สัญญารักมาเฟียร้าย : ตอนที่ 6
"อิ่มจนแน่นท้องไปหมดแล้วค่ะ" น้ำเสียงหวานดังขึ้นขณะร่วมโต๊ะทานอาหารกับครอบครัว เพราะทั้งพ่อและแม่ของเธอพยายามตักอาหารใส่จานจนไอรีนกินต่อไม่ไหว
"ปล่อยให้ผอมขนาดนี้ได้ไง กินเข้าไปอีก" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างติติงเมื่อเห็นลูกสาวซูบผอมกว่าเมื่อก่อนมาก
"พ่อคะ ไอร์มานอนด้วยสองคืนนะ ไม่ใช่จะกลับเลยสักหน่อย สองวันนี้ไอร์จะอ้วนให้ดูเลย"
"คุณก็ชอบบังคับลูก ถ้าลูกอ้วนแล้วหนุ่มที่ไหนจะมาจีบละ จริงไหมยัยไอร์" ผู้เป็นแม่พูดทีเล่นทีจริง
"ใช่แล้ว ถ้าไอร์อ้วนไม่มีลูกเขย ไม่มีหลานให้เลี้ยงน๊าาา..." ไอรีนลากเสียงยาวริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เธอรู้ว่าลึกๆแล้วพ่อของเธออย่างมีหลานเหมือนเพื่อนคนอื่นบ้าง เพราะเวลาเข้าสมาคมก็มักจะคุยเรื่องลูกๆหลานๆ
"หาได้แล้วเหรอไงไอ้ลูกเขยที่แกพูดออกมา"
"โอ้โห เจ็บจี๊ดถึงก้นบึ้งหัวใจเลยค่ะ" ไอรีนทำท่าจับตรงหัวใจของเธอและทำหน้าตาเจ็บปวด
"ฮ่า ฮ่า...ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้ยังไม่มีคนมาจีบอีกเหรอ"
"แม่คะ แทงใจดำไม่ต่างจากพ่อเลยนะ"เธอหันไปพูดด้วยใบหน้าเง้างอ แต่จะว่าไปเธอก็ไม่มีใครมาจีบจริงๆอย่างที่พ่อกับแม่พูดนั่นแหละ
"แม่แซวเล่นไม่ต้องน้อยใจไป ว่าแต่ทำไมรอบนี้ถึงนอนได้สองคืนเลยละ ทุกทีนอนคืนนี้เช้าตรู่ก็รีบเร่งออกจากบ้านแล้ว"
"ช่วงนี้รับงานน้อยลงค่ะ ให้เวลากับตัวเองบ้าง หลังจากนี้อาจไม่ค่อยได้เห็นไอร์ออกงานเหมือนเมื่อก่อนนะ" ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มขณะตอบคำถามและปั้นคำโกหกเพื่อให้พ่อกับแม่สบายใจ
"ดีแล้วละลูก"
"ว่าแต่แม่กับพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับไอร์เหรอคะ ที่วันนั้นบอกไอร์ไว้เจอหน้ากันค่อยคุย"
"เอ่อ...." ผู้เป็นแม่ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน สายตามองไปยังบุคคลหัวโต๊ะ
"พ่อมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เราค่อนข้างสนิทกันมาก สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก และเรามีเรื่องที่สัญญาต่อกันไว้ว่าถ้าวันหนึ่งพ่อมีลูกสาวและเพื่อนคนนั้นมีลูกชายจะให้เกี่ยวดองกันไว้ทั้งสองครอบครัว"
"ดะ เดี๋ยวนะ ไม่ได้หมายความว่าจะให้ไอร์ไปแต่งงานกับใครไม่รู้ นี่มันคือการคลุมถุงชนนะคะพ่อ ยุคสมัยไหนแล้ว สัญญาแค่ลมปากป่านนี้เพื่อนพ่อคงลืมไปหมดแล้ว" ไอรีนโวยวายเสียงดังลั่น ตั้งแต่เล็กจนโตเธอถูกเลี้ยงมาอย่างดี ไม่มีใครบังคับเธอให้ทำในเรื่องที่ไม่เต็มใจ และครั้งนี้เธอก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการ
"ใจเย็นๆลูก"
"แม่คะ นี่มันอะไรกัน แม่ก็รู้เรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ"
"ใจเย็นยัยไอร์ ฟังพ่อให้จบก่อน พ่อกับแม่ได้คุยกันแล้วว่าจะไม่บังคับลูก และทางเพื่อนพ่อเขาก็ตกลงไม่มีปัญหาแต่ทางนั้นเขาอยากให้เราร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันสักมื้อเฉยๆ"
"แล้วยังไงคะ ต้องให้ไอร์ไปกินข้าวกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เหรอคะ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะไอรีน พ่อแม่ก็ไปกับเราด้วย อีกอย่างแม่เห็นว่ามันก็คือการรักษาน้ำใจนะ ทางนั้นเขาไม่มีปัญหาที่จะยกเลิกคำมั่นสัญญา พ่อเรานั่นแหละคึกคะนองในวัยรุ่นก็ไปรับปากส่งเดช ถือว่าเปลี่ยนที่ทานอาหารสักมื้อนะลูก"
"พ่อกับแม่ไม่ได้โกหกไอร์ใช่ไหมคะ ไม่ใช่มัดมือชกให้ไอร์ไปหาใครก็ไม่รู้นะ"
"พ่อกับแม่ไม่มีทางทำให้ลูกผิดหวังแน่นอน พ่อรู้ว่าเราไม่ชอบให้ใครบังคับ ลูกหัวแก้วหัวแหวนคนนี้พ่อจะบังคับใจได้ยังไงละ ไม่งั้นพ่อไม่ยกเลิกคำมั่นสัญญานี้หรอก ถึงจะตัดขาดกับเพื่อนสนิทไปเลยพ่อก็ยอม ไม่อยากให้ลูกพ่อต้องเสียใจ" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างเอ็นดูลูกสาวสุดที่รัก ด้วยความสนุกปากของตัวเองแท้ๆต้องมาทำให้คนรอบข้างลำบากใจ
"งั้นก็ได้ค่ะ ถ้าพ่อกับแม่ไปด้วยไอร์ก็ไม่มีปัญหา ว่าแต่เราจะไปหาเขาวันไหนเหรอคะ?"
"พรุ่งนี้จ๊ะ"
"ห๊ะ! พรุ่งนี้เหรอ ทำไมด่วนจี๋ขนาดนี้ละคะ" ไอรีนเผยสีหน้าตกใจไม่คิดว่าจะปุบปับขนาดนี้
"พ่ออยากให้มันจบเร็ว จะได้ไม่มีข้อผูกมัดกันอีกต่อไป"
ไอรีนมองหน้าผู้เป็นพ่อที่บ่งบอกว่าพูดความจริง และต้องการให้มันเป็นไปอย่างที่พูด ไม่คิดจะโกหกเธอ
"งั้นก็ได้ค่ะ"
วันต่อมา...
ครอบครัวของไอรีนยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆบริเวณบ้านที่มีชายฉกรรจ์นับสิบยืนอยู่ตามจุดต่างๆ และกว่าที่รถของเธอจะเข้ามาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการตรวจค้นรอบคันอย่างเข้มงวด
"พ่อแน่ใจนะคะว่านี่บ้านเพื่อนของพ่อจริงๆ เราไม่ได้มาผิดใช่ไหมคะ"
"อืม เพื่อนรักที่ดิ้นรนด้วยกันมา แต่เพื่อนพ่อเขาจับทางธุรกิจถูกเลยพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ"
"มาแล้วเหรอเพื่อนรัก" น้ำเสียงเข้มดังขึ้นชวนให้คนที่ได้ยินครั้งแรกถึงกับสะดุ้ง ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนกำลังเดินตรงมาหาทั้งสามคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม น้ำเสียงแบบนี้ทำให้ไอรีนพยายามว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
"นี่เพื่อนพ่อเอง ชื่อณรงค์"
"สวัสดีค่ะคุณอาณรงค์" ไอรีนยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"โตเป็นสาวแล้วสวยไม่มีที่ติจริงๆนะหลาน คงจำอาไม่ได้ละสิ่ อาเจอเราตอนยังแบเบาะอยู่เลย เสียดายนะที่เราต้องยกเลิกสัญญาใจกัน ไปๆเข้าบ้านกัน ตั้งโต๊ะเตรียมรับแขกสำคัญเรียบร้อยแล้วละ" ชายวัยกลางคนพูดอย่างน่าเสียดายที่ไม่ได้เกี่ยวดองกับลูกสะใภ้คนนี้ ก่อนที่คู่เพื่อนรักพากันเดินกอดคอเข้าบ้านอย่างกับวัยรุ่น
"สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอคะแม่" ไอรีนมองตามหลังทั้งคู่ก็อดที่ถามผู้เป็นแม่ไม่ได้
"เพื่อนซี้ปึกเลยละ ร่วมทุกร่วมสุขกันมา ถ้าพ่อเรายอมมาทำงานด้วยบ้านเราคงมีแบบนี้ แต่พ่อเราบอกว่าขอใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายดีกว่าเลยไม่ยอมมาทำธุรกิจด้วย"
"อ่อๆ ไอร์รู้สึกคุ้นๆคุณอายังไงก็ไม่รู้ค่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก" ไอรีนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ และบอกความสงสัยของตัวเองให้แม่ฟัง เธอรู้สึกคับคล้ายคับคราใบหน้าแบบนี้ สายตาและบุคลิกท่าทางแบบนี้มาก่อน
"อาจจะเคยเจอตามงานก็ได้นะ เพื่อนพ่อคนนี้เขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักในสังคม ออกตามงานบ่อยๆ"
“อ่อๆ…”
"คงงั้นมั้ง แต่รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ" ไอรีนพึมพำกับตัวเองหลังจากที่แม่ของเธอเดินเข้าไปแล้ว ไอรีนหันซ้ายหันขวาความรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ สุดท้ายก็รีบเดิมเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ตามทุกคนไป
แค่เพียงเธอเข้ามาก็อึ้งไปกับภายในของบ้านที่ทั้งหรูและมีระดับสมฐานะ ของใช้ทุกอย่างเป็นแบรนด์เนมทั้งหมด แชนเดอเลียร์คริสทัลที่กำลังส่องแสงสว่างต้อนรับผู้มาเยือนอย่างสวยงาม บันไดวนตั้งเด่นเป็นสง่าราวกับปราสาทเจ้าหญิง แค่จินตนาการก็ทำให้นัยส์ตาทั้งสองข้างเป็นประกาย
“นี่บ้านคนหรือวังกันแน่” ไอรีนสบถเบาๆ แต่แล้วก็รีบดึงสติกลับมา
"มาๆ ทานข้าวกัน วันนี้อาเตรียมอาหารจากเซฟมิชลินไว้ต้อนรับหลานสาวคนสวยเลยนะ" ณรงค์พูดกับหลานสาวที่พึ่งเดินตามเข้ามาทีหลังด้วยรอยยิ้ม ไอรีนที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มตอบทันที
ไม่ใช่แค่การตกแต่งบ้านที่ทำให้เธอตะลึง แต่อาหารที่ถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะก็อลังการเช่นกัน แถมยังมีเซฟยืนอยู่ไม่ห่าง อย่างกับยกภัตตาคารสุดหรูมาไว้ที่บ้าน
"แล้วไหนลูกชายเอ็งละ ใช้ลูกทำงานจนไม่มีเวลากลับบ้านเหรอไง"
"มันอยู่ข้างบน ร้อยวันพันปีก็ไม่ค่อยจะกลับบ้านหรอก พอบอกจะมีสาวมาหาก็กลับมานอนบ้านได้"
"มึงไปตาม...."
"ไม่ต้อง!" ยังไม่ทันที่ณรงค์จะพูดสั่งลูกน้องจบ น้ำเสียงเข้มก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
ดวงตากลมโตเบิกตาโพลง น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง คนตัวเล็กนั่งตัวแข็งทื่อ พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น คำพูดห้วนๆบวกกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้
"นะ โนอาร์" ไอรีนพึมพำเบาๆ
"เป็นอะไรไปยัยไอร์ นั่งตัวเกร็งเชียว"
"ปะ เปล่าค่ะ" เธอตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"นึกว่าจะรอให้แขกกลับก่อนถึงจะโผล่มา" เสียงณรงค์พูดประชดประชันลูกชายตัวแสบอย่างเหลืออด
"สวัสดีครับคุณอาวิรุธ คุณอาอันดา" โนอาร์ไม่ได้สนใจคำพูดของพ่อตัวเอง แต่กลับทำท่าทางนอบน้อมกับแขกทั้งสองคนที่นั่งอยู่
"ไหว้พระเถอะลูก จำน้องได้ไหม ตอนเราเล็กๆยังมาหาน้องพร้อมกับพ่อเราอยู่เลย"
“จำได้สิครับ”
"น้อง...ไอรีน!"
ไอรีนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินชื่อตัวเองจากปากชายหนุ่ม เธอค่อยๆเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาวูบไหว ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งเผยรอยยิ้มมุมปากส่งกลับมาให้เธอ มือบางจิกต้นขาตัวเองอย่างแรงพยายามข่มอารมณ์
ครืด...
เสียงดันเก้าอี้ออกอย่างแรงด้วยฝีมือคนตัวเล็ก ทำให้ทุกคนหันมามองที่เธอเป็นตาเดียวกัน
"อะ เอ่อ...ไอร์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ" พูดจบไอรีนก็รีบผลุนผลันออกจากห้องอาหารทันที
"แล้วจะไปถูกเหรอนั่น" อันดามองตามหลังลูกสาวและทำท่าจะลุกขึ้น
"ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมไปบอกน้องเอง" โนอาร์รีบพูดแทรกและเดินตามหญิงสาวออกไปทันที เพียงแค่เขาหันหลังให้ทุกคนที่นั่งอยู่ รอยยิ้มทั้งหมดก็จางหายไปเหลือแต่ความนิ่งเฉยและสายตาดั่งสัตว์ร้ายเหมือนเดิม