เมื่อถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ทั้งสามสาวต้องเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อกลับกรุงเทพ พวกเธอไม่ลืมที่จะแวะทำบุญตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้
“เจ้าเอยเดี๋ยวแวะซื้อของฝากเสร็จแล้วเราไปซื้อสังฆทานกันด้วยนะ” ชมจันทร์เตือนเพื่อน
“ได้สิ ทางด้านหน้าฉันเห็นมีร้านสังฆภัณฑ์อยู่พอดีเลย”
“ถวายทั้งทีเอาเป็นชุดผ้าไตรเลยดีกว่า” จันทร์เจ้าเอยนึกถึงว่าอยากจะทำบุญให้กับชายในฝันของเธอด้วยเช่นกัน
เมื่อออกมาจากร้านสาวๆก็มุ่งหน้าไปที่วัดทันที
“นั่นแกวัดอยู่ทางด้านหน้าทางเลี้ยวขวาที่จะถึง” ปลาดาวร้องบอกเพื่อนเพราะกลัวจะขับรถเลย
“เอี๊ยดดดด” เสียงเบรคยาว เพียงเสี้ยววินาทีจันทร์เจ้าเอยหักรถหลบอะไรบางอย่างที่ตัดหน้ารถทำให้เธอต้องหยุดรถกระทันกัน
”อะไรอีกแล้วแก นี่ขนาดกำลังจะไปทำบุญนะเนี่ย” ปลาดาวบ่นด้วยกังวลด้วย
“หมาดำ” จันทร์เจ้าเอยพูดขึ้นเมื่อเห็นสุนัขสีดำตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถและวิ่งเข้าโพรงป่าต้นไม้ข้างทาง
อุปสรรคต่างๆเกิดขึ้นเหมือนอยากจะขัดขวางทางบุญ
“ไปต่อเถอะแกเดี๋ยวพระท่านจะไปฉันเพลเสียก่อน” ชมจันทร์ทักเธอให้รีบไป ภายใต้ความแครงใจของจันทร์เจ้าเอย
“จะมาทำสังฑทานกันหรือโยม” พระสูงวัยท่านหนึ่งหยุดกวาดลานวัดแล้วทักสามสาวที่กำลังเปิดประตูลงมา
“ค่ะ หลวงพ่อ” จันทร์เจ้าเอยตอบ
“เดินไปตรงหน้ากุฏิเลยโยม” พระท่านแนะนำและวางมือจากการกวาด
แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคืออยู่ๆหลวงพ่อท่านก็ทักขึ้นมาเสียดื้อๆ
“รออยู่ตรงนี้แหล่ะโยม เดี๋ยวเขากรวดน้ำค่อยอนุโมทนาไม่ต้องตามขึ้นไปหรอก”
“คะ หลวงพ่อว่าอะไรนะคะ” ปลาดาวหันไปถามพระชรา แต่หลวงพ่อไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้เฉยๆ
เงาสองร่างมองตามสามสาวและพระไปด้วยสายตาที่ต่างความหมายกัน ร่างหนึ่งสง่างาม สำรวมและมีจิตตั้งมั่นในการอนุโมทนาบุญ ส่วนอีกร่างเงานั้นกลับชิงชังพร้อมเข้าขัดขวาง
“เอ้า โยมกล่าวคำถวายสังฆทานพร้อมกันแล้วยกมาประเคน ตั้งใจอุทิศบุญให้คนที่เขามารอรับด้วยนะ”
“แกว่าใครมารอรับ หลวงพ่อท่านพูดแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” ชมจันทร์หันซ้ายหันขวาเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อนทั้งสองคน
“ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติสาคะรัง...." หลวงพ่อสวดอุทิศส่วนกุศลให้กับเหล่าวิญญาณและสรรพสัตว์ทั้งหลายแต่ในตอนที่หลวงพ่อกำลังกล่าวบทสวดอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งสวนทางขึ้นมาแต่หลวงพ่อท่านก็วางเฉยและสวดต่อจนเสร็จพิธี
“มึงคิดว่าสังฆทานชุดเดียวมันแลกกับชีวิตกูได้หรือ!” เสียงแหลมดังในโสตประสาทจันทร์เจ้าเอยซึ่งเป็นเสียงเดียวกับที่พระท่านได้ยิน
“ข้าแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุญใดที่แม่บุหลันนางผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้าได้ตั้งใจทำแล้วในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขอตั้งจิตน้อมรับและอนุโมทนา และขอบุญนี้กุศลนี้เป็นดังเกราะป้องกันอัตรายทั้งหลายแก่นางด้วยเทอญ สาธุ” ชายในชุดโบราณผู้สง่างามลงจากหลังม้าวางดาบลงข้างกายแล้วกล่าวอนุโมทนาด้วยจิตตั้งมั่น
"ผู้ใดยินดีในสุขก็ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป ผู้ใดที่ไม่ยินดีในบุญตอนนี้ก็ขอให้มีแสงสว่างส่องนำทางตนให้หลุดพ้นได้โดยเร็วพลันนะโยมนะ" หลวงพ่อท่านกล่าวอย่างไม่เจาะจงถึงบุคคลใด
"หลวงพ่อวัดนี้ให้พรแปลกจังแกว่าไหม" ชมจันทร์หันไปซุบซิบกับปลาดาว
"ฉันก็ว่านะแก" ปลาดาวเองก็สงสัยไม่ต่างกัน
หนึ่งดวงจิตนิ่งสงบรับผลบุญ ตรงข้ามกับอีกดวงจิตที่คิดร้ายไม่จากต่างดวงไฟเผาผลาญตนเองให้มอดไหม้
............