมใจได้บ้าง เมื่อพบเตกีร่าก็ฉวยมาหนึ่งขวด เดินเข้าไปสู่ห้องพักที่อยู่ด้านหลัง ก่อนทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาตัวยาวแล้วเปิดขวดกระดกน้ำใสแต่ดีกรีไม่ใสเข้าปาก
ภาพวันเวลาระหว่างเธอกับเขาหลั่งไหลเข้ามาเหมือนน้ำทะลัก ยิ่งเห็นก็ยิ่งยกขวดกระดกเข้าปาก ปกติพิธานไม่ใช่คนดื่ม แต่วันนี้ขอสักวัน ถ้าเมา ขับรถไม่ไหวก็นอนมันที่นี่เลย
ความรู้สึกในใจที่ก่อตัวมากขึ้น น้ำในขวดค่อยลดปริมาณลงเช่นเดียวกับสติสัมปชัญญะ สุดท้ายร่างสูงใหญ่ก็คอพับคออ่อนแล้วค่อย ๆ นอนเหยียดยาวลงบนโซฟาและเข้าสู่ห้วงภวังค์แห่งนิทราในที่สุด