"ปลาดาว ฉันอยากให้แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย" จันทร์เจ้าเอยส่งข้อความหาเพื่อนสาวขณะที่นั่งอยู่บนรถไฟฟ้ากำลังมุ่งหน้าเพื่อไปสอนที่โรงเรียน
"แกจะไปไหน"
"ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องเริ่มไปหาจิตแพทย์แล้วล่ะแต่ฉันไม่กล้าไปคนเดียว"
"ได้ แกจะไปเมื่อไรว่ามา"
"เอาไว้ไปเสาร์หรืออาทิตย์นี้ก็ได้ แต่แกอย่าให้พ่อกับแม่ฉันรู้นะฉันกลัวท่านจะเป็นห่วง" จันทร์เจ้าเอยขอร้องเพื่อนรัก
"เออไว้ใจได้น่า"
จันทร์เจ้าเอยเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเมื่อเพื่อนตอบรับว่าจะไปด้วยกันเธอก็เริ่มคลายความวิตกกังวลไปได้บ้าง
"ครูเจ้าเอยครับ สวัสดีครับ" เด็กชายเป็นเอกเดินเข้ามาทักทายเมื่อผู้ปกครองมาส่งที่หน้าห้องเรียน
"สวัสดีค่ะสุดหล่อของครู"
"ทำไมคุณครูไม่ชวนเพื่อนเข้ามานั่งในห้องเย็นๆล่ะครับ"
"เพื่อนที่ไหนจ๊ะ"
"พี่สาวคนนั้นครับเขายืนที่หน้าห้อง น่าจะเป็นเพื่อนคุณครูครับ"
"ไม่มีใครนี่จ๊ะ" จันทร์เจ้าเอยเดินออกไปดูหน้าห้องก็ไม่พบว่ามีใคร
"มีสิครับ" เด็กน้อยจูงมือคุณครูของเขาออกไปดูที่หน้าประตู
"นี่ไงครับพี่เขายืนหลบอยู่ที่มุมเสาเขายิ้มให้ด้วยครับ" เด็กชายยืนยัน
"เป็นเอกจ๊ะ คุณครูว่ามันไม่ใช่เรื่องสนุกนะจ๊ะ เราเข้าไปฟังนิทานกันดีกว่าวันนี้คุณครูมีหนังสือใหม่มาเล่าให้ทุกคนฟัง" จันทร์เจ้าเอยบอกแล้วก็จูงมือเด็กชายเป็นเอกกลับเข้าห้องเรียน เธอไม่คล้อยตามลูกศิษย์เพราะคิดว่าเขาอาจจะแค่อยากล้อเล่น ตามวิสัยเป็นเอกเป็นเด็กคุยเก่งอยู่แล้ว
.............
"คุณพ่อคุณแม่คะ วันหยุดพรุ่งนี้เจ้าเอยออกไปข้างนอกนะคะพอดีนัดกับยัยปลาดาวเอาไว้น่ะค่ะ ขอออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อย" เธอบอกกับบิดามารดาบนโต๊ะอาหารเย็น
"ตามสบายเลยลูกไปผ่อนคลายบ้างก็ดี" เกรียงไกรสนับสนุน
"แล้วปลาดาวกับชมจันทร์เป็นยังไงกันบ้างลูกว่างๆชวนมาทานข้าวที่บ้านบ้างนะไม่เจอกันนานเลย" จิตตราสนิทสนมกับเพื่อนทั้งสองของเธอเป็นอย่างดี
"ได้เลยค่ะคุณแม่ เดี๋ยวจะชวนมาค้างด้วยเลย" จันทร์เจ้าเอยอารมณ์ดีกลบเกลื่อนสิ่งที่จะแอบไปทำกับเพื่อนรักในวันพรุ่งนี้
..........
"เจ้าเอย" ปลาดาวโบกมือเรียกพร้อมวิ่งถลาเข้าไปหา
"อ้าวชมจันทร์มาด้วยหรือ"
"ยัยนี่มันอยากรู้ด้วยน่ะสิ" ปลาดาวหันไปเหน็บเพื่อน
"ใครว่าล่ะฉันเป็นห่วงเพื่อนต่างหากถึงขั้นมาพบจิตแพทย์เนี่ย" ชมจันทร์แก้ตัว
"นี่!บอกแล้วไงว่ามาพบจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าบ้าเมื่อไรแกจะเลิกพูดแบบนี้เสียทีเนี่ย" ปลาดาวดุเพื่อน
"แฮ่ๆๆๆขอโทษ" ชมจันทร์ยิ้มแหยขยับแว่นแก้เก้อ
"ไม่เป็นไร เข้าไปข้างในกันเถอะ" จันทร์เจ้าเอยชวนเพื่อนเข้าไปติดต่อข้างในโรงพยาบาล
"นี่ต้องขอบคุณพี่ต้นน้ำนะที่เขาช่วยคุยกับน้องชายให้เพราะปกติแล้วคลีนิคนอกเวลาแบบนี้ต้องนัดล่วงหน้าฉันเองก็เพิ่งนึกได้ เลยโทรไปคุยกับพี่เขาเมื่อวาน แถมพี่เขาขอล็อคคิวพิเศษให้ด้วยนะ" ปลาดาวสารภาพว่าลืมแนะนำเรื่องนี้ไป
"ไม่เป็นไรเลยแกแค่นี้ก็ขอบใจมากแล้ว" จันทร์เจ้าเอยเอื้อมมือไปจับมือเพื่อน
"คุณจันทร์เจ้าเอยเชิญพบแพทย์ค่ะ" เสียงนางพยาบาลมาเรียกเธอตรงที่นั่งพักหน้าห้อง
"เพื่อนหรือญาติรอตรงนี้ก่อนนะคะ"
"ทำใจให้สบายแกพวกฉันรออยู่ตรงนี้" ปลาดาวและชมจันทร์ชูสองนิ้วให้เพื่อนทำเหมือนเธอกำลังจะไปเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง
"สวัสดีครับ คุณจันทร์เจ้าเอย" นายแพทย์อติวิชญ์ทักทายคนไข้
"สวัสดีค่ะ คุณ..." เธอหยุดเสียงเพราะคุ้นหน้ากับเขา
"อ้าวคุณนั่นเอง" เขาเองก็ยังจำเธอได้
"โลกกลมจังเลยนะคะ"
"ครับ คุณจันทร์เจ้าเอย ชื่อเพราะจังเลยนะครับแถมแปลกด้วย" เขาชวนเธอพูดคุยเพื่อผ่อนคลายไม่ให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังมารักษา
"ทำไมถึงได้ชื่อนี่ล่ะครับ คุณพ่อคุณแม่เข้าใจตั้งนะครับ"
"คุณพ่อชอบเล่าเรื่องสมัยเด็กๆตอนคุณย่ากล่อมด้วยกลอนจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าให้คุณแม่ฟังค่ะ คุณพ่อก็เลยบอกว่าถ้ามีลูกสาวเกิดวันจันทร์จะให้ชื่อนี้ก็เลยเป็นจันทร์เจ้าเอยนี่แหล่ะค่ะ แต่คุณหมอเรียกเจ้าเอยก็ได้นะคะจะได้สั้นลงหน่อย" เธอเริ่มพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง
"ครับคุณเจ้าเอย เรียกผมว่าติญญ์ก็ได้นะครับ ที่จริงเราก็ไม่ใช่คนอื่นไกลเห็นว่าพวกคุณเป็นรุ่นน้องพี่ชายผมสมัยเรียน"
"ใช่ค่ะ ปลาดาวเพื่อนของเจ้าเอยเป็นน้องรหัสตรงกับพี่ต้นน้ำเลยค่ะ"
"งั้นพวกเราก็น่าจะรุ่นๆเดียวกันเป็นเพื่อนกันได้ครับ" อติวิชญ์อัธยาศัยดีทำให้จันทร์เจ้าเอยเพลินไปกับการชวนคุยของเขาไม่รู้สึกเกร็งระหว่างที่เธอมองหน้าฟังเขาพูดไปจิตใต้สำนึกของเธอก็ทำงานทำให้เธอระลึกถึงความฝันครั้งล่าสุดที่ผ่านมา
"ทำไมหน้าช่างคล้ายกันเสียเหลือเกิน"
"คุณเจ้าเอยว่าอะไรนะครับ"
"เอ่อ เปล่าค่ะไม่มีอะไร" เธอไม่กล้าที่จะเล่าให้คนที่เพิ่งรู้จักกันว่าฝันถึงคนหน้าเหมือนเขาหรอกเกรงจะถูกจัดว่าต้องรีบรักษาโดยด่วน
"คุณเจ้าเอยมีอะไรอยากให้ผมแนะนำเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ" เข้าเริ่มเข้าเรื่อง
"คืออันที่จริงเจ้าเอยก็ไม่แน่ใจตัวเองเท่าไรนะคะแต่ช่วงหลังๆมานี้เจ้าเอยรู้สึกได้ยินเสียงแปลกๆคิดว่าตัวเองหูแว่วเพราะได้ยินแค่คนเดียว"
"ได้ยินว่าอะไรครับ"
"เสียงกระพรวน เสียงคนทะเลาะกัน แต่เจ้าเอยเคยไปหาหมอแล้วอาการทางร่างกายไม่มีอะไรค่ะ"
"ได้ยินบ่อยแค่ไหนครับ"
"เกือบทุกคืนค่ะ เหมือนเป็นความฝันแต่บางครั้งก็ได้ยินตอนที่ไม่ได้ฝัน"
"คุณเจ้าเอยเล่าออกมาได้เรื่อยๆเลยนะครับ ผมฟังอยู่นั่งพิงหลังลงสบายๆเลยครับ" เขาบอกให้เธอนั่งหรือนอนอยู่ในท่าที่ผ่อนคลายที่สุด
ระหว่างที่เธอเล่าเธอเริ่มมีอาการคล้ายตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งโดยอัตโนมัติ
"พี่ขอตัวกลับก่อนนะแล้วพี่จะกลับมาเจรจากับพ่อแม่ของเจ้าตามคำสัญญา" ขุนไกรสินเดินเข้ามาลาบุหลันสาวคนรักก่อนเดินทางกลับเรือนของตน
"พี่ขอจองเจ้าด้วยดอกจันทร์กระพ้อนี่ก่อน ยามใดที่ได้กลิ่นยามนั้นคือใจพี่ถวิลหาเจ้า" เขามองเธอด้วยสายตาหวานเชื่อม
"กลิ่มหอมย่อมมีวันคลาย" บุหลันแสร้งลองใจด้วยคำพูดคมคาย
"แต่ใจพี่มิมีวันเลือน" เขาตอบกลับเธอได้อย่างทันควัน
"คุณพี่เดินทางดีๆนะเจ้าคะ น้องจะรอวันที่เราได้เคียงคู่กัน"
บทสนทนาที่เอ่ยร่ำลากันของสองคนรักอยู่ในสายตาของคน คนหนึ่ง ตาหนึ่งคู่มองด้วยความริษยา ส่วนตาอีกหนึ่งคู่มองด้วยความเจ็บช้ำแต่ยังมีความปราถนาดีให้ถึงแม้จะไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของก็ตาม
"จะรอเจ้าแม้นานสักแค่ไหน ใจยังคงมีเจ้าเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แม้นยังมิอาจสมปองรัก แต่ข้าจักตามคุ้มครองคุ้มภัย" หมื่นโกศลว่าบทกลอนขึ้นต่อหน้าคู่รัก
"เจ้านี่แต่งกลอนเข้าทีนะโกศล" ขุนไกรสินเข้าใจว่าน้องชายผู้เก่งกาจในกวีเอ่ยบทกลอนให้เขา แต่ที่จริงแล้วเขาแต่งออกมาจากความรู้สึกแทนความในใจของตนเองต่างหาก
"หากงานมงคลเกิดขึ้นเมื่อใดหวังว่าท่านหมื่นโกศลจะแต่งกวีเป็นศรีให้แก่ข้าสักบท" บุหลันบอกกล่าวแก่นักปราชญ์ผู้เป็นน้องชายของคนรัก
"ย่อมได้เสมอ ข้าขอตัวก่อน" เขาตกปากรับคำและก้มหน้าเดินนำพี่ชายออกไป
"แต่งเป็นศรีงานมงคลรึ กูจักขัดขวางทุกวิถีทาง" บุญเพลงกัดฟันกรอดหลบอยู่มุมเสาใต้ถุนเรือน
"คุณหนูเจ้าคะ ขึ้นเรือนเถิดเจ้าค่ะค่ำมืดแล้วหากผู้ใดมาเห็นคุยกับท่านขุนเยี่ยงนี้จะไม่งามเจ้าค่ะ อีบุญเพลงจะเดินไปส่งท่านขุนเองเจ้าค่ะ" บุญเพลงเดินออกมาบอกแก่นายหญิงของตน
"เชิญเจ้าค่ะท่านขุน" บุญเพลงถือตะเกียงนำทาง
เมื่อเดินไปถึงที่ท่าเรือบุญเพลงก้มหัวค้อมให้ขุนไกรสินและทำท่าหมุนตัวกลับ
"โอ้ย!" บุญเพลงสะดุดล้มมือคว้าเกาะตัวแนบชิดกับขุนไกรสิน
"เป็นอะไรไหมนังบุญเพลง" ขุนไกรสินถามนางทาสด้วยความไม่ถือสา
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวขอโทษเจ้าค่ะที่ไม่ระวัง" บุญเพลงพูดพร้อมสบสายตามองท่านขุนวัยฉกรรจ์ส่อความหมายในใจ
"เอ็งกลับไปได้แล้วเผื่อแม่บุหลันจะเรียกใช้" ขุนไกรสินปล่อยมือนางทาสโดยมิได้คิดอะไร
"เจ้าค่ะ" นางทาสรับคำแต่โดยดีและหลบตากลับแสร้งว่าเขินอาย
"กูไม่ปล่อยให้ใครมาเป็นเสี้ยนหนามหัวใจกูดอก" นางทาสบุญเพลงมองเรือที่ล่องออกจากท่าไปพร้อมหันสลับไปมองที่เรือนใหญ่อารมณ์เต็มเปี่ยมด้วยรักและริษยา
"คุณเจ้าเอยครับ คุณเจ้าเอย" อติวิชญ์เรียกจันทร์เจ้าเอยให้รู้สึกตัว
"คุณหมอ!" เธอสะดุ้งตื่น
"เป็นยังไงบ้างครับ"
"เจ้าเอยเผลอหลับไปหรือคะ"
"คุณไม่ได้หลับครับแต่เหม่อค้างอยู่นานเลย"
"นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเอยเป็นแบบนี้เพราะปกติจะเป็นความฝันแล้วก็หูแว่วไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงเห็นอะไรแปลกๆทั้งที่ยังนั่งคุยกันอยู่"
"ผมคิดว่าอาการของคุุณเจ้าเอยคงต้องใช้เวลาหน่อยนะครับผมจะให้พยาบาลออกใบนัดให้ วันนี้คิดเสียว่าเราแค่มาทำความรู้จักกันก่อนนะครับ" อติวิชญ์ไม่ต้องการให้จันทร์เจ้าเอยรู้สึกกดดันหรือว่าเครียดจนเกินไปนัก
"ทำความรู้จักงั้นหรือ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ารู้จักคุณหมอมานานแล้วนะ" จันทร์เจ้าเอยคิดในใจ
................