ตอนที่ 1
นิ้วเรียวยาวยกขึ้นกดกริ่งเตือนให้รถหยุด เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
หญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินลงจากรถสองแถวอย่างไม่มั่นใจ แต่ก็ต้องฮึดสู้ เพื่อในสิ่งที่ตั้งใจมาในคราวนี้ให้สำเร็จ
มือเรียวปัดเศษฝุ่นบนตัวเสื้อและกระโปรง รวมไปถึงยกมือสางผมให้เข้าที่เข้าทาง นิ้วชี้ดันแว่นให้เข้าที่เข้าทาง ดวงตากลมโตภายใต้แว่นสายตาสีดำใหญ่มีทั้งตื่นเต้นและแอบหวังเล็กน้อย เธอจะได้งานจากการมาสมัครในครั้งนี้
ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงอมชมพูขบเม้มจนแบนราบเรียบ ขณะสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าๆ เพื่อเรียกกำลังใจ
เบื้องหน้าคืออาคารพาณิชย์ใหญ่ขนาดสามคูหา ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท เมฆินทร์การยาง ด้านหน้าอาคารมีป้ายไม้สี่เหลี่ยมขนาดหนึ่งคูณหนึ่งเมตร ความสูงพอกับสายตาตั้งห่างจากประตูทางเข้าประมาณสองสามเมตร บอกให้รู้ว่าเธอมาไม่ผิดที่
บริษัทเมฆินทร์การยางเป็นบริษัทใหญ่อันดับหนึ่งของจังหวัดในภาคใต้แห่งนี้ เจ้าของเป็นคนกว้างขวางและมีอิทธิพล ตอนนี้ผู้ก่อนตั้งบริษัทได้โยนภาระการบริหารงานให้ลูกชายคนเดียว ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อมาดเข้มและเคร่งขรึม แต่ก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ
เธอไม่เคยเห็นหรอกว่า ‘นายหัวเมฆ เมฆา ปรุระวงศ์’ ที่สาวน้อยสาวใหญ่คลั่งไคล้กันทั่วเมืองมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ที่ว่า
เขาเป็นคนหน้ากลัว เมื่อต้องการสิ่งใดแล้วก็จะต้องเอาให้ได้ ไม่มีใครสามารถขัดขวางความต้องการได้ กระทั่งบิดาที่ขึ้นชื่อว่าทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม ก็ยังต้องยอมให้
ตอนนี้ชายหนุ่มมีลูกติดเป็นสาวน้อยอายุเก้าขวบ ทั้งแก่นเซี้ยวและแสบซ่าและดื้อรั้นอย่าบอกใคร ที่สำคัญคือหวงพ่อเป็นที่สุด ถ้าหากมีสาวคนใดอยากจะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเมฆา จะต้องผ่านการพิจารณาจากบุตรสาวก่อนเป็นคนแรก เท่าที่ได้ยินมาก็ไม่เคยมีหญิงสาวคนใดทำสำเร็จเลยสักราย
ปิ่นปักส่ายศีรษะ พลางกลอกตาไปมาอย่างอิดหนาระอาใจ
เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้คิดฟุ้งซ่านถึงคนที่ไม่เคยพบเคยเห็น เขายังเป็นถึงเจ้าของบริษัทที่เธอตั้งใจมาสมัครงานด้วย มือเรียวยกขึ้นตบใบหน้าเบาๆ เรียกสติกลับคืนมา เพียงแค่คิดถึงการสมัครงานในครั้งนี้หญิงสาวก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ เมื่อคิดถึงผู้เป็นเพื่อนแสนดีที่ลึก ๆ ในใจเธอก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับตนเอง
แม้ไม่ได้หล่อเหลาจนเห็นแล้วสะดุดตาและต้องเหลียวมอง แต่ก็ถือได้ว่าเพื่อนรักของเธอเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ธวัชชัยยังจะเป็นชายหนุ่มที่แสนใจดี อบอุ่นและขยันขันแข็ง ใครได้เป็นแฟนคงจะโชคดีเป็นที่สุด ที่เธอก็เฝ้าภาวนาให้ผู้เป็นเพื่อนได้เจอกับผู้หญิงที่แสนดี เหมาะสมและรักใคร่ในตัวธวัชชัยอย่างจริงใจโดยเร็วที่สุด
ธวัชชัยบอกมาว่า ถึงงานของบริษัทแห่งนี้จะเหนื่อยสักหน่อย แต่เงินเดือนดี สวัสดิการอะไรก็ดี ถ้าต้องไปอยู่ต่างอำเภอก็ยังมีบ้านพักให้ด้วย มีการรับสมัครเมื่อไหร่จะบอกให้เธอรู้
“ปิ่นไม่มั่นใจว่าจะผ่านนะสิชัย บริษัทใหญ่ มีสวัสดิการดีๆ แบบนี้ ใครๆ ก็อยากจะไปทำงานด้วย คงมีคนแห่ไปสมัครกันเยอะแยะแน่เลย” ปิ่นปักโอดครวญเสียงใสแกมเศร้า ปัจจุบันที่การงานหายาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ จะต้องมีการเส้นสาย จึงจะสามารถผ่านเข้าไปทำได้ ซึ่งเธอไม่รู้จักใครเลยนอกจากธวัชชัยที่ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตพอจะฝากฝังได้ด้วย
“ไม่ต้องห่วง ที่นี่ไม่มีระบบเส้นสาย จะเข้าทำงานที่นี่ได้ ต้องพึ่งความสามารถของตนเองเท่านั้น ที่ปิ่นมีพร้อม...ทั้งเฉลียวฉลาด มีไหวพริบและประสบการณ์”
“แต่ปิ่นก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี” หญิงสาวเอ่ย ด้วยเคยเจอกับตัวเองเมื่อครั้นไปสมัครงานที่ยังไม่ทันจะได้กรอกรายละเอียดก็ต้องส่งเอกสารกลับ เพราะสายตาเหยียดหยาม กับคำพูดหมิ่นแคลนจากเจ้าหน้าที่รับสมัคร
‘มาสมัครงานจะต้องแต่งตัวให้ดูดี สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น แต่นี่อะไร...เหมือนกับยายป้าหลุดมาจากป่าลึก หาความเจริญหูเจริญตาไม่ได้เลย คงได้หรอกน่ะ งานนะ’
“จะไปแคร์ปากคนอื่นทำไม ก็รู้อยู่ ไม่มีใครต้องการเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเอง อีกอย่าง...ปิ่นแต่งแบบสุภาพเรียบร้อยอย่างนั้นแหละดีแล้ว คนที่รับสมัครเขาจะได้เชื่อว่า ถ้าตัดสินใจรับเข้าไปแล้ว เราจะตั้งใจทำงาน ไม่ใช่ใช้งานบังหน้า แต่ใจจริงอยากเป็นเมียนายหัว”
บางทีเห็นแล้วก็อดสงสารเหล่าสาวๆ หลายคนที่ไม่สนใจหน้าที่การงาน เอาแต่วาดคิ้ว เขียนตา ทาปาก ผัดแป้งให้หน้านวล ตั้งหน้าตั้งตารอยคอย ‘นายหัวเมฆ’ จนคอยืดคอยาว
หลายคำพูดให้กำลังใจที่ได้รับแต่ก็ไม่เท่ากับการตัดสินใจของตนเอง ทำแล้วไม่ได้ ยังดีกว่ามีโอกาสแล้วไม่ได้ทำ อีกอย่างธวัชชัยก็บอกว่า เขารับสมัครเพียงแค่สามวันเท่านั้นเองและวันนี้ก็เป็นวันที่สามที่ทางบริษัทได้ปิดป้ายประกาศไว้ด้วย
ปิ่นปักอมยิ้มเมื่อนึกถึงคำบอกที่ว่าให้เธอเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพราะถ้ามีตำแหน่งตรงกับที่เธอจบมา จะได้จัดการให้เรียบร้อยในทันที ไม่ต้องวิ่งกลับไปกลับมา ให้เสียเวลาและเปลืองเงิน แต่ถ้าไม่ตรงก็ไม่เป็นไรเขียนใบสมัครทิ้งๆ ไว้ มีตำแหน่งว่างเมื่อไหร่เขาก็จะเรียกสัมภาษณ์เองแหละ
ปิ่นปักอ่านป้ายประกาศด้วยความละเอียดและรอบคอบ ก่อนดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นคันใหญ่จะเปล่งประกายวามวาวด้วยสุขสมใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าตำแหน่งที่ประกาศอยู่นั้นตรงกับคุณวุฒิของเธอ ไหนจะประสบการณ์ที่ได้ช่วยเหลือครูอาจารย์ขณะกำลังเรียนอยู่ จบมาแล้วก็ยังรับทำบัญชีให้กับร้านขายของชำแถวบ้าน รายได้ถึงจะไม่มากแต่ก็พอเลี้ยงดูตัวเองได้ เมื่อมีโอกาสได้หน้าที่การงานที่มั่นคง มีความเจริญก้าวหน้าเธอก็ไม่อยากที่ละทิ้ง
“ถอยไม่ได้แล้ว สู้นะปิ่นปัก!” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความมั่นใจในตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเมฆินทร์การยางในทันที
โครม!
“โอ้ย!”
ยังไม่ทันจะถึงประตูกระจกใส ปิ่นปักรู้สึกถึงแรงปะทะที่ทำให้ร่างโปร่งกระเด็นหงายไปด้านหลัง ดีว่าได้แขนแข็งแรงคู่หนึ่งคว้าเอวไว้ ไม่เช่นนั้นเธอคงจะต้องล้มไปกองอยู่บนพื้นคอนกรีตให้ได้ทั้งเจ็บตัวและอายผู้คนที่มองมา
แว่นสายตาคันโตเอียงกระเท่เร่ ขาแว่นด้านหนึ่งหลุดจากใบหู ทำให้คนช่วยถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง
ดวงตากลมโตที่สุกสกาวราวกับตากวาง ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน ใบหน้ารูปไข่เนียนเรียบ จมูกเล็กโด่ง ปากรูปกระจับ ผมยาวสลวยปล่อยสยายถึงกลางหลัง ดำสนิทเป็นเงางามและ...กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกแปลกๆ ในทรวง
ดวงตาคมปราบที่มองกราดไปทั่วร่าง ก่อความหวั่นไหวทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับเต้นระรัวจนเกือบจะทะลุออก เหมือนพื้นที่ยืนอยู่จะสั่นสะเทือน เพราะความร้อนจากฝ่ามือที่อยู่บนแผ่นหลัง
ดวงตาเข้มมีพลังลึกลับชวนให้หวาดหวั่น ที่เธออยากจะหลบเลี่ยงไม่สบด้วยแต่เพราะความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นจึงทำอย่างที่คิดไม่ได้
มือเรียวสั่นระริกและเย็นจัดราวกับน้ำแข็งยกขึ้นเพื่อดึงเอาแขนแกร่งที่โอบเอวออก ขณะยกอีกข้างขึ้นผลักอกกว้างให้รีบถอยห่างจากตัวกาย แต่ไม่ว่าจะออกแรงมากเท่าไหร่ เมื่อชายหนุ่มไม่ยินยอมให้เป็นอิสระ เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้
“ปล่อย...ปล่อยค่ะ” ชวนให้ปิ่นปักตกใจมิใช่น้อยกับสำเนียงเสียงที่ดังจากปาก ทำไมถึงได้แห้งและแผ่วเบาอย่างนี้ก็ไม่รู้
เสียงแผ่วเบาใสฟังแล้วเย็นชุ่มฉ่ำใจ ไหนกลิ่นหอมที่เชื้อเชิญให้ดมดอม มีอำนาจเกินกว่าเขาจะยับยั้งชั่งใจได้
“เธอพูดอะไรนะ ฉันฟังไม่ค่อยชัด พูดใหม่อีกครั้งได้ไหม” ก็รู้นะ เธอพูดอะไร แต่เขายังไม่อยากทำตามและยังถือโอกาสนี้ดึงร่างโปร่งเข้ามาหา พลางก้มหน้าลงสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ได้กลิ่นแล้วสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
เขาเกือบจะกดจมูกโด่งลงไปบนแก้มนวลใสซับสีเลือดฝาด แต่นึกได้ว่า สถานที่ไม่เหมาะสม
“จะเดินเหินให้มันระวังหน่อยนะ ล้มลงไปจะเจ็บตัวและอายคนที่เขามองมา...น้องเอ๋อ” กระซิบเสียงนุ่มทุ้มก่อนจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ อย่างไม่ค่อยพึงพอใจสักเท่าไหร่