ไอ้คนเฮงซวย

1272 Words
(Talk ตั้งโอ๋) พอรู้สึกตัวอีกทีก็ประมาณตี 1 แล้วมั้ง ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาภายใต้อ้อมกอดของเขา เห็นหน้าของเขาแล้วฉันอยากจะตบแรงๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาก็จะตื่น ฉันรีบย่องกลับห้องและเก็บข้าวของทันที เจ้าหมอนี่ทำกับฉันขนาดนี้ ถึงแม้คืนก่อนจะเป็นการสมยอมของฉันแต่ครั้งนี้มันดิบเถื่อนและรุนแรงจนฉันใจหาย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกเจ็บเหมือนมีอะไรฉีกขาดอยู่เลย ฉันหอบร่างกายสุดช้ำนี้ออกมาจากโรงแรมและรีบไปที่สนามบิน เลื่อนหาตั๋วเครื่องบินที่จะบินกลับให้เร็วที่สุดโชคดีที่ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวเลยหาได้ไม่ยาก ฉันบินกลับมายังเมืองหลวงคืนนั้นเลย ฉันไม่มีวันยอมมองหน้าเขาอีกแล้ว กลับมาถึงคอนโดก็เกือบๆ ตี5 เพราะรอแท็กซี่ พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยยื่นใบลาออกไปที่ฝ่ายบุคคล แต่ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่าต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายหน่อย รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแล้วก็ปวดหัวตุบๆ คุณกรวรีย์เชิญค่ะ เสียงพยาบาลสาวสวยเรียกฉันเข้าไปห้องตรวจ ฉันที่ฟกช้ำไปทั้งตัวเดินเข้าไป จริงๆ มาเวลานี้เป็นเคสฉุกเฉินสินะเลยได้ตรวจไวหน่อย "สวัสดีครับ" หมอหนุ่มอายุไม่น่าจะห่างกับฉันมากเอ่ยขึ้นนิ่งๆ เขายิ้มให้ฉันอย่างจริงใจแล้วมองมายังดวงตาที่แดงก่ำ "คุณกรวรีย์ใช่มั้ยครับ วันนี้มาหาหมอมีอะไรเอ่ย" น้ำเสียงอบอุ่นและท่าทางเป็นมิตร ช่วยเยียวยาจริงๆ "มาตรวจร่างกายค่ะ พอดีว่า…" ฉันตะกุกตะกักไม่กล้าพูด แล้วเขาก็จ้องมองมาด้วยท่าทีสงสัย "ไม่เป็นไรครับ บอกหมอได้" เขายิ้มอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ปวดหัวหนักมากๆ แล้วก็รู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าค่ะ" ฉันตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงบางเบา "เมื่อกี้พยาบาลวัดไปแล้วไม่มีนะครับ" เขาพลิกดูแฟ้มประวัติของฉันแล้วเหลือบตามอง "งั้นหมอขอตรวจร่างกายหน่อยได้มั้ยครับ ขอฟังการเต้นของหัวใจหน่อย" เขาเสียบหูฟังแล้วเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฉัน ฉันสะดุ้งโหยงอาจเป็นเพราะตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อเขาเปิดเสื้อเชิ้ตของฉันออกนิดหน่อยก็เห็นร่างกายของฉันที่เต็มไปด้วยรอยแดง เขามีท่าทีตระหนกแล้วเงยหน้ามองฉัน "ถ้าคนไข้มาหาหมอแต่ไม่แจ้งต้นตอของปัญหาที่แท้จริงหมอก็ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้นะครับ" น้ำเสียงตรงนี้อ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยการตำหนิ "อะเอ่อ คือว่า ฉันอยากได้ยาคุมกำเนิด…" ไม่กล้าพูดเลยแฮะ ฉันก้มลงมองต่ำ "คุณอยากแจ้งตำรวจมั้ยครับ" เขาถามนิ่งๆ เมื่อเดาอาการของฉันและเห็นร่างกายบอบช้ำนี่ ฉันก้มหน้าลงมองต่ำแล้วส่ายหัวไปมา อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ฮึก ฮึก "งั้นหรอครับ อยากให้หมอส่งต่อไปคุยกับจิตแพทย์มั้ยครับ" เขาถามอ่อนโยน แต่ฉันก็ยังส่ายหัวอยู่ "งั้นหมอจะฉีดยาคุมให้นะครับ ตามที่คุณเล่ามารอบการกินก็ยังต้องกินอีก 1 เม็ด แต่หมอจะฉีดกันไว้ให้คุณ" หงึก หงึก ฉันพยักหน้าเพื่อบอกว่ารับรู้ น้ำตายังไม่หยุดไหล อยู่ๆ พยาบาลสาวก็เปิดประตูเข้ามา ฉันรีบรุดเช็ดน้ำตาไม่กล้าเงยหน้า เขายืนขึ้นเอาตัวบังฉันไว้ไม่ให้พยาบาลมองเห็นว่าฉันกำลังร้องไห้ อ่อนโยนเกินไปแล้ว "งั้นก็ตามนี้นะครับ คุณแน่ใจใช่มั้ยว่าไม่ต้องการตรวจภายใน" เขาถามย้ำฉันเมื่อพยาบาลออกไปแล้ว "ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ หมอเป็นหมอที่อ่อนโยนและใส่ใจคนไข้มากค่ะ แค่คิดว่าคนไข้ทุกคนได้รับความอ่อนโยนจากคุณหัวใจคงพองโตกันหมด" ฉันเริ่มพูดและยิ้มให้เขา "ครับ ขอบคุณครับ นี่นามบัตรผม ถ้าเกิดว่ามีอะไรก็สามารถติดต่อผมได้ตลอดครับ" เขายื่นนามบัตรสีขาวสะอาดเหมือนตัวเขาให้ฉัน ชื่อ ศรุตย์ งั้นหรอ ฉันได้แต่พึมพำในใจแล้วกลับคอนโดเพื่อพักผ่อน และไม่ลืมที่จะส่งเมลยื่นใบลาออกไปที่ บริษัท . . (Talk เอกทัศน์) ผมงัวเงียตื่นมาตอนเช้าก็ไม่เจอเธอแล้ว ในใจคิดว่าเธอคงกลับไปนอนที่ห้อง เมื่อคืนผมทำเลวกับเธอไว้เยอะ ป่านนี้ยัยนั่นคงเกลียดผมเข้าไส้ แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ยัยนั่นทำให้ผมหึงจนแทบบ้า ท่าทีหยิ่งผยองเหมือนไม่สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไงถ้าเธอไปนอนกับคนอื่น นั่นยิ่งทำให้ผมหัวเสีย ทั้งๆ ที่ย้ำอยู่ตลอดว่าเธอเป็นของผม แต่เธอก็ยังพยศไม่หยุดแถมยังแอบออกไปหาผู้ชายชายอีก จะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไงล่ะ แต่เมื่อคืนก็ทำรุนแรงเกินไปจริงๆ แหละ คำพูดคำจาก็ร้ายกาจ วันนี้ต้องไปขอโทษสักหน่อย พูดแล้วผมก็อาบน้ำแต่งตัว เรามีบิน 80.30 น. ผมมาเคาะประตูห้องเธอเพื่อหวังคุยปรับความเข้าใจ แต่คนที่เปิดมากับไม่ใช่เธอ ผมตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าเธอเช็กเอาท์ออกไปตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้คนที่พักห้องนี้ไม่ใช่เธอ ผมรีบโทรหาเธอแต่ไม่ติด ผมไปทีที่สนามบินด้วยความร้อนรนและบินกลับเมืองหลวงทันที มาถึงผมก็ตรงดิ่งเข้าบริษัท และกวาดสายตามองหาเธอแต่ไม่เจอเธอนั่งหยิ่งยโสอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนเคย ผมย้ายตัวเองมายังหน้าห้องทำงานของน้องชายผมเพื่อมาถามหาเธอกับยัยดุจดาว “นี่ วันนี้ตั้งโอ๋ เอ่อ กรวรีย์ได้เข้ามาทำงานมั้ย” ผมถามเธอด้วยท่าทีและสีหน้าจริงจัง “พี่โอ๋ไม่มานะคะ แต่เห็นว่าคุณอุดมหัวหน้าฝ่ายบุคคลได้รับเมลจากเธอ บอกว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วย” เธอเอียงคอมองผมด้วยความสงสัย “งั้นหรอ งั้นให้คุณอุดมเข้าพบผมด่วน” “ได้ค่ะ” . “ลาออก!!!” ผมแหกปากตะโกนเสียงดังเมื่อได้ยินหัวหน้าฝ่ายบุคคลบอกมาแบบนั้น ยัยนั่นจะปั่นหัวกันมากเกินไปแล้วนะ “คะ ครับ บอสไม่รู้หรอครับ” เขาถามมาด้วยท่าทีตระหนกและกลัวผมที่กำลังสั่นเพราะโกรธ ยัยบ้านี่โทรหาก็ไม่ติดแถมไม่พอยังมาอยากลาออกอะไรอีก “ส่งเมลกลับไปว่าผมไม่เซนต์อะไรให้ทั้งนั้น ผมไม่ให้เธอลาออก ถ้าเธอยังยืนยันแบบนั้นเธอจะออกจากที่นี่โดยไม่มีใบผ่านงานจากผม และเงินเดือนกับเงินค่าไปต่างจังหวัดผมก็จะไม่จ่ายให้ด้วย” ใช่แล้วยัยนี่ต้องเจอไม้นี้ “ครับ” เขาพูดแล้วส่งทันที ไม่นานก็มีเมลตอบกลับมา “ตะ ตอบกลับมาแล้วครับ” “ว่าไง” ผมถามด้วยท่าทีโมโหและหงุดหงิด “บะ บอกว่า…” หมอนี่จะอึกอักทำไมว่ะ ผมยิ่งหงุดหงิดอยู่ “อย่าให้ผมถามซ้ำ” ผมดึงหน้าตึงเก็บความหงุดหงิด “เธอบอกว่า เรื่องของคุณสิ ไอ้คนเฮงซวย” โอ้โห ยัยนี่เล่นแบบนี้เลยใช่มั้ย “แม่งเอ๊ย” ผมใช้มือกวาดเอกสารบนโต๊ะทำงานทิ้งอย่างโมโห คุณออกไปได้ละ ผมสั่งเขาที่ตัวสั่นเทาเพราะกลัวผม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD