เสียงปริศนาไม่เคยหายดัง

988 Words
"เจ้าเอย จะไปสอนหรือลูก" จิตตราถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเพราะเพิ่งจะไปหาหมออีกครั้งเมื่อไม่นานนี้เอง "ค่ะ เจ้าเอยไม่เป็นอะไรแล้วค่ะวิ่งได้สบายบรื๋อ นี่แน่ะๆๆ" เธอกระโดดขึ้นลงเป็นเด็กๆให้จิตตราดูเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ "ดูทำเข้าสิลูกคนนี้" "หมอฉีดยาให้แล้วก็น่าจะโอเคน่าแม่ เชื่อใจลูกสิ" เกรียงไกรเสริมเมื่อเห็นภรรยามองแบบไม่วางตา "ไปแล้วค่ะเดี๋ยวสาย บ๊ายบายค่ะ" เธอพูดเสียงอู้อี้เพราะกำลังเอาขนมปังปิ้งยัดใส่ปากไปหนึ่งแผ่น เช่นเคยที่เธอเลือกจะไม่เอารถไปในชั่วโมงเร่งด่วน วินมอเตอร์ไซด์คงเป็นที่วางใจของเธอเสมอ หลังจากที่เธอถึงที่หมายและกำลังจะเดินไปต่อยังสถานีรถไฟฟ้า เสียงแว่วก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง "คุณครูเจ้าเอยคะ" เสียงเด็กหญิงนักเรียนของห้องเธอ ร้องเรียกชื่อเธอขณะที่ยืนอยู่กลางถนนเพียงลำพัง "น้องมายด์มาได้ยังไงคะระวังรถลูก" จันทร์เจ้าเอยตะโกนสุดเสียงและรีบวิ่งไปหาเด็กน้อยทันที "เอี๊ยดดดดดด" เสียงรถเบรคอย่างกะทันหัน "เป็นบ้าอะไรวะ อยู่ดีๆก็กระโดดออกมาอยากตายหรือไง" เสียงคนขับรถตะโกนด่าทอเธอ จันทร์เจ้าเอยเกือบจะถูกรถชนเข้าอย่างจังแต่รถนั้นก็กลับเลี้ยวหลบเธอได้อย่างหวุดหวิดเหมือนมีใครจับผลักออก นอกจากนั้นยังมีมือของชายแปลกหน้ามาดึงเธอออกมาจากกลางถนนได้ทันอีกต่างหากนับว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ "เป็นอะไรไปไหมครับคุณ คุณครับ คุณครับ" เสียงชายคนหนึ่งเรียกและเขย่าตัวเธอเบาๆ "น้องมายด์ น้องมายด์ไปไหน" เธอยังคงมีจิตวิญญาณของความเป็นครูที่ห่วงลูกศิษย์ตัวน้อยจะถูกรถชน "น้องมายด์ไหนครับ ตอนนี้มีแต่คุณ" ชายแปลกหน้าบอกว่าที่ตรงนี้ตอนนี้ไม่มีใครเลยนอกจากเธอกับเขาสองคน "เด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนอนุบาลค่ะ เมื่อกี้กำลังยืนอยู่ตรงกลางถนน" เธอบอกเสียงสั่นรัว "ไม่มีนะครับ ผมยืนยันได้" ชายผู้นั้นหันไปมองรอบๆเพื่อความแน่ใจและตอบกลับอย่างหนักแน่น "สงสัยฉันคงจะตาฝาด ขอบคุณนะคะ" จันทร์เจ้าเอยมองไปรอบๆตัวเองอีกครั้งด้วยเช่นกันแต่ก็เป็นอย่างที่เขาบอกว่าไม่มีใคร "คุณไหวใช่ไหมครับหน้าซีดๆ ไปโรงพยาบาลไหมครับ" เขาเอ่ยถามด้วยความมีน้ำใจ "เอ่อ...." เธอทั้งกังวลและเกรงใจ "ไม่ต้องห่วงนะครับผมทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลฝั่งตรงข้ามกับรถไฟฟ้านี้เองถ้าคุณจะไปผมไปเป็นเพื่อน" เขายิ้มให้เล็กน้อยแสดงความจริงใจว่าไม่ใช่มิจฉาชีพ "ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" จันทร์เจ้าเอยพอรู้สึกตัวดีขึ้นก็เกิดความอายที่เห็นภาพหลอนตั้งแต่เช้า "โอเคครับ งั้นผมขอตัวไปก่อน ระวังด้วยนะครับ"เขาช่วยพยุงให้เธอได้ลุกขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยลา เสียงของชายแปลกหน้าที่ดูอบอุ่นและคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก เธอเคยเจอเขาที่ไหนกันนะจังหวะที่เขาช่วยดึงเธอออกมาจากถนนทำให้เธอได้เห็นหน้าเขาอย่างใกล้ชิดและชัดเจนชายผิวขาวหน้าเนียนใสผิวละเอียด ถึงแม้ว่าจะใส่แว่นสายตาแต่ก็ดูหล่อคมไม่น้อยโดยเฉพาะสันจมูกที่โด่งรับกับแว่นได้อย่างลงตัว ยิ่งเมื่อเขายิ้มให้ก่อนเอยลา จันทร์เจ้าเอยยิ่งคุ้นกับรอยยิ้มนั้นยิ่งนัก ............. "เจ้าเอย แกเป็นอะไรมากไหมวะ" ปลาดาวถามเมื่อเพื่อนรักสามคนได้นัดเจอกันอีกครั้งหลังเลิกงานและจันทร์เจ้าเอยก็ได้เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นรวมถึงความฝันและเสียงประหลาด "แกหมายความว่ายังไง แกคิดว่าเจ้าเอยมันเป็นบ้าหรือ" ชมจันทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และทำตาโต "เปล่าซะหน่อย ฉันแค่คิดว่าอาการแบบนี้มันอาจจะเกิดจากสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติหรือจิตใต้สำนึกก็เป็นไปได้นะ" ปลาดาวพยายามอธิบาย "เจ้าเอยถ้าแกลองไปพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาก็ไม่เสียหายนะ คนไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าบ้านะ ดีกว่าแกปล่อยให้เกิดภาพหลอนหูแว่วแบบนี้เรื่อยๆแกคงได้เป็นบ้าจริงแน่" ปลาดาวโน้มน้าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนนั่งฟังนิ่ง "ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าได้แนวทางการรักษาที่ตรงจุดจริงๆฉันน่าจะดีขึ้น" จันทร์เจ้าเอยเริ่มคล้อยตาม "ถ้าแกตัดสินใจจะไปเมื่อไรฉันมีหมอแนะนำพอดี พวกแกจำพี่ต้นน้ำได้เปล่า" ปลาดาวเกริ่นนำ "จำได้สิ" สองสาวตอบพร้อมกัน "นั่นแหล่ะน้องชายเขาเป็นจิตแพทย์ที่เก่งมากเลยนะ นี่ฉันมีนามบัตรพี่ต้นน้ำเขาเคยให้ฉันไว้ดูเหมือนจะอยู่โรงพยาบาลใกล้บ้านแกนี่เองเจ้าเอย" ปลาดาวสาธยายสรรพคุณ "ทำไมพี่เขาให้แกล่ะ อ๋อเขารู้ว่าอีกหน่อยแกต้องบ้าแน่ๆฮ่าๆๆ" ชมจันทร์แซวเพื่อสาว "ชู้วว์! ก็บอกแล้วไงว่าคนไปพบจิตแพทย์ไม่ได้บ้า" ปลาดาวมองค้อนเพื่อนเพราะกลัวจันทร์เจ้าเอยจะกังวลใจแต่จันทร์เจ้าเอยไม่ได้ใส่ใจเธอกำลังเพ่งมองไปที่ชื่อในนามบัตรนั่นต่างหาก "นายแพทย์อติวิชญ์ กิตรัชติกร" จันทร์เจ้าเอยรับนามบัตรนั้นมาแล้วอ่านชื่อนามสกุลของแพทย์คนดังกล่าวมีความหวังว่าเธอจะหายจากอาการแปลกๆที่ว่านี้และไม่สร้างความรำคาญใจในชีวิตประจำวันให้แก่เธออีก .......................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD