บทที่ 9

1197 Words
อันธิกาใช้เวลาอยู่กับพ่อและแม่ได้ไม่นานก็ถูกจับแยกออกเมื่อถึงเวลาต้องลงมาด้านล่าง ภาพของเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่กำลังเดินตรงเข้ามาใกล้ทำให้วิศรุตแทบหยุดหายใจ แน่นอนว่าหล่อนสวย สวยเสียจนเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องมาแบ่งปันภาพความสวยงามนี้ให้คนนับร้อยๆได้เห็นไปพร้อมกับตัวเอง            “ยิ้มสิ! อย่าทำหน้าเหมือนมีคนตายในงาน ถ้ายังไม่อยากโดนดี!” ชายหนุ่มระบายความไม่พอใจใส่คนตรงหน้าทันทีที่รั้งเธอเข้ามาโอบกอดได้สำเร็จ ภาพที่ใครต่อใครได้เห็นนั้นเหมือนจะเป็นการหยอกล้อระหว่างเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว  จะมีก็แต่อันธิกาเท่านั้นที่รู้ว่ามันไม่ใช่     ไม่ได้ใกล้เคียงกับการหยอกล้อเลยแม้แต่นิดเดียวด้วย            “อันขออะไรอย่างได้ไหมคะพี่รุจ”              “ว่ามาสิ ถ้าให้ได้ฉันจะถือว่าทำบุญ!” เจ้าบ่าวตอบเหมือนไม่ใส่ใจ นั่นยิ่งทำให้อันธิกาลำบากใจที่จะขอ            “อัน..ขอแยกห้องนอนได้ไหมคะ” วิศรุตถึงกลับนิ่งไปเมื่อได้ยิน ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดจนนึกอยากจะบีบคอมันเสียตรงนี้เดี๋ยวนี้   กล้าดียังไงมาขอในสิ่งที่เขาไม่มีวันจะมอบให้ อย่าฝันไปเลย            “ฉันแต่งเธอไปเป็นเมีย คิดว่ายังไงล่ะ!” คำตอบที่แม้จะไม่ตรงต่อคำถามแต่อันธิกากลับเข้าใจดีกว่ามันแปลได้ง่ายๆ ว่าไม่! หญิงสาวไม่กล้าที่จะร้องขออะไรจากคนใจร้ายอีกเลยเพราะรู้ว่าคำตอบก็คงเหมือนเดิม            ทุกๆ อย่างผ่านพ้นไปอย่างไร้ซึ่งปัญหาจวบจนกระทั่งเวลาส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าหอมาถึง อันธิกาเสียน้ำตาไปหลายหยดให้กับคำอวยพรของพ่อและแม่ รวมไปถึงคุณสุวิชาเองก็ด้วยที่ทำให้เธอซึ้งใจที่ท่านยอมรับกัน     ทั้งหมดพากันออกไปหลังจากให้คำอวยพรเสร็จ            เป็นอีกครั้งที่อันธิกาทำตัวไม่ถูก หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องหอ นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอมีโอกาสได้เข้ามาเหยียบห้องนอนในคอนโดของสามีซึ่งตอนนี้ออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง มันเหมือนเธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาแล้วจริงๆ และมันคงดีกว่านี้ถ้าได้เข้ามาด้วยความรัก…           อ            “พี่รุจจะไปไหนคะ” เสียงหวานร้องถามเมื่อคนที่เดินกลับเข้ามาในห้องทำท่าจะเดินออกไป            “ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีผู้หญิงน่าเบื่ออย่างเธอ!” ซึ่งคำตอบนั้นเสียดแทงใจคนฟังไปไม่น้อย และยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อสามีของเธอก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวในคืนเข้าหอที่มันควรจะเป็นคืนที่เธอและเขามีความสุขร่วมกัน หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทั้งน้ำตา การเริ่มต้นชีวิตคู่ในคืนแรกนั้นทำให้เธอเจ็บช้ำจนแทบจะทนไม่ไหว มันเหมือนอย่างที่เขาบอกเอาไว้จริงๆ ว่านับจากนี้ไปชีวิตเธอจะไม่มีวันพบกับความสุขอีกเลย    จนกว่าจะตายจากกัน เธอ…กำลังรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทางด้านวิศรุตหลังจากพาตัวเองออกมาจากห้องหอชายหนุ่มก็ตรงดิ่งมายังผับประจำแทบจะทันที การกระทำของเขานั้นสร้างความแปลกใจแก่เจนภพและเจตน์ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าไอ้เพื่อนรักมันจะกล้าทิ้งเมียให้อยู่ลำพังในคืนเข้าหออย่างนี้ แต่ครั้นจะมีใครสักคนถามถึงความเป็นมาอีกฝ่ายก็กระดกเหล้าเข้าปากเข้าเสียก่อน “เฮ้ย!  นี่มันคืนเข้าหอของมึงนะ  จะดื่มให้ตายไปเลยรึไงวะ!” “เรื่องของกูมึงอย่ายุ่ง! มึงรู้ไหมว่ากูไม่ได้อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด แต่ที่กูต้องแต่งเพราะกูอยากเอาคืนให้น้องสาวกู!” ด้วยการเอาตัวเองมาผูกมัดไว้กับเจ้าสาวแสนสวยของมันเนี่ยนะ แค่ฟังเจนภพก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาเองก็พอรู้มาบ้างถึงสาเหตุการตายของน้องสาวเพื่อน แต่ไม่ยักจะรู้มาการตายของเด็กที่น่าสงสารคนนั้น มาเกี่ยวอะไรกับเจ้าสาวของไอ้รุจมันด้วย “มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ”  วิศรุตซึ่งอยู่ในอาการเมาเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ ซึ่งเมื่อได้รู้ทั้งเจนภพและก็เจตน์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คนรักของน้องสาวเพื่อนเขามาสารภาพรักกับเมียมันเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่วายเถียงสู้สุดขาดใจ สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยให้มันเพ้อไปตามที่มันอยากให้เป็น “ฉันล่ะสงสารคุณอันจริงๆ นี่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ไอ้รุจมันบ้ารึเปล่าวะที่ทำแบบนี้กับน้องเขา” เจนภพเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเท่าที่ฟังมาทั้งหมดเขาเองก็ยังหาเหตุผลไม่เจอเลยว่ามันจะเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้นตรงไหน   ไอ้รุจเพื่อนเขามันบ้า “นั่นน่ะสิ ไอ้บ้านี่ก็เหลือทน หรือพวกเราจะช่วยมันดีวะ” เจตน์เสนอขึ้น ใจเขาคิดเช่นเดียวกับไอ้เจนภพว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องปาหนันนั้นมันคืออุบัติเหตุ   ส่วนเรื่องใครจะรักใครนั้น  มันคือเรื่องที่ใครก็ห้ามไม่ได้จริงๆ “ก็ต้องรอดูไปก่อนว่ามันจะยังไงต่อ แต่กูว่าใจจริงมันคงไม่ได้เกลียดเมียมันหรอกว่ะ มึงคิดดูนะ คนอย่างไอ้รุจถ้าลองไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยมันจะยอมเอาชีวิตทั้งชีวิตของตัวเองมาติดบ่วงแบบนี้เหรอวะ” สิ่งที่เจนภพเอ่ยมานั้นทำให้เจตน์ต้องหันไปมองเพื่อนรักในทันที ซึ่งครั้งนี้มันมีเหตุผลหนักมากพอที่จะทำให้เขาเห็นด้วย เขากับมันรู้จักไอ้รุจดีกว่าใคร มีหรือจะไม่รู้ว่าเพื่อนรักของตัวเองนิสัยแบบไหน! อันธิกาถูกปลุกให้ต้องตื่นด้วยเสียงเคาะประตูห้องในช่วงตีสามของวัน หญิงสาวชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะเปิดประตูออกเพราะคิดว่าน่าจะเป็นสามีของเธอที่กลับมา ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดเพียงแต่ว่าเขาไม่ได้กลับมาคนเดียว “คุณเจนภพ คุณเจตน์” ยังมีเพื่อนสนิททั้งสองคนของเขากลับมาด้วย “มีคนเมาแล้วเพ้อหาแต่คุณอันครับ พวกผมก็เลยหิ้วปีกพากลับมาส่ง” เป็นเจนภพที่ไขข้อสงสัยให้เมียเพื่อนก่อนจะถือวิสาสะพยุงร่างไร้สติของวิศรุตเข้ามาในห้อง   โดยมีอันธิกาเดินตามหลังมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD